ความทรงจำในวันแรกของการทำงานตำแหน่งกุ๊กฝึกหัดของเพลินวานที่ร้าน... เลอ เฟ บลองส์ ปารีส เหมือนพรหมลิขิตขีดเส้นทางเดินเอาไว้ให้เขากับเธอ… วันที่เธอได้เจอเขาอีกครั้ง ผู้ชายในความฝันในคลาสเรียน… ตอนเป็นอาจารย์เธอไม่อาจเอื้อม แต่นี่คือเป็นพรหมลิขิตที่ทำให้เธอได้ใกล้ชิดกับเขาอีกครั้ง ความสุขเล็กๆ ของหญิงสาวพลัดถิ่นอย่างเธอ มันก็มีแค่นี้เอง… ความรักเป็นเหมือนน้ำทิพย์ชโลมใจ เป็นแรงกำลังใจให้เธอมีความสุขในการทำงานที่นั่น เพียงแค่ได้เห็นหน้าเขาใกล้ๆ ทุกวัน
เชฟอิริคเข้ามาเริ่มงานในตำแหน่งเชฟบริหารในร้านที่เพลินวานเพิ่งเข้าไปทำงาน ทว่าพอเปลี่ยนหน้าที่ ตัวตนของเขาก็เปลี่ยนไป แต่ไม่ว่าจะอย่างไร หัวใจของเธอก็อยู่ที่เขา
‘อะไรกัน! วองโกเลย์ที่เดียวเธอใช้เวลานานขนาดนี้เลยหรือ หรือจะต้องรอให้ลูกค้าทานของหวานไปก่อน… เธอเป็นกุ๊กที่ร้านมานานเท่าไรแล้ว… หัดกะเวลาให้พอดีกับชุดคอร์สด้วย แล้วนี่ก็เหมือนกัน นายจะผัดให้กุ้งเป็นกลายหินเลยรึไง ฉันบอกไปตั้งหลายครั้งแล้วว่าเมนูกุ้งทุกจานที่ผัดออกมา ข้างนอกจะต้องสุกพอดี ข้างในกุ้งจะต้องรักษาน้ำในตัวกุ้งไว้ เคยจำกันบ้างไหม… หา!?’
เสียงตวาดลั่นก้องครัวที่เธอได้ยินทุกวัน แต่ถึงอย่างนั้น… เธอก็ยังอยากได้ยินมันอยู่ดี หญิงสาวอดสงสารหลอดลมของเขาอยู่ครามครัน… มันคงเหนื่อยแทบไม่อยากอยู่กับเขา เชฟที่เธอเห็นตอนนี้ไม่เหมือนคนอยู่ในคลาสเรียนสักนิด
จานหอยเชลล์ย่างซอสกระเทียมที่ถูกรังสรรค์ตกแต่งอย่างสุดฝีมือถูกนำมาวางตรงหน้า… โต๊ะเชฟของเขา
เคร้ง!
‘ไปทำมาใหม่… ที่นี่ไม่ใช่ร้านอาหารข้างทาง ถ้าทำได้ดีเท่านี้ก็ลาออกไป… อาหารผ่านโต๊ะเชฟของฉันต้องมีมาตรฐานที่ดีกว่านี้ เพราะอาหารที่ออกจากโต๊ะเชฟทุกจาน มันหมายถึงเชฟทำเอง… เข้าใจไหม’
เชฟหนุ่มเขี่ยขอบจานอย่างไม่แยแสความเสียหาย และเป็นอย่างนี้ทุกครั้งหากอาหารไม่ได้มาตรฐานของเขา
‘ค่ะเชฟ’
ฟินเลย์มิยองอีกจานถูกนำมาวางที่โต๊ะเชฟ เชฟอิริคมองหน้า ตาคมจับจ้องนิ่งที่ใบหน้าของคนนำอาหารมาวางเหมือนเป็นการตั้งคำถาม
‘เธอใช้สมองส่วนไหนคิด… เมื่อกี้เธอไม่ได้ยินที่ฉันสั่งให้นำจานเรียกน้ำย่อยกลับไปทำใหม่หรือ… หรือจะให้ลูกค้าทานเมนคอร์สก่อน… หา! กลับไปทำมาใหม่ เวลาทำอาหารก็หัดคุยกันด้วย’
‘ทำไมในคลาสเรียนที่เขาสอน เขาไม่เป็นแบบนี้เลยนะเธอ’ เพลินวานกระซิบถามเพื่อนชาวอิตาเลี่ยนที่เรียนในคลาสเดียวกัน และตอนนี้เพื่อนเธอก็ดูแลจานเย็นของร้าน
‘ซุบซิบอะไรกัน… รายการที่สั่งไปทำหรือยัง ว่างกันนักหรือไง’
‘ค่ะเชฟ’ สองสาวรับคำพร้อมกัน และเพลินวานก็แยกไปยืนหน้าเตาพาสต้าที่เธอดูแลอยู่ ไม่น่าเชื่อว่าคนที่เธอแอบปลื้มมานาน ผู้ชายอบอุ่นที่เธอรู้จักมาก่อนหน้า เขาจะมีอาการแบบนี้… เมื่ออยู่ในอีกหน้าที่ของเขา
เพลินวานยิ้มขื่น… ผินหน้ามองสูงขบกั้นสายน้ำตาที่เอ่อล้นพร้อมจะปริ่มออกมาให้กลับเข้าไปข้างใน
“ขอบคุณที่คุณเป็นแรงผลักดันให้ฉันนะคะเชฟ… ฉันจะทำครัวของฉันให้ดีเหมือนอย่างครัวของคุณให้ได้… เชฟอิริค” เพลินวานเอ่ยออกมาเบาๆ มองรอบครัวอย่างสำรวจอีกครั้ง
พนักงานในครัวนับสิบกำลังตั้งหน้าตั้งตาทำหน้าที่ของตน ห้องครัวก็ถูกเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นเหมือนทุกส่วนที่เธอผ่านมา เพลินวานไม่แปลกใจมากนักที่เห็นเป็นแบบนี้
“ทุกคน… ผมขอความกรุณาหันมาทางนี้หน่อย” ผู้จัดการบอกให้พนักงานหันมามอง ทุกคนต่างกำลังขะมักเขม้นกับการเตรียมของตรงหน้าตามหน้าที่ของตัวเอง ก่อนที่จะแตะข้อศอกแนะนำหญิงสาวที่พามาด้วย
“นี่คือเชฟเพลินวาน เธอจะกลับมารับตำแหน่งเชฟบริหารที่นี่ และอีกตำแหน่งเธอยังเป็นหุ้นส่วนของร้าน คุณภูริชญาเพิ่งส่งหนังสือแต่งตั้งฉบับล่าสุดมาให้ผมเมื่อวาน แล้วผมจะปิดป้ายประกาศให้ทุกคนดูเป็นทางการอีกที”
เพลินวานก้มศีรษะเล็กน้อยทักทาย พร้อมกับแนะนำตัวกับเพื่อนร่วมงานเอง
“สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้กลับมาทำงานที่นี่อีกครั้ง และได้ร่วมงานกับทุกคน ขอให้ทุกคนทำงานในตำแหน่งและหน้าที่ของตัวเองเหมือนเดิม เพลินจะยังไม่เปลี่ยนแปลงอะไร ขอเพลินใช้เวลาเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับงานก่อนนะคะ”
หญิงสาวกวาดสายตามองรอบห้องครัว มีเพียงไม่กี่คนที่เธอพอจะคุ้นหน้าบ้าง กะจากสายตาคร่าวๆ คงจะมีไม่เกินสามคนกระมัง ที่ยังเป็นคนเก่าแก่ของร้าน
หลายคนปรบมือต้อนรับแสดงความยินดีกับเธอ ถึงแม้จะมีอาการเก้กังตกใจไปบ้าง แต่ก็มีหลายคนที่ยังมองเธอหยันเหยียดอย่างไม่มั่นใจและไม่ยอมรับ เพราะ… ไม่เคยมีที่ไหนที่มีเชฟบริหารเป็นผู้หญิง แต่ถึงจะมี… ผู้หญิงคนนั้นต้องทำงานหนักและไต่เต้าจนเป็นที่ยอมรับ ไม่ใช่ว่าจะใช้เส้นสายเขามาในตำแหน่งเชฟบริหารอย่างนี้
เชฟคีตะอึ้งไปกับคำแนะนำตัวของผู้จัดการหนุ่ม ถ้าจะมีคนสังเกตเห็นจะพบว่าสายตาของเขาวาวฉายแววไม่พอใจอยู่ลึกๆ วันก่อนเขาเพิ่งได้รับคำสั่งให้เป็นคนจัดการทุกอย่างในครัว แล้วมันเกิดอะไรขึ้นสำหรับวันนี้ ไม่มีร้านอาหารหรือภัตตาคารที่ไหนจะมีเชฟบริหารถึงสองคน และตำแหน่งที่ว่า… เขาก็ทำงานในร้านแห่งนี้มานานนับสามปี หลังจากเชฟบริหารและเชฟเก่าแก่ของที่ร้านเกษียณอายุออกไป
เพียงไม่กี่นาทีที่ก้าวเท้าเข้ามาสัมผัส เพลินวานก็รู้สึกได้ถึงความคุกรุ่นในครัว เห็นทีว่าเส้นทางการทำงานในตำแหน่งเชฟของเธอจะไม่ง่ายเสียแล้ว แต่ยังไม่ทันที่คนอื่นจะได้พูดอะไร ผู้จัดการก็กล่าวแนะนำพนักงานในครัว เป็นเสียงที่ดังขึ้นขัดจังหวะความเงียบที่ยาวนานหลังจากสิ้นเสียงปรบมือเมื่อครู่
“เชฟเพลินวาน ผมขอแนะนำทีละคนนะ นี่คือเชฟคีตะ ตอนนี้เขารับหน้าที่เป็นเชฟบริหารของร้านของเรา ถัดไปเป็นเจ้าหน้าที่ครัวเมนไลน์ของร้านคุณกวี คุณพัตรทั้งทีมเข้ามาพร้อมกับเชฟคีตะ คุณนีดูแลเรื่องแพนทรีทั้งหมด ต่อมาเป็นไลน์ครัวไทยที่คุณคุ้นเคยเป็นอย่างดี คุณพิชา กับ คุณวาด ส่วนไลน์พาสต้ายังเป็นมาตินและที่เพิ่มมาก็จะเป็นบางคน ที่เห็นตอนนี้คุณก็น่าจะรู้จักเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ส่วนเรื่องพนักงานคนอื่นในครัวและหน้าที่ ผมขอส่งหน้าที่นี้ให้เชฟคีตะเป็นคนแนะนำจะดีกว่า ผมต้องขอตัวไปดูงานก่อน”
“ขอบคุณค่ะผู้จัดการ” เพลินวานกล่าวขอบคุณผู้สูงวัยกว่าที่พาเธอมาแนะนำ
คล้อยหลังผู้จัดการ เชฟคีตะก็ทำหน้าที่แนะนำ รวมไปถึงพนักงานในปกครองของเขาและเธอ ฟังจากน้ำเสียงและสีหน้าของเขา หญิงสาวรู้สึกได้ทันทีว่าเขาไม่ยอมรับ ไม่พอใจการมาของเธอเป็นอย่างมาก อีกทั้งสายตาของพนักงานในครัวหลายคนก็มีการต่อต้านอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะกวีลูกน้องคนสนิทของเชฟคีตะ
“ในครัวมีเชฟบริหารสองคนไม่ได้ คุณก็น่าจะรู้ดีนะ การมีเชฟบริหารสองคนก็เหมือนวงดนตรีมีผู้นำวงสองคน เราจะเล่นเพลงไปในทิศทางเดียวกันได้อย่างไร แล้วในที่สุดเพลงก็ไม่เป็นเพลง” กวีพูดออกมาด้วยสีหน้าและท่าทางไม่ค่อยพอใจคนมาใหม่มากนัก ทั้งที่เขาก็ไม่เคยรู้จักเธอมาก่อน
“ใช่… ความโกลาหลจะเกิดขึ้นในครัว… เราไม่ยอมรับหรอก” พัตรรับลูกต่อด้วยน้ำเสียงและสีหน้าไม่ได้แตกต่างจากกวีมากนัก แต่ความคิดส่วนลึก… เพราะเขาไม่ยอมรับเชฟที่เป็นผู้หญิงต่างหาก อย่างไรเสียผู้หญิงก็ทำงานด้านนี้ได้ดีไม่สู้ผู้ชายอยู่ดี ถึงแม้ว่าจะเก่งมาจากไหนก็ตาม