บทที่ 18 กลายเป็นคนไม่รู้จัก

2659 คำ
บทที่ 18 กลายเป็นคนไม่รู้จัก หลายอาทิตย์ต่อมา..ในเช้าวันหยุด อ้ายเหรินและเหม่ยเหมย เดินทางมาที่ห้างสรรพสินค้า เพื่อมาหาซื้อของใช้จำเป็น และเดินเที่ยวกันตามประสาพี่น้องที่เริ่มสนิทสนมกันมากขึ้น ครั้งนี้อ้ายเหรินเป็นคนพาเหม่ยเหมยมาหาเลือกซื้อสมุดหนังสือ อุปกรณ์ในการเรียน และก็แวะกินของหวานที่ร้านอาหารในห้าง.. “อิ่มหรือยัง” อ้ายเหรินถามเมื่อเห็นน้องสาวนั่งลูบท้อง และดื่ม น้ำชาจนหมดแก้วแล้ว “อิ่มมากเลยค่ะ” เหม่ยเหมยยิ้มให้พี่สาว เธอดีใจมากที่ได้มาเดินเที่ยวที่ห้างกับพี่สาว และวันนี้พี่สาวก็เป็นคนซื้อของใช้ต่างๆ ให้เธอด้วย อ้ายเหรินก็ยิ้มให้น้องสาวเป็นคำตอบ แล้วยื่นมือไปยีผมของน้องสาว เหม่ยเหมยย่นจมูกใส่พี่สาว พร้อมลูบผมเปียทรงใหม่ที่พี่สาวทำให้ “พี่รองอยากไปไหนหรือเปล่าคะ” เหม่ยเหมยถามเสียงอ้อน “เหม่ยเหมยล่ะ อยากไปที่ไหนไหม” อ้ายเหรินถามกลับ เมื่อลุกขึ้นจากเก้าอี้ “ฉันไม่มีที่ไปแล้วค่ะ ว่าแต่พี่รองเถอะ จะไปซื้ออะไรต่อไหมคะ ถ้าไม่มี ฉันว่าเรากลับบ้านกันเถอะ” เหม่ยเหมยยืนตาม แล้วชูถุงของใช้หลายใบให้พี่สาวดู เพื่อบอกว่า ‘ซื้อของได้ครบหมดแล้ว’ เพราะตั้งแต่มาเที่ยวห้างวันนี้ พี่สาวก็ตามใจเธอตลอดเลย คอยแนะนำเธอให้ซื้อของที่มีประโยชน์.. อ้ายเหรินเมื่อจ่ายเงินค่าขนมแล้ว เธอก็เดินนำหน้าออกจากร้านขนม แล้วหันมาบอกน้องสาวว่า “พี่อยากไปเดินดูเสื้อผ้าน่ะ” คำพูดของพี่สาวทำให้เหม่ยเหมยรีบเดินตาม แล้วขมวดคิ้วจนเป็นรอยหยักตรงหน้าผาก เมื่อมองเสี้ยวหน้าพี่สาว พร้อมถามด้วยความรู้สึกว่า “ชุดที่พี่รองทำเองสวยกว่าตั้งเยอะ ทำไมถึงอยากไปที่ร้านเสื้อผ้าด้วยค่ะ” เหม่ยเหมยไม่เข้าใจ เพราะพี่สาวเป็นคนเก่งกาจ สามารถทำเสื้อใส่เองได้ ชุดที่เธอและพี่สาวใส่มาวันนี้ ก็เป็นฝีมือของอ้ายเหรินเอง ซึ่งในตอนนี้ทุกคนในบ้าน คุณพ่อ คุณแม่ และพี่ใหญ่ ต่างก็ใส่เสื้อผ้าที่พี่อ้ายเหรินตัดทั้งนั้น เหม่ยเหมยยิ้มภูมิใจมาก ที่เสื้อผ้าการออกแบบและตัดเย็บฝีมือพี่รองไปได้ดี เวลาคนในบ้านใส่ออกงาน และไปไหนต่อไหน ต่างก็มีคนมองและเข้ามาถาม “พี่อยากไปดูการตลาดเฉยๆ ไม่คิดที่จะซื้อเสื้อผ้าใส่หรอก” อ้ายเหรินบอกเหตุผลน้องสาว เพราะความรู้สึกของเธอไม่คิดที่จะซื้อเสื้อผ้าอยู่แล้ว แค่อยากไปดูเสื้อผ้าแฟชั่นในตอนนี้ว่าเป็นแบบไหน เพื่อเอามาเป็นแนวทางและดัดแปลงให้เข้ายุค ก็เท่านั้นเอง “ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นเราไปกันเถอะ เริ่มจากร้านไหนดีคะ” เมื่อได้คำตอบจากพี่สาวแล้ว หลิวเหม่ยเหมยก็ยิ้มให้พี่สาว แล้วเอ่ยชวนด้วยท่าทางกระตือรือร้น.. ‘นี่ขึ้นห้างแล้วนะ ยังดูไม่มีระดับเลย’ อ้ายเหรินนึกในใจ เมื่อเดินผ่านร้านเสื้อผ้าแต่ละร้าน และช่วงเวลาที่เธอทั้งสองเดินเคียงคู่กันจะเข้าไปร้านเสื้อผ้านั้น.. “อ้ายเหริน เหม่ยเหมย นั่นใช่หลิวอ้ายเหรินกับหลิวเหม่ยเหมยไหม” ในขณะที่กำลังเดินเข้าไปในร้านเสื้อผ้าร้านหนึ่ง เสียงเรียกก็ทำให้สองพี่น้องหยุดและพากันหันไปมอง “คุณป้าฉาง” ทั้งคู่ทักทาย เมื่อพบว่าคนที่เรียกคือคุณนายฉาง หรือถังอวี้นั่ว ที่มีสถานะเป็นแม่ของเฉินหลงนั่นเอง และครอบครัวทั้งสองก็สนิทสนมกันมานานแล้ว “สวัสดีค่ะ” สองพี่น้องค้อมกายให้กับคนที่มาใหม่ และยังเป็นเพื่อนและมีอายุเท่าแม่ของพวกเธออีก “มาซื้อของกันหรือ” คุณนายฉางทักทาย พร้อมมองหญิงสาวทั้งสองด้วยความเอ็นดู เพราะเธอเห็นทั้งสองมาตั้งแต่เด็ก “ค่ะ คุณป้าฉางละค่ะ มาซื้อของหรือคะ” และก็เป็นหลิวเหม่ยเหมยเองที่ตอบและถามกลับ “ป้ามาหาซื้อเสื้อผ้าไว้ใส่ไปงานเลี้ยงน่ะ แต่หาไม่ได้สักชุด” คุณนายฉางบอก พร้อมมองชุดที่สองพี่น้องใส่มาวันนี้ ช่างสวยงามมาก “ค่ะ” สองสาวเมื่อได้ฟังก็พากันยิ้มเบาๆ ให้แล้วก้มหัวให้คุณนายฉาง แล้วพากันหันไปมองข้างหลัง “เฉินหลงทางนี้” คุณนายฉางเรียกลูกชาย แล้วพยักหน้าให้สองสาวหันไปมองลูกชายของตัวเอง “ค่ะ” เป็นเหม่ยเหมยเองที่มองตามสายตาของคุณนายฉาง ซึ่งเธอ ก็ยิ้มให้เฉินหลงเล็กน้อย เมื่อเขาเดินเข้ามายืนข้างคุณนายฉาง “…” ด้านอ้ายเหรินไม่พูดอะไร เธอทำเพียงแค่ปรายตามองเฉินหลงเล็กน้อย