บทที่ 11 หาทางช่วยครอบครัว

953 คำ
บทที่ 11 หาทางช่วยครอบครัว เวลาห้าโมงเย็นที่บ้านหลิว.. หลิวจี้หยวนไปรับหลิวเหม่ยเหมยกลับมาบ้าน หลังจากที่เลิกเรียนแล้ว พอมาถึงบ้านก็พบกับพ่อหลิว แม่หลิว และหลิวอ้ายเหรินนั่งทำหน้าเครียดกันอยู่ “มีอะไรหรือเปล่าคะ” เป็นหลิวเหม่ยเหมยที่ถามขึ้น เมื่อเดินเข้ามาในบ้านเห็นพ่อแม่และพี่สาวนั่งหน้าเครียด เธอจึงไปนั่งข้างแม่ ตามด้วยหลิวจี้หยวน ที่เดินไปนั่งแล้วมองทั้งสามคนด้วยสายตาแปลกใจ ซึ่งเขาก็ถามย้ำคำเดิมของน้องเล็ก “นั่นสิครับ เกิดอะไรขึ้น ทำไมทุกคนทำหน้าเครียดกันแบบนี้ครับ” “จี้หยวน เหม่ยเหมย” พ่อหลิวมองลูกชายคนโตและลูกสาวคนเล็กด้วยสายตารู้สึกผิดที่ปิดบังลูกๆ หลังจากที่หลิวอ้ายเหรินเห็นเอกสารการเงินพวกนั้น เธอก็ถาม พ่อแม่ จนพวกท่านยอมเล่าถึงสถานการณ์ของบริษัทให้ฟัง หลังจากที่โดนยกเลิกผ้าล็อตนั้น สถานการณ์ของโรงงานก็ย่ำแย่ลงเรื่อยๆ มีลูกค้าหลายรายที่เลิกจ้างไป ทำให้โรงงานเกิดภาวะขาดแคลนทุน ทุกวันนี้อาศัยเงินจากการกู้ยืมมาหมุนก่อน พอถึงเวลาชำระ ก็ ไม่สามารถหาเงินมาทัน จึงทำให้ถูกธนาคารสั่งฟ้อง เดิมทีพ่อหลิวและ แม่หลิวคิดจะปิดบังลูกๆ เรื่องนี้ แต่เพราะหลิวอ้ายเหรินรู้เรื่องแล้ว จึง ไม่สามารถปิดได้อีกต่อไป “พ่อครับ เกิดอะไรขึ้น” หลิวจี้หยวนมองหน้าเคร่งเครียดของผู้เป็นพ่อด้วยสายตาเป็นกังวล เขาหวั่นใจ กลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น “คือ...” พ่อหลิวพูดไม่ออก ไม่รู้จะบอกลูกชายลูกสาวยังไงดี “ที่โรงงานมีปัญหาน่ะ และกำลังถูกธนาคารสั่งฟ้อง” เมื่อเห็นพ่ออ้ำอึ้งไม่ยอมพูด อ้ายเหรินจึงเป็นฝ่ายเปิดปากพูดขึ้นเอง “อะไรนะ” จี้หยวนอุทานเสียงตกใจ “จะ จริงเหรอคะพ่อ” เหม่ยเหมยเองก็ถามขึ้นเสียงสั่นเครือ “เป็นความจริงลูก” พ่อหลิวจึงจำต้องยอมรับ และก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกผิด “แล้วเราจะแก้ปัญหานี้ยังไงครับ” หลิวจี้หยวนนิ่งไปสักพัก จากนั้นก็ถามขึ้น เขาเป็นทหารไม่เข้าใจในระบบการบริหารงานในโรงงานมากนัก “พ่อกำลังหาทางคิดอยู่” พ่อหลิวพูดขึ้น เพื่อให้ทุกคนสบายใจ “วันนี้ก็มีการประชุมผู้ถือหุ้นแล้ว” แม่หลิวเองก็ช่วยพูดเช่นกัน “หนูไม่เรียนแล้วค่ะ” ด้านหลิวเหม่ยเหมยเมื่อเห็นความทุกข์ของ พ่อแม่ เธอจึงพูดขึ้นโดยไม่ต้องคิดนาน คำพูดของเหม่ยเหมย ทำให้ทุกคนพูดพร้อมกันว่า “เหม่ยเหม่ย” “เหม่ยเหมย พูดอะไรแบบนั้น” พ่อหลิวพูดกับลูกสาวคนเล็ก “นั่นสิ พูดอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่า” แม่หลิวมองลูกสาวด้วยสายตาดุๆ “ก็หนูไม่อยากเป็นภาระของครอบครัวนี่ค่ะ” หลิวเหม่ยเหมยคิดว่าการที่เธอเรียน จะเป็นภาระให้กับครอบครัวมากเกินไป เธอจึงตัดปัญหาไม่เรียนดีกว่า "เหม่ยเหมยเรียนต่อเถอะ เดี๋ยวพี่จะขายรถ เอาเงินให้พ่อไปหมุนก่อน” หลิวจี้หยวนบอกกับหลิวเหม่ยเหมย “ไม่ได้ จะไม่มีการเอาของลูกหรือใครไปทั้งนั้น เหม่ยเหมยเรียนไปเถอะลูก ส่วนจี้หยวน ลูกเป็นนายทหารยศไม่ธรรมดา ควรทำตัวให้สมกับตำแหน่ง รถคันนั้นเหมาะสมกับลูกแล้ว” แม่หลิวรีบบอกลูกทั้งสองคน พ่อหลิวก้มหน้าลงด้วยความละอายใจ เขาเห็นลูกยอมเสียสละแล้วก็รู้สึกว่าตนเองทำหน้าที่พ่อได้ไม่ดีและบกพร่องจริงๆ “แต่โรงงานกำลังมีปัญหานะครับคุณพ่อคุณแม่” จี้หยวนพูดขึ้น ในขณะที่ทุกคนกำลังเถียงกัน หลิวอ้ายเหรินที่นั่งเงียบอยู่นานก็เอ่ยแทรกขึ้นว่า “พ่อค่ะ แม่ค่ะ” “ว่าไงอ้ายเหริน” พ่อหลิวและทุกคนจึงหันไปสนใจหลิวอ้ายเหริน “ผ้าล็อตที่มีปัญหา หนูขอได้ไหมคะ” อ้ายเหรินถามพ่อเมื่อมีไอเดียที่จะจัดการกับผ้าเนื้อดีกองนั้น “ลูกจะเอาไปทำอะไร” พ่อหลิวถามลูกสาวด้วยความแปลกใจ “เอาไว้หนูทำสำเร็จแล้ว หนูจะบอกทุกคนนะคะ” อ้ายเหรินไม่อยากบอกในตอนนี้ เธอกลัวว่าทุกคนจะไม่เห็นด้วย “อ้ายเหริน นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะ ลูกจะเอาผ้าพวกนั้นไปทำอะไร” แม่หลิวมองบุตรสาวและห้าม เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้วผ้าพวกนั้นก็มีราคาแพงมาก เธอกลัวว่าลูกสาวจะเอาไปทำอะไรที่มันไร้สาระ “คุณ” พ่อหลิวหันไปห้ามภรรยา เพราะกลัวลูกสาวเสียใจ “หนูรู้ค่ะแม่ แต่เชื่อใจหนูนะคะ” อ้ายเหรินเอ่ยขึ้นและขอให้ทุกคนเชื่อใจเธอ “เอาเถอะ ถ้าลูกอยากได้ พ่อก็จะให้” พ่อหลิวตัดสินใจตัดบทขึ้น และยอมตามใจลูกสาวคนกลาง เพราะใจเขามันบอกว่าให้เชื่อใจลูกสาวคนนี้ เมื่อพ่อหลิวตัดสินใจแล้ว แม่หลิวก็ไม่สามารถพูดอะไรได้อีก ส่วนพี่ชาย และน้องสาว ก็ได้แต่มองหลิวอ้ายเหรินด้วยสายตาสงสัยเท่านั้น “ขอบคุณค่ะพ่อ” อ้ายเหรินยิ้มคนเดียว เมื่อนึกถึงผ้ากองนั้น เธอจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง และโรงงานของครอบครัวต้องกลับมายืนหยัดอีกแน่นอน…
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม