Chapter 1 คู่กัด

1492 คำ
Chapter 1คู่กัด “เธอไม่ได้กำลังสูญเสียเพลินวาน แต่เธอกำลังจะได้ความรักคืนต่างหาก รักของเธอรออยู่ที่จุดหมายปลายทาง ไม่ใช่สิ่งเลวร้ายที่อยู่เบื้องหลัง” ประโยคแผ่วเบาหลุดออกจากปากของคนกำลังคิดทบทวนถึงเหตุการณ์วนไปซ้ำมาไม่สิ้นสุด หลายประโยคหลุดออกมาจากปากของเธออย่างไม่รู้ตัว  หญิงสาวผินหน้ามองออกนอกหน้าต่างนกยักษ์ลำใหญ่ แม้เธอจะนั่งชิดฝั่งทางเดินและจะต้องมองผ่านอีกหลายที่นั่ง แต่ก็คงยังมองเห็นเมฆสีขาวเลื่อนลอยห่างออกไปสลับกับท้องฟ้าสีครามที่อยู่ไกลลิบ ผู้โดยสารอีก 3 คนที่นั่งถัดจากเธอไม่ได้อยู่ในสายตาของหญิงสาวแม้แต่นิด  เพลินวานเลือกที่จะทิ้งความปวดร้าวอันน่าอับอายไว้ข้างหลังและตีตั๋วเครื่องบินกลับบ้านเกิด เหมือนนกน้อยปีกหักกัดฟันถลาบินกลับให้ถึงรังรักที่เคยพักอาศัย เพียงหวังพึ่งไออุ่นจากอ้อมอกคนที่รัก กับถ้อยคำปลอบโยน “ทุกอย่างที่ผ่านมามันจะเป็นเพียงความทรงจำที่คอยย้ำเตือนให้ฉันแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น” หญิงสาวย้ำเตือนตัวเอง เพลินวานเลือกที่จะบอกลามหานครปารีส บินกลับมาลบเลียแผลใจที่บ้านเกิดเมืองนอน ‘บ้าน’ ในความทรงจำที่เธอจากไปหลายปี หญิงสาวนึกถึงใบหน้าของน้องชายวัยไล่เลี่ยกัน เธอก็ยิ้มออกมา ภาพของพวกเธอกำลังวิ่งเล่นไล่จับกันอยู่บนเนินเขาลูกเตี้ยๆ ในเมืองสามหมอก ตอนนี้เขาโตเป็นหนุ่มหล่อมีหน้าที่การงานที่มั่นคง สานความฝันของบิดาได้สำเร็จ  สติของคนเหม่อกลับมาอีกครั้ง เมื่อมีนิ้วมือเรียวหนาของคนนั่งข้างตัวสะกิดหัวไหล่เรียกหญิงสาว เพราะเขาเองก็นั่งมองเธออย่างสงสัยอยู่นาน   “คุณ! คุณนี่ท่าจะเพี้ยนนะ ผมเห็นคุณยิ้มและพูดอยู่คนเดียวมาสองสามชั่วโมงแล้ว”  เสียงทักพร้อมกับนิ้วมือสะกิดจากชายหนุ่มทำให้เพลินวานตกใจและรีบเรียกสติของตัวเองกลับคืน รอยยิ้มหวานหุบกลับแทบไม่ทัน แต่เธอก็สามารถเปลี่ยนรอยยิ้มเป็นสายตาอาฆาตได้เพียงข้ามวินาที เธอเกลียดความไร้มารยาทแบบนี้ที่สุด หญิงสาวมองชายหนุ่มอย่างไม่พอใจ คำพูดที่เขาพูดกับเธอเมื่อครู่ทำให้รู้ว่าเขาเป็นคนชาติเดียวกันกับเธอ หญิงสาวจึงตอบกลับด้วยประโยคที่เป็นภาษาไทย  “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณไม่ทราบ รู้หรือเปล่าว่าเสียมารยาทมากที่มานั่งมองคนไม่รู้จักแบบนี้” ชายหนุ่มหน้าเหวอ ไม่คิดว่าคนจะเสียมารยาทจะกลายเป็นเขา  “ผมแค่อยากจะบอกคุณว่า ผมต้องการความเงียบเพราะอยากพักผ่อน” หญิงสาวมองไปรอบๆ เห็นผู้โดยสารคนอื่นที่ร่วมเดินทางต่างนอนหลับพักผ่อน ไฟถูกเปิดเพียงให้แสงสลัว เพลินวานเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเป็นฝ่ายเสียมารยาทที่ส่งเสียงดังรบกวนคนอื่น ‘นี่เราเผลอคิดถึงเรื่องในอดีตจนยิ้มและร้องไห้ออกมาให้คนอื่นเห็นอีกแล้วหรือเนี่ย น่าอายชะมัด’ หญิงสาวคิดอย่างละอายในใจ เธอมักเผลอแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง  ทั้งที่อับอายจนแทบไม่กล้าเงยหน้ามองคนที่นั่งข้างๆ แต่ก็ต้องฝืนเชิดหน้ารั้นมองหน้าชายหนุ่มตาขวาง เพื่อกลบเกลื่อนความอายของตัวเอง ทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเป็นเชิงบอกว่า… ‘ทำไมล่ะ’ ชายหนุ่มหรี่ตามมอง “คุณแอบชอบผมหรือเปล่า ผมเห็นคุณแอบมองมาที่ผมอยู่บ่อยๆ”  คราวนี้หญิงสาวก็อารมณ์เดือดกับข้อหาที่เขายัดเยียดมาให้ เธอรีบยกมือปัดป้ายคราบน้ำตาที่รินไหลออกมาอาบสองแก้มลวกๆ ยืดคอให้เชิดตรงจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างเอาเรื่อง สายตาของเธอไม่ได้มองไปที่เขาเลยสักครั้ง แต่ก็จำต้องมองผ่านเขาไปเพราะที่นั่งของเธอชิดกับทางเดิน “จะบ้าไปกันใหญ่แล้ว ก่อนที่จะพูดอะไรออกมา… หัดดูหนังหน้าตัวเองก่อนเถอะยะ ว่าหน้าอย่างคุณมันน่าพิศวาสหรือเปล่า หน้าอย่างกับปลาบู่แป๊ะซะ ชิส์!” เพลินวานย่นจมูกหมั่นไส้ตอบกลับผู้ชายหลงตัวเองเสียงห้วน ใครจะยิ้มให้คนไม่รู้จักกันมาก่อนอย่างเขาล่ะ เธอคิดถึงน้องชายสุดที่รักอยู่ต่างหาก “เป็นเกียรติอย่างยิ่งครับคุณผู้หญิง...”  โดนต่อว่าแทนที่ชายหนุ่มจะโมโห แต่เขากลับยิ้มหน้าระรื่นเหมือนไม่รู้สึกเสียอย่างนั้น กลายเป็นว่าคนโมโหกลับเป็นหญิงสาวแทน  ‘ผู้ชายอะไรหน้าด้านหน้าทน โดนด่ากลับขอบคุณ’ หญิงสาวกัดฟันกรอดโมโหที่เธอทำอะไรเขาไม่ได้ ขยับตัวหันมาจ้องหน้าเขาให้ถนัด ยกมือขึ้นวางบนพนักพิงไม่พอใจ “เอ๊ะ! นี่ฉันกำลังด่าอยู่นะ ไม่ใช่กำลังชม คงเพี้ยน… คนด่ายังมีหน้ามายิ้มอีก” ชายหนุ่มไม่ได้ใส่ใจอาการไม่พอใจของหญิงสาวสักนิด แต่เลิกคิ้วสูงยิ้มยั่วกวนอารมณ์ให้เธอโมโหมากขึ้นกว่าเดิม มิหนำซ้ำยังยื่นหน้าเข้าไปใกล้เธอและบอกต่อด้วยน้ำเสียงทะเล้น  “เราคงเป็นเหมือนกันมั้งคร้าบ… คุณผู้หญิง คุณเองก็ยังนั่งร้องไห้ ยิ้มและนั่งพูดอยู่คนเดียวได้ตั้งนานสองนาน แล้วทำไมผมจะฟังคำด่าเป็นคำชมไม่ได้  เราน่าจะเป็นคนอารมณ์ดีเหมือนนะ คุณว่ามั้ย!” “เอ๊ะ! นี่… ขยับหน้าออกไปห่างๆ จากหน้าฉันได้ไหม ฉันจะนอนแล้ว” เพลินวานเผลอแหวเสียงดังอีกครั้ง เธอยกมือข้างหนึ่งขึ้นดันใบหน้าชายหนุ่มให้ห่างจากแก้มของตัวเอง พร้อมกับใช้อีกข้างออกแรงผลักร่างหนาออก พอชายหนุ่มเจอผู้หญิงเยอะสิ่งเรื่องมากอย่างเธอก็ทำให้เขาอดคิดถึงพี่สาวจอมเผด็จการไม่ได้ รายนั้นเรื่องมากเป็นที่หนึ่ง เหตุผลที่เขาต้องกลับมาคราวนี้ก็เพราะคำสั่งของเธอ  ‘ผู้หญิงคงจะเรื่องมากและโขกมาจากบล็อกเดียวกันหมดทั้งโลก’ เขาทำหน้าเหมือนเหนื่อยใจ “โถ่… แม่คุณ ที่นั่งของคุณก็อยู่ตรงโน้น ผมก็นั่งของผมอยู่ตรงนี้ คุณจะนอนก็นอนไปสิ เกี่ยวอะไรกับผมเนี่ย” ชายหนุ่มบ่น แต่ก็ยอมขยับตัวออกห่างจนชิดอีกฝั่ง “ก็คุณยื่นหน้าเข้ามาใกล้ขนาดนี้จะหลับลงได้ยังไง หันหน้าไปเลย” “เยอะไปมั้ยเนี่ย… อยู่บนเครื่องบินจะให้มีพื้นที่อะไรนักหนา ถ้าอยากได้พื้นที่ในการนอนเยอะๆ ทำไมไม่ซื้อตั๋วชั้นเฟิร์สคลาสล่ะคร้าบ...” ชายหนุ่มยังลอยหน้ายื่นจมูกเข้ามาใกล้อีกครั้ง คำพูดที่ออกจากปากก็ยียวนกวนอารมณ์ไม่เลิก เพลินวานรู้สึกหงุดหงิดและหมั่นไส้ผู้ชายยียวนข้างๆ เป็นที่สุด แค่เพียงครั้งแรกที่เจอเธอก็รู้สึกไม่ชอบผู้ชายคนนี้เสียดื้อๆ ถึงแม้รูปลักษณ์ภายนอกเขาจะดูดีแค่ไหนก็ตาม ยิ่งได้เห็นหน้าผู้ชายคนนี้ชัดๆ เธอก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาหล่อมาก ดวงหน้าคมเข้มรับกับผมรองทรงสั้น จมูกโด่งเป็นสันนูนเด่น อีกทั้งดวงตาคมกริบประดับด้วยแพขนตาดกหนาคู่นั้นยิ่งชวนมอง ผิวพรรณที่โผล่พ้นขอบแขนเสื้อให้มองเห็น บ่งบอกได้ดีว่าคงไม่ได้ต้องแสงแดด จนบางทีผู้หญิงอย่างเธอยังนึกอิจฉาความสมบูรณ์แบบในโครงหน้าของเขา  “ไม่ต้องพูดมากเลย หันหน้าไปเลย เป็นคราวซวยของฉันที่เจอผู้ชายแบบนี้บนเครื่อง คนจะนอนก็ไม่ได้นอน” เพลินวานบ่นไปพร้อมกับฟึดฟัดกระแทกกระทั้นไม่พอใจ โดยที่เมื่อครู่เป็นเธอเองที่สร้างความวุ่นวายจนเขาบอกให้เธอหยุดเพราะไม่สามารถนอนหลับได้ แต่เมื่อเห็นชายหนุ่มยังจ้องหน้ายิ้มทะเล้น เธอก็หันหน้าไปอีกด้านและปิดตาลงนอนอย่างหงุดหงิด ชายหนุ่มหัวเราะขำออกมาในลำคอ ทิ้งศีรษะลงบนพนักพิงและปิดเปลือกตาหลับลงตามหญิงสาวไป เครื่องบินตกหลุมอากาศทำให้ชายหนุ่มรู้สึกตัวอีกครั้ง ความรู้สึกหนักอึ้งทำให้ชายหนุ่มต้องรีบขยับตัวเบี่ยงออก ตอนนี้หัวไหล่ของเขากลายเป็นที่พักพิงของใครบางคน เขาถือโอกาสสำรวจคนที่เอนตัวมาหาและเกยใบหน้าบนหัวไหล่ของตัวเอง  พอปิดตาลงนอนเธอก็เหมือนเด็กมัธยม ปากที่ปิดเงียบสนิทในเวลานี้ทำให้ชายหนุ่มนึกเอ็นดู จนเผลอยิ้มออกมาที่มุมปากน้อยๆ  
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม