MISS YOU SO MUCH

2161 คำ
ฮันส์ลืมตาตื่นขึ้นมาจากความมืดมิด ก่อนจะพาลพบกับทุ่งดอกทานตะวันเหี่ยวเฉาไร้ซึ่งการดูแล เธอจ้องมองไปที่เหล่าดอกไม้พวกนั้นด้วยความรู้สึกจุกอกจนหน่วงล้น ก่อนจะพาร่างสูงของตนเดินไปดูให้รู้ทราบถึงสาเหตุ แต่กลับแปลกที่เหล่าทานตะวันกลับบานสะพรั่งเป็นดอกไม้งดงามอยู่ดังเดิมแค่เพียงร่างสูงก้าวเท้าผ่าน ฮันส์ไม่เข้าใจจึงกลับลำเดินหันหลังเพื่อรอดูปฏิกิริยาของเหล่าดอกไม้นั้น เมื่อยามที่ตัวของเธอเดินจากออกไปแสนไกล ดอกไม้ที่เคยงดงามก็กลับมาเหี่ยวเฉาเหมือนคราแรก แต่เมื่อร่างของเธอก้าวผ่านที่ต้นใด ดอกทานตะวันก็กลับมาบานสะพรั่งราวกับตัวเธอนั้นเป็นดวงอาทิตย์ให้พวกมันได้รับแสง ฮันส์หันหลังกลับไปมองทางข้างหน้าอีกครั้้งหนึ่ง ก่อนจะพบพาลกับหญิงสาวที่นั่งอยู่ในความมืดมิดและกอดขาของตนเอาไว้อย่างน่าสงสาร เธอไม่รอช้าที่จะเดินเข้าไปชิดใกล้ ก่อนที่ความสวยงามของเจ้าหล่อนนั้นจะเงยหน้าขึ้นมาสบมองกันและยกยิ้มออกมาจนเต็มใบ “เธอคือดวงอาทิตย์ของฉัน...ฮันส์” เจ้าหล่อนเอ่ยบอกทั้งยังแย้มยิ้มออกมาให้คนได้ฟังนั้นถึงกับยิ้มหวาน เจ้าหล่อนขยับเข้ามาชิดใกล้ก่อนจะดึงรั้งร่างของเธอให้ลงไปนั่งอยู่ข้างกาย “ทำไมเธอถึงมานั่งอยู่คนเดียวแบบนี้ล่ะ?” ฮันส์เอ่ยปากถามสาวน้อยที่นั่งอยู่ข้างกายของเธออย่างไม่เข้าใจ “ฉันเป็นเพียงดอกทานตะวันที่เหี่ยวเฉาเมื่อยามที่ร่างกายของฉันไม่ได้ต้องกับแสงแดดจากดวงอาทิตย์” เจ้าหล่อนเอ่ยเสียงเศร้าและจ้องมองไปข้างหน้าที่เธอก็ไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรนอกเสียจากความมืดมิด “แต่เธอคือแสงสว่าง เธอคือดวงอาทิตย์ที่เคียงคู่กับดอกทานตะวันอย่างฉัน ได้โปรด...อยู่เคียงข้างกันอย่างนี้ตลอดไปจะได้หรือไม่?” เจ้าหล่อนเอ่ยน้ำเสียงวิงวอนและสบมองใบหน้าของเธอด้วยความซื่อตรง ขึ้นชื่อว่าดอกทานตะวันนั้นคือตัวแทนของความหยิ่งทะนง เพราะไม่ว่าใครจะมองหรือเรียกหาอย่างไร มันก็ไม่เคยคิดจะหันมาสนใจและจดจ้องแค่เพียงดวงอาทิตย์เท่านั้น แต่ใครเล่าจะรู้...ว่าความจริงแล้วดอกทานตะวันนั้นมีความนัยยะแฝงถึงความซื่อสัตย์เพราะเมื่อไหร่ที่ดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไป มันก็ไม่เคยจะชายตาแลผู้ใดเลยเพราะหนึ่งเดียวในดวงใจของมันคือพระอาทิตย์แต่เพียงเท่านั้น “ตกลง...ฉันจะเป็นดวงอาทิตย์เคียงคู่กับเธอตลอดไป” ทันทีที่ฮันส์พูดจบ เจ้าหล่อนก็แย้มยิ้มออกมาอย่างมีความสุข และเอื้อมมือมาลูบกรอบหน้ากันเบา ๆ ด้วยความอ่อนโยน สองสายตาสอดประสานกันเป็นหนึ่งเดียว เสียงหัวใจของเราทั้งสองก็ดังเต้นระรัวเป็นจังหวะเดียวกัน ฮันส์ลอบมองริมฝีปากของเจ้าหล่อนที่มีความอวบอิ่มอมชมพูน่าลิ้มลอง และตั้งใจจะลงไปเชยชิมเจ้าสิ่งนั้นให้สาสมกับที่ตนเฝ้าฝัน   ก๊อก ๆ “ฮันส์...ตื่นได้แล้วลูก” เสียงของมารดาเอ่ยเรียกกันทำให้ฮันส์ต้องตื่นขึ้นมาจากความฝัน เธอสะบัดหัวสองสามทีก่อนจะตั้งสติแล้วคิดถึงเรื่องความฝันเมื่อครู่อีกครั้ง แต่มันก็เหมือนกับทุกที...เธอไม่สามารถจำอะไรเกี่ยวกับความฝันนั้นได้เลย จำไม่ได้แม้กระทั่งผู้หญิงในความฝันว่าเจ้าหล่อนเป็นใครกันแน่ “ตื่นแล้วค่ะแม่” เธอลุกขึ้นไปเปิดประตูห้องให้กับมารดา ซึ่งเจ้าหล่อนก็จ้องมองมาที่เธอด้วยความเอ็นดูเสมอ “เราต้องรีบไปก่อนที่มันจะสายกว่านี้นะ ไม่อย่างนั้นจะถึงที่นู้นค่ำแน่ ๆ ว่าแต่ลูกเก็บของหมดหรือยัง?” เจ้าหล่อนชะโงกหน้าเข้ามาในห้อง ก่อนจะถอยกลับไปเมื่อเห็นว่าของ ๆ ลูกสาวถูกเก็บเข้ากระเป๋าอย่างเรียบร้อยดีแล้ว “เอาล่ะ รีบไปอาบน้ำแล้วก็ลงไปทานข้าวนะลูก” ซึ่งฮันส์ก็ตอบรับก่อนที่จะปิดประตูเข้าไปในห้องอีกครั้ง ฮันส์พาร่างของตัวเองเข้ามาในห้องน้ำที่อยู่ภายในห้องนอน ก่อนจะปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตนเองและชำระร่างกายให้สะอาด สายตาของเธอเหลือบไปที่ข้อมือของตนก่อนจะพบว่าวันนี้เป็นอีกครั้งแล้วที่เลขลดลงมาอยู่ที่ 87 ตั้งแต่ที่ฮันส์เริ่มสังเกตและเธอก็ไม่ได้พบกับซันอีกเลยตั้งแต่วันนั้น แต่ละเดือนเมื่อถึงวันสุดท้ายที่เราได้พบกันที่งาน ตัวเลขจะทยอยลดไปเดือนละ 1 เลขเพื่อเป็นสัญญาณบ่งบอกให้เธอต้องรีบทำอะไรสักอย่างให้มันเสร็จสิ้นเสียที ฮันส์พยายามไปหาเบรินที่บ้าน แต่ดูเหมือนเจ้าหล่อนก็จะหลบหน้าหลบตาเธอและไม่ยอมออกมาพบกัน มันจึงเป็นเรื่องยากเข้าไปใหญ่ที่เธอจะสามารถหาทางติดต่อซันได้ และเธอก็ได้เพียงแต่ปล่อยให้มันเลยตามเลยไปอย่างนั้นเพราะไม่รู้จะทำอย่างไรได้อีกแล้ว   “ไปอยู่ที่นู้นคนเดียวต้องทำตัวดี ๆ นะฮันส์ ถ้าลูกไม่ชอบอยู่หอในจริง ๆ ก็อดทนไปก่อน เดี๋ยวจบปีหนึ่งแล้วเราค่อยย้ายออกมาอยู่ข้างนอก” คุณแม่ของเธอก็ยังคงบ่นเพราะความเป็นห่วงเธอเสมอแม้ว่าฮันส์จะโตจนเรียนปริญญาแล้ว “ค่ะแม่” “รับปากกับแม่ว่าเราจะไม่ทำท่าเกลียดชังโอเมก้าอีก” ฮันส์ชะงักมือที่กำลังจะตักกับข้าวเข้าปากของตนในทันใด เธอเป็นอัลฟ่า และถูกปลูกฝังด้วยเพื่อนสมัยเรียนมาตลอดว่าโอเมก้านั้นมันช่างน่ารังเกียจ แม้ว่าคุณแม่ของเธอจะพยายามบอกกับเธอแล้วว่าจริง ๆ พวกเขาก็เป็นคนเฉกเช่นเดียวกับเรา แต่เพราะสังคมเพื่อนฝูงของเธอก็มีแต่อัลฟ่าและเบต้าเท่านั้น ซึ่งพวกเขาก็มักจะพูดกรอกหูเธอเสมอแม้เธอจะไม่เคยเห็นว่าพวกเขาน่ารังเกียจอย่างที่พวกนั้นบอกก็ตามที “ฮันส์...” “ค่ะแม่ หนูจะเก็บอาการให้ได้มากที่สุดค่ะ” “เจ้าลูกคนนี้!” “พอเถอะคุณ...ปล่อยให้ลูกได้พบเจอกับตัวเองเสียดีกว่า เผลอ ๆ ได้อยู่ห้องเดียวกับโอเมก้าด้วยซ้ำไป” คุณพ่อเอ่ยห้ามทัพเมื่อดูเหมือนว่าฮันส์กำลังหัวรั้นจนคนเป็นแม่นั้นร้อนใจ ซึ่งฝั่งมารดาก็ได้แต่เพียงถอดถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนกับความรั้นของลูกสาว “ไปก่อนนะคะแม่ หนูจะโทรหาแม่ทุกวันเลย” “ดูแลตัวเองดี ๆ ล่ะลูก เงินที่ให้ใช้ก็เก็บ ๆ ไว้บ้าง จำไว้ว่าต่อให้เรามีมากเท่าไหร่มันก็หมดลงได้หากใช้อย่างไม่ระวัง ส่วนรถของลูกแม่จะจ้างรถขนไปให้ทีหลังนะ” “ขอบคุณค่ะ” และเธอก็เข้าสวมกอดผู้เป็นมารดา และร่ำลากันครั้งสุดท้ายด้วยหัวใจของเธอที่เริ่มหายไป ฮันส์ไม่เคยไปไหนไกลจากแม่ของเธอเลย เธอเป็นคนติดแม่มาก แม้อาจจะมีบ้างที่ไปค้างอ้างแรมบ้านเพื่อนก็ตาม   รถเคลื่อนตัวจากออกไปไกลเรื่อย ๆ จนกระทั่งเธอไม่สามารถมองเห็นบ้านของเธอได้อีกต่อไป เธอหันหน้าพิงกระจกเอาไว้และนึกคิดไปถึงใครบางคนที่แม้จะไม่ได้พบเจอกันแต่หัวใจก็ยังคงร้องเรียกหาเจ้าหล่อนอยู่เสมอ เธอแค่อยากรู้ว่ามันเป็นเพราะอะไร...ทำไมวันนั้นซันถึงได้หนีห่างจากเธอออกไป เพราะดูเหมือนว่าเราจะเข้ากันได้ดี และดูเหมือนว่าเราอาจจะคิดเหมือนกันเสียด้วยซ้ำ ฮันส์ก้มมองข้อมือของตนที่ยังคงส่องสว่างโร่ถึงเลขบนข้อมือ ถ้าหากวันหนึ่งมันถึงขีดสุดจนกระทั้งเลขศูนย์ วันนั้นตัวของฮันส์ก็จะตายจากไป ไม่เว้นแม้กระทั่งความฝัน...ที่วันหนึ่งเธออาจจะหลับไป และอาจจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย   “เก็บข้าวเก็บของให้เรียบร้อยก่อนที่เพื่อนจะมานะ พ่อไปล่ะ” ฮันส์กอดลาพ่อของเธอที่หน้าหอพักครั้งสุดท้ายก่อนที่ตัวของเขานั้นจะเดินกลับไปขึ้นรถ และขับเคลื่อนออกไปจนลับสายตา นี่เป็นครั้งแรกที่ฮันส์ต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยตัวคนเดียวโดยปราศจากคุณพ่อและคุณแม่ มันก็อาจจะไม่แย่เท่าไหร่ เธอพยายามคิดในแง่ดีเอาไว้ ก่อนจะพาร่างของตนเองเดินกลับเข้ามายังห้องพัก เนื่องจากว่าฮันส์มาถึงก่อนที่มหาลัยฯ จะเปิดภาคเรียนถึงสองอาทิตย์ เธอจึงเตรียมใจเอาไว้แน่ ๆ ล่ะว่าอาจจะต้องอยู่คนเดียวนานหน่อย เอาจริง ๆ เพราะฮันส์อยากจะรู้สึกชินกับการอยู่คนเดียวมากกว่า เลยเลือกที่จะมาอยู่ก่อนเพราะอย่างไรเสียเธอก็ต้องมาอยู่ดี “เห้อ...” เธอถอนหายใจก่อนจะนำข้าวของของตนเข้าไปเก็บเอาไว้ในห้องพัก ในห้องนี้มันค่อนข้างหรูหราพอสมควรเนื่องจากเป็นมหาลัยฯ อันดับหนึ่ง และคนที่จะเข้าศึกษาต่อที่นี่ได้ถ้าไม่รวยมาก ๆ ก็ต้องเก่งมาก ๆ เฉกเช่นเดียวกัน เช่นนั้นห้องนี้จึงมีห้องนอนถึงสองห้องไว้สำหรับอยู่สองคน รวมไปถึงสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเปรียบเสมือนห้องคอนโดห้องหนึ่งเลยก็ว่าได้ ฮันส์เริ่มจัดเก็บข้าวของที่ตัวเองพกติดไม้ติดมือมาใส่ลงไปยังชั้นหนังสือและชั้นวางของต่าง ๆ พรุ่งนี้ของใช้บางอย่างที่คุณแม่เป็นห่วงนักหนารวมไปถึงรถมอเตอร์ไซค์ของเธอก็จะมาถึงอีกที ไอบิลล์ยังบอกอีกด้วยว่าอาจจะตามมาในอีกสองสามวันและมันขอใช้เวลาตรงนี้สนุกให้เต็มที่เสียก่อนที่จะมาอยู่หอในตามกฎระเบียบของหอพัก แน่นอนว่ามันยังคงความปลอดภัยไว้ด้วยการแยกหอพักของชายหญิง และยังมีการแยกหอพักระหว่าง อัลฟ่า เบต้า และโอเมก้า อัลฟ่ากับเบต้านั้นอยู่รวมกันในหอพักได้อยู่แล้วไม่เป็นปัญหา แต่โอเมก้าผู้อ่อนแอนี่น่ะสิ...  ส่วนเธอไปหลอกไอบิลล์มาว่าตัวเองเข้าสาขานิเทศฯ มันก็ไม่รอช้าที่จะยัดเงินและเข้ายังสาขานั้นตามเธอในทันที แต่จริง ๆ แล้วฮันส์เข้าเรียนบริหารและไม่อยากจะเจอไอเพื่อนปลิงที่มันจะเกาะเธออีกแล้วตลอดไปจึงเลือกที่จะทำแบบนั้น มันควรเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองเสียทีไอเพื่อนรัก ตุบ! เสียงสิ่งของบางอย่างหล่นอยู่ที่ข้าง ๆ ห้องทำให้ฮันส์นั้นรู้สึกสนใจ เธอพยายามดมกลิ่นผ่านกำแพงห้องหนาทึบว่าเจ้าหล่อนข้างห้องของเธอนั้นเป็นอัลฟ่าหรือเบต้ากันแน่ แต่มันก็ดูจะยากเย็นไปเสียหน่อยเพราะเธอไม่ได้กลิ่นอะไรเลย “เอาวะ!” เธอลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูงก่อนจะเดินไปส่องกระจกดูความเรียบร้อยของตนเองเสียหน่อย อย่างน้อยวันนี้มีเพื่อนกินข้าวก็ยังดี ตั้งแต่เย็นมาจนถึงป่านนี้ไม่มีอะไรตกถึงท้องเธอเลยสักอย่าง ก๊อก ๆ ฮันส์ก้มหน้ามองมือของตนเองอย่างประหม่าเมื่อมาเคาะห้องของใครบางคนที่เธอนั้นก็ไม่รู้จัก เกิดมาหลายสิบปีเธอไม่เคยเข้าหาใครเลยเพราะส่วนมากจะเป็นฝ่ายให้ผู้คนเข้าหาเสมอ เสียงดังกุกกักภายในห้องทำให้คนฟังยิ่งรู้สึกใจสั่น ไม่นานเสียงประตูก็เปิดออกพร้อมกับที่ร่างของฮันส์สะดุ้งและเงยหน้าขึ้นสบมอง “…” แต่วินาทีนั้นราวกับโลกหยุดหมุน เสียงนาฬิกาที่ดับลงไปหลายเดือนของฮันส์เริ่มทำงานอีกครั้งเมื่อเราทั้งสองสอดสายตาขึ้นมาประสานกัน ความผูกพันที่แน่นแฟ้นอยู่ในความรู้สึกทำให้เธอรู้สึกและคิดถึงคนตรงหน้าของเธออย่างสุดหัวใจ เจ้าหล่อนสบมองมาที่เธอนิ่ง ๆ และเบิกตาโพล้งเล็กน้อยอย่างตื่นตะหนกไม่ต่างกัน ฮันส์เผลอปล่อยฟีโรโมนออกไปอย่างไม่ทันตั้งตัวก่อนที่เจ้าหล่อนจะหันหน้าหนีและเตรียมตัวจะปิดประตูลงในทันที แต่ฮันส์เองก็ไม่รอช้าที่จะรีบยกมือไปขวางเอาไว้ เธอสบมองคนตรงหน้าด้วยสายตาอ้อนวอนและมีความหวัง ทั้งยังส่งกลิ่นออกมาจนฟุ้งโดยไม่รู้ตัวว่าทำลงไป “ซัน...” “…” “ฉันคิดถึงเธอเหลือเกิน” 
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม