ฮันส์ลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ ร่างกายของเธอรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันใดเพราะเมื่อคืนเธอนั้นได้สมดังหมาย แม้จะเป็นการกระทำแต่เพียงฝ่ายเดียวจากตัวของเธอก็ตาม แต่เจ้าหล่อนที่อยู่ข้างห้องเธอจะรู้ไหมว่าเสียงของหล่อนดังชัดขึ้นมาให้เธอนั้นเผลอได้ยินไปด้วย และมันทำให้ฮันส์รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวผสมกับความรู้สึกดี ๆ ที่ล้นอก
แต่เธอก็ยังนึกโกรธเคืองตนเองอยู่ดีที่อาจจะเร่งเร้าเจ้าหล่อนมากเกินไปเพราะระงับอารมณ์ของตนเองไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงสัญญากับตัวเองตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปว่าเธอจะเข้าหาเจ้าหล่อนเหมือนดั่งคนปกติ และจะรอจนวันที่เจ้าหล่อนเต็มใจให้ด้วยตัวของซันเอง
ฮันส์เดินวนไปวนมากระสับกระส่ายอยู่ภายในห้องพัก เธอกำลังเฝ้ารอเสียงจากคนที่อยู่ห้องข้าง ๆ อย่างตั้งอกตั้งใจและคิดว่าจะเข้าไปพูดคุยขอโทษให้รู้แล้วรู้รอดกันไป
ฮันส์มัวแต่คิดไม่ตกกับเรื่องของซัน จนเธอหลงลืมไปว่าเมื่อคืนนั้นก่อนที่เธอจะกลับมาที่ห้อง มันมีกลิ่นฟีโรโมนจากโอเมก้าอยู่รอบ ๆ ตัวของเธอ...โดยที่เธอก็ไม่รู้ว่ากลิ่นนั่นมันเป็นกลิ่นของใครกันแน่
ตึก! แกร๊ก!
“ฉันพาไปกินร้านดังที่อยู่หน้ามอของเรา...” ฮันส์ไม่รอช้า เธอวิ่งออกไปในทันทีโดยไม่แม้แต่จะสนใจสิ่งใด แต่นั่นมันทำให้ทั้งสองสาวที่กำลังจะลงไปหาอะไรรับประทานนั้นต่างก็หันหน้ามาสนใจเธอเป็นตาเดียว
“ซัน...” เจ้าของชื่อเปรยสายตาหลบหลีกเธอในทันใดอย่างไม่มีรีรอ ใบหน้าของซันขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างที่เธอก็ไม่สามารถรับรู้ได้ว่ามันหมายความว่าโกรธหรือเขินอายกันแน่ “ไงเบริน...” และเธอก็ไม่ลืมที่จะหันไปทักทายคนด้านข้างของซันด้วย
“ไงฮันส์...”
“กำลังจะไปไหนกันเหรอ?” ฮันส์ตีหน้าซื่อทำเป็นคนไม่รู้เรื่องราวทั้ง ๆ ที่เธอก็รู้อยู่แก่ใจว่าคนทั้งสองกำลังจะไปที่ไหนและไปทำอะไร
“อ๋อ คือว่า...”
“ไปกันเถอะเบริน...” ซันกระชากแขนเพื่อนสาวของเจ้าหล่อนด้วยแรงอันน้อยนิดเพราะไม่ต้องการจะสนทนา ฮันส์ทำสีหน้าเลิกลั่กอย่างไม่ปิดบังก่อนจะโพล้งออกไปอีกครั้ง
“ระ เราขอไปด้วยได้ไหม?” และก็ไม่รู้อีกด้วยว่าเธอจะประหม่าไปทำไม ฮันส์กำมือเอาไว้แนบแน่นจนมันชื้นเหงื่อแต่ก็พยายามจะใจดีสู้เสือเพื่อเผชิญหน้ากับคนทั้งสองต่อไป
“อ๋อ ได้...”
“พอดีพวกฉันไม่สะดวกจะไปกับคนอื่น...” ประโยคนี้ของเจ้าหล่อนทำให้ฮันส์หน้าชาจนแทบจะไปต่อไม่ถูก แต่เพราะรู้ดีว่าตัวเองเป็นคนผิดและรู้ดีว่าเธอนั้นต้องการคนตรงหน้ามากมายเพียงใด ฮันส์จึงถอนหายใจออกมาเบา ๆ และพูดในสิ่งที่ต้องการแต่แรกออกไป
“คือเราแค่...” ฮันส์ก้มหน้าหลุบตาลงต่ำ
เกิดมาทั้งชีวิตไม่เคยรู้สึกประหม่าแบบนี้มาก่อน อาจจะเป็นเพราะว่าเธอไม่ค่อยเป็นฝ่ายเข้าหาใคร และไม่เคยคิดจะง้อใครเพราะความทะนงของตนเองและตั้งตนอยู่เหนือใครอื่น
“ถ้าไม่มีอะไรขอตัวก่อน...”
“เราขอโทษเรื่องเมื่อวานนะ!” ในที่สุดเธอก็กลั้นใจพูดมันออกไปจนได้ คนทั้งสองที่ตั้งท่าจะเดินหนีกลับชะงักเท้าในทันใด “เราผิดเองที่เราไม่ระงับอารมณ์ของตัวเอง และอาจจะพาลทำให้ซันกลัวไปด้วย เราขอโทษจริง ๆ นะ” และน้ำเสียงของเธอก็เบาลงพร้อมกับอาการก้มหน้าลงอย่างสำนึกผิด
แต่ผ่านไปนานหลายนาทีก็ยังไร้ซึ่งเสียงตอบรับของคนที่เธอเฝ้ารอ ฮันส์จึงเงยหน้าขึ้นสบก่อนจะต้องรู้สึกใจหายวาบอีกครั้งเมื่อใบหน้าของหล่อนนั้นไม่แสดงสีหน้าใด ๆ เลยนอกเสียจากความเรียบเฉย มันเหมือนครั้งแรกที่เราเจอกันไม่มีผิด และมันทำให้ฮันส์ยิ่งรู้สึกผิดและรู้สึกแย่เมื่อรับรู้ได้ว่าหล่อนอาจจะไม่ให้อภัยเธอ
“หมดธุระแล้วใช่ไหม?”
“ซัน...”
“เราไปกันเถอะเบริน...” และเจ้าหล่อนกับเบรินก็หันหลังและเดินออกไปในทันทีอย่างไม่มีรีรอ จนฮันส์ได้แต่ยืนคอตกอยู่อย่างนั้นเพราะเธอก็พยายามทำเต็มที่ที่สุดแล้วสำหรับคนไม่เคยคิดจะง้อใครก่อน
ติ๊ก! ติ๊ก!
แต่แล้วอยู่ ๆ เสียงนาฬิกาก็ดังขึ้นมาจากตัวของเธอจนฮันส์ต้องมึนงงอีกครั้ง เธอยกข้อมือขึ้นมองก่อนจะพบว่าเลข 78 ก่อนหน้ามันค่อย ๆ ขยับขึ้นมาจนกระทั่งกลับมาอยู่ที่เลข 80 ให้ฮันส์ได้เพียงแต่ยกยิ้ม
มันไม่ได้หมายความว่าเจ้าหล่อนนั้นอภัยให้กันทั้งหมดกับสิ่งที่เธอทำ แต่มันหมายความว่าเจ้าหล่อนกำลังจะเปิดใจให้กับเธอได้แก้ไขสิ่งที่ผิดพลาด และนั่นมันทำให้ฮันส์ยกยิ้มออกมาจนเต็มใบจนเก็บกลั้นมันเอาไว้ไม่อยู่
“ซัน!” เธอร้องตะโกนเรียกคนที่กำลังจะเดินเข้าลิฟต์ไปอีกครั้ง ซึ่งเจ้าหล่อนก็ไม่ได้จะหยุดเคลื่อนไหวแต่อย่างใดแต่กลับมุ่งหน้าเข้าไปในตัวลิฟต์แทน “ให้โอกาสฉันนะ...ฉันจะทำมันให้ดีที่สุดฉันสัญญา!”
เวลาเพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิดลง เธอก็ได้ตะโกนบอกกับคนตรงหน้าของเธอ แม้มันจะเป็นเพียงเสี้ยววินาทีเธอก็เห็นมันชัดเจนทั้งสองตาว่าเจ้าหล่อนกำลังยกยิ้มมุมปากออกมาเบา ๆ อย่างน่ารัก
“ฉันสัญญาจะไม่ทำให้เธอผิดหวังเลย...ดอกทานตะวันของฉัน”
ภายในลิฟต์เบรินกำลังเห็นว่าเพื่อนสาวของเธอกำลังยกยิ้มมุมปากออกมาอย่างที่เจ้าหล่อนไม่เคยเป็นมาก่อน และไม่ต้องเป็นการเดาให้เสียเวลาเธอก็ทราบได้ในทันทีว่าต้นเหตุของรอยยิ้มนั้นมันไม่ใช่ใครที่ไหน...แต่เป็นคน ๆ เดียวที่อยู่ในหัวใจของเธออย่างฮันส์ และมันจะเป็นอย่างนั้นต่อไปแม้ว่าเธอจะมีแฟนหนุ่มอยู่แล้วก็ตามแต่
“คู่โซลเมทของซัน...คือฮันส์ใช่ไหม?” ในที่สุดสิ่งที่เธอสงสัยและพยายามจะค้นหาคำตอบนั้นก็ได้พลั่งพรูออกไปโดยไม่ทันได้ระวังตัว และนั่นมันก็ทำให้ซันต้องหุบยิ้มลงและหันมาสบมองเธอในทันทีอย่างเป็นห่วง
“กะ ก็ใช่...ฉะ ฉันขอโทษ” ซันเอ่ยขอโทษเบรินในทันใดเมื่อเธอรับรู้มาเสมอว่าเบรินนั้นคิดอย่างไรกับฮันส์ และเธอที่พยายามจะห้ามหัวใจตัวเองแต่แล้วเธอก็ยังเผลอปล่อยใจไปให้เขาอยู่ดีอย่างรู้สึกผิด
“ไม่เลย...ฉันไม่ได้เป็นอะไร อย่าลืมสิว่าฉันมีแฟนแล้วนะ” เบรินพยายามยิ้มออกมาอย่างฝืดฝืน เธอไม่อยากให้เพื่อนรักของเธอต้องรู้สึกไม่ดีแม้ว่าตอนนี้ตัวของเธอจะรู้สึกไม่โอเคมาก ๆ ก็ตาม
ประตูลิฟต์ถูกเปิดออกพาจังหวะให้คนที่กำลังจะเอ่ยต่อต้องหยุดชะงัก เราสองคนพากันเดินออกไปจากตัวตึกก่อนที่จะพบเห็นหนุ่มเบต้าที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนหนุ่มของเบรินนั้นมายืนรออยู่ก่อนแล้ว
“เบริน...” เธอหันหน้าไปหาชายหนุ่มก่อนที่จะยกยิ้มให้กับเขาอย่างไม่เต็มใจและเดินตรงไปหาเขาในทันทีอย่างไม่มีรีรอ
ซันยืนมองเพื่อนของเธอกับแฟนหนุ่มยืนพูดคุยกันแล้วก็เกิดอยากจะปลีกตัวออกมาเสียดื้อ ๆ เนื่องจากหอพักชายและหญิงนั้นต้องแยกกัน มันคงจะไม่ใช่เรื่องแปลกหากเขาทั้งสองอยากจะอยู่ด้วยกันตามลำพังโดยไม่มีเธอ
“ฉันลืมของไว้บนห้องน่ะเบริน...เธอไปก่อนเลยก็ได้นะ”
“ไม่ ๆ ให้ฉันขึ้นไปด้วยไหม หรือจะให้รอตรงนี้” เบรินก็ยังคงคะยั้นคะยอถามด้วยความเป็นห่วงเหมือนกับที่เคยเป็นและคอยดูแลเธอมาเสมอตั้งแต่เด็ก ๆ
“ไม่เป็นไร...เธอรีบไปจองโต๊ะดีกว่า ไหนบอกร้านนี้คนเยอะไง” แต่เธอก็ยังคงพูดต่อไป ซึ่งเบรินก็มีสีหน้ากังวลอย่างไม่ปิดบัง “ฉันโตแล้วนะเบริน” ก่อนจะถอนหายใจและยอมแพ้เธอแต่โดยดี
“โอเค งั้นรีบตามมานะ ไว้ไปเจอกันที่ร้าน” และเธอก็พยักหน้ารับอย่างรู้เรื่องก่อนที่คนทั้งสองจะปลีกตัวเดินจากไปจนลับสายตา
“แค่นี้ก็เรียบร้อย” ซันปัดมือตัวเองอย่างภาคภูมิใจ ก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าหอ และจะรออีกสักพักค่อยโทรไปบอกว่าไม่สามารถไปทานด้วยได้แล้ว แค่นี้เขาก็จะได้อยู่กันตามลำพังอย่างที่ตัวเธอนั้นตั้งใจไว้
“ซัน...ซันใช่ไหม?” ซันหันหน้าไปหาคนที่เอ่ยเรียกชื่อเธอในทันใด ก่อนที่เธอจะจำได้ว่าเขาเป็นเพื่อนกับฮันส์แต่เธอกลับจำไม่ได้นี่สิว่าเขาชื่ออะไร
“…”
“คือผมมีเรื่องอยากขอร้องให้ช่วยน่ะ ถ้าไม่รังเกียจช่วยผมสักเรื่องจะได้ไหม?”