เวลาเริ่มงานวันต่อมา เชฟเพลินวานเดินเข้ามาพร้อมกับเชฟคีตะ รวมถึงกุ๊กในเมนไลน์ หลายคนมองอย่างประหลาดใจ แต่ก็ได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ จากสีหน้าของสองคน… เชื่อว่าต้องมีเรื่องแจ้งให้ทราบเป็นแน่ ไม่ต้องรอให้เรียก ทุกคนต่างหันมามองทั้งสองโดยพร้อมเพรียงกัน
“ฉันมีเรื่องที่จะประกาศให้ทุกคนทราบ ฉันจะยังไม่ยอมรับตำแหน่งเชฟบริหารของที่ร้าน ถ้ายังพิสูจน์ความสามารถให้ทุกคนได้เห็นไม่ได้ และร้านต้องมีเชฟบริหารเพียงคนเดียวเท่านั้น เราได้ตกลงกันแล้วว่าจะทำเมนูพิเศษประจำเดือนธันวาคม ถ้าใครสามารถเสนอเมนูและยอดขายได้มากกว่า คนนั้นจะเป็นหนึ่งเดียวที่จะเป็นเชฟบริหาร ส่วนประกาศแผ่นนี้… ฉันจะเป็นคนแจ้งคุณภูริชญาเอง ขอบคุณที่ฟังจนจบ ทุกคนทำงานต่อได้ค่ะ”
“ผมขอเสริมอีกหน่อย ผมต้องขอโทษกับเรื่องเมื่อสองวันก่อน ที่ผมเดินออกจากห้องครัวนี้ไป และทำให้ทุกคนต้องลำบาก สัญญาว่า… ต่อไปจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก และในช่วงระยะเวลาหลังจากนี้จนกว่าจะถึงสิ้นเดือนธันวาคม เชฟเพลินวานจะทำหน้าที่กับผมสลับกันคนละสัปดาห์การทำงาน”
“ก็ได้ค่ะ แต่ฉันขอทำเรื่องสต๊อกของและออร์เดอร์เอง ตกลงไหมคะ”
ทุกอย่างที่เธอมาที่นี่ เธอต้องการเพียงแค่นั้นจริงๆ ถึงแม้เชฟ คีตะกับสมาชิกในครัวจะงงไปบ้าง และมองเธออย่างแปลกใจระคนไป วันก่อนประกาศหนักแน่นว่าเธอมีสิทธิ์เพียงผู้เดียว แต่วันนี้ยอมง่ายดายซะอย่างนั้นแหละ
“ตกลง” ทั้งที่ตอบตกลง แต่แววตาของเชฟคีตะก็ฉายแววไม่พอใจอยู่ลึกๆ การดูแลเรื่องรายการถือเป็นงานหลักที่สำคัญที่สุดของเชฟบริหาร เธอจงใจประกาศแบบนั้นก็ไม่ต่างจากหักหน้าเขาอีกครั้ง แต่ไม่ทันที่ใครจะได้สังเกตเห็น แม้แต่ตัวเพลินวานเองก็ตาม
หลายวันทำงานและผ่านพ้นเวลาทำงานไปหลายชั่วโมง ทว่าเพลินวานยังคงนั่งทำงานและตรวจดูบัญชีในห้องอย่างเช่นทุกครั้งที่อยู่กับคุณมารตี เธอกลับดึกดื่นค่อนคืนทุกวันนับจากกลับมาทำงาน
‘เอ… ทำไมรายการสั่งซื้อของแปลกจัง หรือว่าเชฟคีตะจะไม่ได้ตรวจละเอียด’ นี่เป็นข้อดีอีกอย่างที่ผู้หญิงอย่างเธอทำได้ดีกว่าผู้ชาย
เพลินวานไม่อาจเก็บความสงสัยเอาไว้ เธอเดินไปหยิบรายการซื้อของย้อนหลังมาดู และมันก็เป็นไปอย่างที่เธอคิดไว้ รายการบางอย่างที่อยู่ในบัญชี ที่ร้านไม่เคยใช้เลยด้วยซ้ำ
สิ่งที่เห็นยิ่งทำให้เธอยิ่งอยากรู้ ตาเริ่มสว่างขึ้นไปทุกที เธอย้อนดูรายการไปเรื่อยๆ หญิงสาวยกมือทาบอกตกใจมากขึ้นไปอีก เมื่อตัวเลขในบัญชีรายการซื้อของของร้านเป็นแบบนี้มานานหลายปี
‘หรือว่าจะมีการทุจริต’
ลำแสงเจิดจ้าที่สาดลอดผ่านช่องมู่ลี่ในห้องทำงาน บอกให้รู้ว่าเวลาย่างเข้าสู่วันใหม่ เพลินวานเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ หญิงสาวเจ้าของร่างโปร่งระหงในชุดเชฟสีขาวนอนคอพับพิงอยู่บนพนักโซฟาเบท หน้าท้องแบนราบกลายเป็นที่รองรับแฟ้มหนาสองแฟ้มที่วางทับเธอหนักเป็นกิโลกรัม
ภูริชเข้ามาดูรายงานการทำงานแต่ละวันจากผู้จัดการ แต่เช้านี้เขาต้องแปลกใจที่เห็นนางไม้ที่เขาเปิดกล้องแอบมองเมื่อคืนยังอยู่ในห้อง
การแก้ปัญหาของเพลินวานที่เขารับรู้จากการรายงานของผู้จัดการอีกครั้ง ทำให้เขารู้สึกทึ่งใจนักเลง และนิยมในความทะนงตนของเชฟสาวไม่น้อย เมื่อเห็นว่าเธอจัดการทุกอย่างได้เป็นอย่างดี ก็ไม่จำเป็นที่เขาจะต้องยื่นมือเข้ามาในตอนนี้ ปล่อยให้เธอจัดการไปเอง
ชายหนุ่มยืนมองคนที่หลับอยู่นาน นึกถึงคำพูดของพี่สาวกับการรายงานของผู้จัดการร้านขึ้นมา
‘เชฟเพลินวานไม่ยอมรับตำแหน่ง จนกว่าเธอจะพิสูจน์ความสามารถให้ทุกคนเห็นได้ ว่าเธอมีความสามารถมากพอและมีความเป็นผู้นำ… และนำพาสกายมูนก้าวขึ้นสู้ร้านแนวหน้าห้าดาวให้ได้ครับ’
‘อย่างนั้นหรือ… แล้วตัดสินกันอย่างไรละ...’
‘ทุกปีเราจะออกเมนูโปรโมชั่นอาหารชุดประจำเทศกาลอยู่แล้วครับ แต่ปีนี้พิเศษหน่อย… ตรงที่เชฟทั้งสองคนจะแข่งกันออกเมนู ถ้าใครทำยอดขายได้มากกว่า คนนั้นจะได้ตำแหน่ง… เป็นเชฟบริหารที่ร้านครับ’
‘ดีเหมือนกันนะ… ต้องขอโทษด้วยที่ผมทำให้เรื่องวุ่นวาย ผมไม่เคยรู้มาก่อนจริงๆ ว่าเชฟบริหารต้องมีคนเดียว ไม่อย่างนั้นผมคงไม่ออกคำสั่งซ้ำกับพี่พิณหรอก ผมขอข้อมูลรายงานย้อนหลังของร้านหน่อยนะครับ จะได้ศึกษาเอาไว้บ้าง’
‘ไม่เป็นไรหรอกครับ ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด เป็นอย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน หนูเพลินจะได้พิสูจน์ตัวเองกับในครัวด้วย มันคงเป็นอีกเรื่องที่คุณไม่รู้มาก่อนว่า… บุคคลในสายอาชีพนี้ไม่ค่อยยอมรับเชฟบริหารที่เป็นผู้หญิง และก็มีเชฟบริหารที่เป็นผู้หญิงน้อยมากแทบนับคนได้ในเมืองไทย เรื่องเอกสารที่ขอ… ผมจะวางไว้ที่โต๊ะ ถ้าอยากได้รายงานเพิ่มเติม เราเก็บทั้งหมดไว้ในห้องทำงานของคุณ หยิบมาดูได้เลย’
‘อืม! อย่างนี้ก็มีด้วยหรือ ขอบคุณสำหรับเอกสาร’
‘ครับ… เป็นอย่างนี้หนูเพลินก็เลยไม่ยอมรับตำแหน่ง ถึงแม้ว่าจะเก่งมากแค่ไหน แต่ว่าพอทำงานไป ความรู้สึกที่ได้ก็ไม่เต็มภาคภูมิ’
‘นี่เธอทุ่มเทกับการทำงานมากขนาดนี้เลยหรือ’ เห็นทีเย็นนี้เขาคงต้องมาเป็นแขกสักวัน แวะมาชิมอาหารที่ร้านเสียแล้ว อยากทดลองความสามารถเชฟอวดดีคนนี้เสียหน่อย ว่าคนหน้าหวานเหมือนเด็กอ่อนหัดอย่างเธอ คนที่กล้าท้าแข่งเชฟกระดูกคนละเบอร์อย่างเชฟคีตะจะเก่งสักแค่ไหนกันเชียว
รถราติดขนัดยาวเหยียดยิ่งเป็นกลางเมืองอย่างนี้ยิ่งติดมากขึ้นเป็นสองเท่า ร้านอาหารกลับยิ่งคึกคัก เพราะเป็นช่วงสิ้นเดือนและวันหยุดสุดสัปดาห์ หลายรอบที่คนในรถสบถอย่างหัวเสีย ถอนหายใจออกมา การจราจรที่แสนเบื่อหน่ายของกรุงเทพฯ ทั้งที่ก่อนกลับมาเขาทำใจที่จะยอมรับมัน แต่ก็หงุดหงิดใจทุกครั้ง ที่ต้องเจอรถติดนานนับชั่วโมงอย่างนี้
พนักงานยืนจับกลุ่มดูป้ายประกาศในวันต่อมา คำสั่งประกาศิตของภูริช คือ งดจ่ายเซอวิสชาร์สเดือนนี้ของพนักงานที่เดินออกจากครัวในวันนั้น เพราะเขาไม่อยากให้เสียการปกครองและป้องกันการเกิดปัญหาแบบนี้ซ้ำซาก ถ้าใครไม่พอใจตรงไหนก็จะเดินออกมาจากครัวดื้อๆ แล้วไม่ได้รับการลงโทษ มันคงจะไม่ยุติธรรมกับคนทำงานมากนัก แค่นี้มันก็มากพอสำหรับพนักงานอย่างพวกเขา
วันนี้เพลินวานต้องยืนหน้าเตาพาสต้าแทนมาตินที่เป็นวันหยุดของเขา เชฟสาวจะต้องยืนในตำแหน่งที่มีคนหยุดสลับหมุนเวียนกันไปทุกวัน ยกเว้นในวันที่ทุกคนในครัวมาครบ เธอก็จะขึ้นไปนั่งดูรายการสั่งของเข้าร้าน เพื่อหาข้อปรับปรุงที่เธอต้องทำทุกวันหลังเลิกงาน