แน่นอนว่าเธอจำเขาได้จากความทรงจำที่ผ่านมา ร่างเดิมที่ต้องตายไป ก็ตรอมใจเพราะรักผู้ชายคนนี้.. ส่วนเฉินหลงชะงักไปเล็กน้อย เมื่อสบสายตากลมโตคู่นั้น ที่ครั้งหนึ่งไหวระริกเริงร่ายามเห็นเขา แต่วันนี้ทำไมหญิงสาวที่คอยเอาแต่วิ่งตามเขาตลอดเวลา ทำไม แววตาช่างเย็นชาเสียเหลือเกิน ‘ทำไมต้องตึงๆ ที่อกข้างซ้ายด้วยนะ’ เฉินหลงสีหน้าขรึม เมื่อสัมผัสได้ว่าเธอไม่เห็นเขาในสายตาเหมือนครั้งก่อนเลย “พี่เฉินหลง สวัสดีค่ะ” อาการตรึงเครียด ไม่มีใครพูด จึงทำให้เหม่ยเหมยเอ่ยทักทายอีกฝ่าย แล้วก้มหัวให้เขาเล็กน้อย พร้อมเหลือบตามองพี่สาวอยากดู ว่าพี่สาวจะมี ทีท่าอย่างไร “สวัสดีเหม่ยเหมย” เฉินหลงทักทายเหม่ยเหมยกลับ แต่สายตา สีเข้มก็เหลือบมองอีกคนที่ยืนสง่างามด้วยชุดกี่เพ้าสีโอลด์โรสลายดอกเหม่ย ซึ่งชุดที่เธอใส่ เขายอมรับว่าสวยและเหมาะกับเธอมาก ไหนจะ ทรงผมที่ถักเปียตะขาบฟูๆ เบี่ยงข้าง ช่างเข้ากับใบหน้ารูปไข่ที่เธอแต่งแต้มเครื่องสำอางบางเบา ‘ยอมรับว่าสวยน่ารักดี’ เฉินหลงนึกในใจ “สวัสดีค่ะ” ด้านอ้ายเหรินเชิดหน้าเล็กน้อยเมื่อเอ่ยทักเขา เธอรู้สึกถึงสายตาสีนิลที่มองมานั้น เธอจึงทำเพียงแค่ทักและก้มหัวให้ แต่น้ำเสียงนั้นเย็นชาหมางเมินมาก เหมือนกับว่าเธอและเขาไม่เคยรู้จักกันมาก่อนอย่างไรอย่างนั้น “อื้ม” เฉินหลงทีแรกก็ยิ้มมุมปากให้ แต่เมื่อได้ยินเสียงทักทายของอ้ายเหริน ก็ทำให้เขาหุบยิ้ม แล้วขานรับในลำคอที่ตีบตัน “คุยกับน้องดีๆ สิ” คุณนายฉางอดไม่ได้ที่จะตำหนิลูกชาย ที่ชอบทำหน้านิ่งหมางเมินเวลาเจออ้ายเหริน “เอ่อ อย่าไปว่าพี่เฉินหลงเลยค่ะ” เหม่ยเหมยรีบบอกคุณนายฉาง “…” ด้านคุณนายฉางไม่พูดอะไร แต่นางกลับใช้สายตามองตำหนิลูกชาย พร้อมแอบมองอ้ายเหรินที่ดูผิดไปจากเดิมมาก การแต่งตัวที่เมื่อก่อนจี๊ดจ๊าด ชุดที่ใส่ต้องสีแดง สีส้ม ชุดแต่ละชุดของเธอต้องแหวกยาวจนเห็นโคนขา แต่ตอนนี้อ้ายเหรินแต่งตัวเรียบร้อยและสวยทันสมัยมาก ชุดที่ใส่ก็สีอ่อนเข้ากับใบหน้าที่แต่งแต้มสีไม่จัดจ้าน “เหม่ยเหมยไปกันหรือยัง ฉันต้องไปแล้วนะคะคุณป้าฉาง” อ้ายเหรินไม่มองหน้าเฉินหลงสักวินาทีเดียว เธอถามน้องสาวแล้วหันไปก้มหัวให้คุณนายฉาง “ค่ะพี่รอง” ด้านเหม่ยเหมยขานรับพี่สาว แล้วหันไปก้มหัวเอ่ยลาคุณนายฉางและเฉินหลง และช่วงเวลาที่ก้มหัวให้เฉินหลงเพื่อลาเขาและกำลังจะเดินออกจากตรงนั้น เธอก็ต้องหยุดเดิน “อ้ายเหริน เดี๋ยวก่อนสิ” คุณนายฉางเรียก พร้อมทั้งเดินไปยืนตรงหน้าอ้ายเหริน “คุณป้าฉางมีอะไรหรือคะ” อ้ายเหรินถาม พร้อมมองหน้าคุณนายฉาง และครั้งนี้เธอได้สบตา สีเข้มจังๆ เมื่อเขาเดินตามคุณนายฉางมายืนตรงหน้าเธอ “เมื่อวันก่อนป้าเห็นคุณนายหลิวใส่ชุดใหม่ แบบสวยมาก ป้าอยากรู้ว่าไปหาซื้อที่ร้านไหนหรือ อ้ายเหริพอจะรู้ไหม” คุณนายฉางไม่กล้าที่จะถามคุณนายหลิวเพราะกลัวเสียหน้า นางจึงถือโอกาสถามเอาความจากพวกเธอ “คุณแม่ไม่ได้ซื้อหรอกค่ะ แต่เป็นฝีมือพี่รองตัดเย็บให้คุณแม่ค่ะ คุณป้าฉาง” เป็นเหม่ยเหมยเองที่บอกคุณนายฉาง “อ้ายเหรินตัดชุดเป็นด้วยหรือ” คุณนายฉางทำหน้างสงสัยหันไปมองอ้ายเหริน “คุณป้าฉางค่ะ พี่รองไม่แค่ตัดชุดให้คนที่บ้านใส่อย่างเดียวนะคะ พี่อ้ายเหรินยังทำอาหารอร่อยๆ ให้คนที่บ้านกินด้วยค่ะ” เหม่ยเหมยบอกคุณนายฉาง แต่สายตาตื่นเต้นก็แอบมองเฉินหลงที่ยืนทำหน้านิ่ง “จริงหรืออ้ายเหริน” คุณนายฉางยิ้มให้อ้ายเหริน “…” อ้ายเหรินไม่ตอบ แต่เธอพยักหน้ารับเป็นคำตอบ “ถ้าคุณป้าไม่เชื่อก็ถามพี่เฉินหลงสิ” เหม่ยเหมยโยนให้เฉินหลงตอบ เพราะเธอรู้ว่าเฉินหลงก็ได้กินอาหารที่พี่รองทำ เพราะพี่รองห่อให้ พี่ใหญ่เอาไปกินที่ทำงาน และยังทำเพื่อเพื่อนๆ ของพี่ใหญ่ที่ทำงานด้วย “…” คุณนายฉางไม่พูด แต่นางหันไปจ้องหน้าเพื่อเอาคำตอบจากลูกชาย ด้านเฉินหลงมองอ้ายเหรินที่ยืนคอตั้ง ไม่ยอมชายตามองเขา ก็นึกขุ่นใจ จึงพูดออกไปทั้งที่ขัดกับความรู้สึกว่า “ผมถูกจี้หยวนบังคับให้ลอง ชิมดู รสชาติก็อร่อยดีครับ” เฉินหลงบอกเสียงนิ่งๆ และหยุดพูด แต่เมื่อแม่ยังมองหน้าเขาเพื่อต้องการคำตอบให้แน่ชัด เขาจึงพูดต่อว่า “ตอนนี้จี้หยวนห่อข้าวไปกินที่ทำงาน แล้วไอ้หมอนั้นก็แจกอาหารที่มันห่อไปให้ทุกคนชิมครับ” “ทุกคนว่าไงละ” คุณนายฉางถามลูกชาย “ทุกคนก็ว่าอร่อยดีครับ” เฉินหลงตอบเสียงไม่ค่อยเต็มปาก “อร่อยจนภรรยาของผู้พันสั่งให้พี่รองทำอาหารส่งไปให้ทุกวันเสาร์เลยค่ะคุณป้าฉาง เพราะทุกวันเสาร์ที่บ้านผู้พันจะจัดงานเลี้ยงแขกผู้หลักผู้ใหญ่” เหม่ยเหมยบอก เหม่ยเหมยรู้ เพราะพี่ใหญ่เป็นคนบอก “อ้ายเหรินเก่งจังเลยนะ” คุณนายฉางเอ่ยชมหญิงสาวตรงหน้า ซึ่งนางไม่คิดเลย ว่าไม่ได้เจออ้ายเหรินเพียงแค่เดือนเดียว หญิงสาวจะเปลี่ยนแปลงไปขนาดนี้ ‘เปลี่ยนไปในทางที่ดีเสียด้วย’ คุณนายฉางยิ้มกว้าง พร้อมกับชื่นชมอ้ายเหรินในใจ “พี่รองเก่งที่สุดเลยค่ะคุณป้าฉาง” เหม่ยเหมยบอกพร้อมเข้าไปยืนเกาะแขนพี่สาว “แล้วชุดที่หนูสองคนใส่นี่ ก็ฝีมือของอ้ายเหรินใช่ไหม” คุณนายฉางถาม พร้อมมองสำรวจชุดกี่เพ้าที่สวยทันสมัยมาก “ใช่ค่ะคุณป้าฉาง” เป็นเหม่ยเหมยเองที่ตอบแทนพี่สาว “ป้าต้องทำยังไงถึงจะได้ชุดสวยๆ ใส่ไปงานเลี้ยงกับเฉินหลงนะ” คุณนายฉางเก็บพัดไว้ในกระเป๋า แล้วยื่นมือไปจับมือของอ้ายเหริน “ถ้าคุณป้าฉางชอบ ก็นัดวันกับฉันได้นะคะ เดี๋ยวฉันจะดูคิวให้ คุณป้าฉางเอง” เหม่ยเหมยทำหน้าที่เป็นเลขาของพี่สาว เอาสมุดจัดการงานออกมาเตรียมจดนัดวันและเวลา “พรุ่งนี้ได้ไหม ป้าจะไปหาที่บ้าน อ้ายเหรินว่างไหม”คุณนายฉางถามเหม่ยเหมย แต่สายตาเต็มไปด้วยความเอ็นดูก็มองอ้ายเหริน “เอ่อ…” อ้ายเหรินไม่ทันได้พูดอะไร ก็ต้องเงียบไว้ เมื่อ.. “พี่รองตอนนี้อยู่ติดบ้านทุกวันค่ะ คุณป้าฉางจะไปกี่โมงค่ะพรุ่งนี้” เหม่ยเหมยถามขึ้นอย่างสดใส เพราะพี่สาวจะได้มีงาน เพื่อทำเงินเพิ่ม อีกไม่นายจะต้องเปิดร้านได้แน่นอน “สิบเอ็ดโมงเช้าได้ไหม” คุณนายฉางบอก “ได้ค่ะ ถ้าเสร็จแล้วก็เชิญทานข้าวเที่ยงที่บ้านด้วยกันนะคะ คุณแม่คงดีใจที่คุณป้าฉางไปเที่ยวหา” ครั้งนี้เป็นอ้ายเหรินเอง ที่เอ่ยชวนหญิงรุ่นเดียวกับแม่หลิว ซึ่งจริงๆ แล้วแม่หลิวและคุณนายฉางก็เป็นเพื่อนกันนั่นแหละ “งั้นตกลงสิบเอ็ดโมงนะคะ” เหม่ยเหมยถาม พร้อมจดตารางเวลาใส่สมุดนัดลูกค้า “อื้อ” คุณนายฉางยิ้มดีใจที่จะได้ใส่ชุดสวยๆ ทันสมัยไปงานเลี้ยงกับลูกชาย และทุกคนต่างก็อยู่ในความเงียบ ไม่มีใครพูด โดยเฉพาะเฉินหลง เขาเอาแต่มองอ้ายเหรินตาไม่กะพริบ จนเหม่ยเหมยต้องเอ่ยขึ้นว่า “ถ้าอย่างนั้น ฉันกับพี่รองคงต้องขอตัวก่อนนะคะ” เหม่ยเหมยแอบดูแววตาของเฉินหลงที่มองอ้ายเหริน ซึ่งอ้ายเหรินดูอึดอัดมาก เธอจึงเอ่ยลาและพาพี่สาวออกไปจากที่นี่ “ได้ๆ เดินทางกลับบ้านดีๆ นะ” คุณนายฉางไม่ได้รั้งทั้งสองเองไว้ “ฉันขอตัวนะคะ” อ้ายเหรินก้มหัวให้คุณนายฉาง แล้วหันไปมองเฉินหลงเล็กน้อย และก่อนที่จะเดินจากไป เธอก็ก้มหัวให้เขาตามมารยาท... เมื่อลับหลังหญิงสาวทั้งสอง คุณนายฉางก็ละสายตาจากสองสาว ที่เดินไปไกล แล้วหันมาถามลูกชายว่า “อ้ายเหรินเลิกตามลูกแล้วหรือ” เสียงของแม่ทำให้เฉินหลงตื่นจากความคิด เขาก็ละสายตานิ่งๆ ที่จ้องแผ่นหลังของอ้ายเหรินหันมาพูดกับแม่ว่า “อะไรทำให้คุณแม่คิดอย่างนั้นครับ” “ก็ดูจากสายตาที่อ้ายเหรินมองลูกไงละ” คุณนายฉางบอกลูกชาย “มีอะไรแปลกไปจากเดิมหรือครับ” เฉินหลงถามด้วยสีหน้านิ่ง แต่ในใจกลับไม่ได้นิ่ง ซึ่งเขารู้สึกใจเต้นรุนแรงมาก จนเขาต้องยกมือขึ้นกุมไว้ “ก็เย็นชา หมางเมิน ห่างเหิน ทำเป็นไม่สนใจและไม่รู้จักลูกไง” คุณนายฉางอธิบาย เมื่อนึกถึงสายตาของอ้ายเหรินที่มองลูกชาย “คุณแม่คิดอย่างนั้นเหรอครับ” พอได้ยินอย่างนั้น เฉินหลงก็ใจกระตุกเล็กน้อย จากนั้นก็ทำตัวให้เป็นปรกติ เพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกข้างในใจที่มันขัดกัน “ก็ใช่น่ะสิ ไม่ดีหรือที่น้องเลิกตามลูกแล้วนี่ เมื่อก่อนเห็นน้องวิ่งตาม แม่เห็นลูกรำคาญดีนัก ตอนนี้น้องไม่สนใจแล้ว สบายใจได้แล้วสินะ” คุณนายฉางพูดประชดลูกชาย แล้วเดินเข้าไปในร้านเสื้อผ้า เพราะนางไม่อยากยืนคุยกับลูกชายที่เย็นชาไร้หัวใจ “…” ด้านเฉินหลงไม่มีคำตอบ เขาถูกทิ้งให้ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ด้วยท่าทีที่ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ‘ทำไมสับสนอย่างนี้นะ’ เฉินหลงถามความรู้สึกของตัวเองในใจ…
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม