ตอนที่ 4 จงมีจิตใจที่เข้มแข็งเพื่อไม่ให้พวกเขาทำร้าย

1077 คำ
หนึ่งนายหนึ่งบ่าวเดินมาหยุดยังจวนใหญ่ ข้ารับใช้หลายคนยอมให้นางเข้าไปโดยง่าย ทว่าคนเดียวที่คอยดึงแขนเสื้อสีเขียวอ่อนเอาไว้ก็คือจงผินนั่นเอง “บ่าวว่าเรากลับกันดีกว่าเจ้าค่ะคุณหนู” จงผินยืนด้านหลังเจ้านายอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ทั้งสองย้ายเข้ามากินข้าวหม้อเดียวกับคนสกุลเซี่ยเมื่อต้นฤดูกาลที่ผ่านมา แม้ฟังดูนานทว่ากลับไม่ได้รับความเมตตาใดจากเจ้าตระกูลเลยสักนิด การต้อนรับอย่างอบอุ่นก็ไม่มีนั่นทำให้ฐานะของคุณหนูหลี่ไม่ต่างอะไรกับผู้พักอาศัยที่จำต้องให้เข้ามาพักแรมอย่างเลี่ยงไม่ได้รวมถึงถูกดูแคลนสารพัด “ถ้ากลัวขนาดนั้นเจ้ากลับไปก่อนเถอะ ข้าไปคนเดียวได้” “แบบนั้นยิ่งไม่ดีใหญ่เลยเจ้าค่ะ” และแล้วบ่าวด้านหลังก็ยอมปล่อยมือให้เจ้านายเดินเข้าไปแต่โดยดี ร่างบางยังคงตั้งมั่นที่จะเข้าพบเซี่ยไป่หานให้ได้ ขอเพียงทำให้เขาสามารถปล่อยวางความแค้นที่มี ตระกูลเซี่ยก็ไม่มุ่งเข้าสู่หนทางล่มสลาย ต่อให้เป็นตัวละครที่นางปั้นมากับมือก็ใช่ว่าคนเรามันจะเปลี่ยนกันไม่ได้เสียหน่อย ทว่ายังไม่ทันเดินถึงสิบก้าวก็ได้ยินเสียงเข้มที่กำลังตวาดลั่นดังก้องมาจากโถงรับรองซึ่งเป็นปลายทาง เพล้ง! โครม! เสียงแก้วแตกอย่างรุนแรง ตามมาด้วยเครื่องเรือนบางอย่างพลิกคว่ำ รั่วหลานเร่งสาวฝีเท้าสั้นของนางจนมาหยุดยังเบื้องหน้าโถงรับรอง เศษแก้วหล่นเกลื่อนกลาด ข้างกันนั้นมีโต๊ะตัวเล็กตั้งในทิศทางผิดปกติ เป็นไปได้ว่ามันจะกระเด็นมาจากอีกฝั่ง ถึงกระนั้นภาพข้าวของพังทลายก็เทียบไม่ได้กับชายหนุ่มเบื้องหน้า บุรุษในอาภรณ์สีเทากำลังนั่งคุกเข่าอยู่กลางห้อง เส้นผมสีเปลือกไม้ยาวล้อมกรอบหน้าขาวจัด คิ้วตรงรับรูปหน้าคมและจมูกโด่งเป็นสัน ดวงเนตรสีเดียวกับเส้นผมขับเน้นวงพักตร์ให้ดูเย็นชาขึ้นอีกหนึ่งระดับ ใบหน้าหล่อเหลาเข้าขั้นงดงามของชายเบื้องหน้าทำเอาดวงเนตรของรั่วหลานนิ่งค้าง เขาปรายตามองมายังแขกไม่ได้รับเชิญเล็กน้อยก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับบิดาดังเดิม วินาทีที่ได้ประสานสายตากันสั้นๆ ทำเอาร่างบางคล้ายตกในภวังค์ นางกะพริบตาถี่เพื่อตั้งสติ ‘เซี่ยซุนเหว่ย?’ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นเขาอย่างแน่นอน ทั้งใบหน้าเรียบเฉยที่แผ่กลิ่นอายสุขุมลุ่มลึก อาภรณ์สีเทาอันเป็นเอกลักษณ์จนได้ฉายาว่ากระเรียนขาวแห่งตระกูลเซี่ย เขาคือชายที่จะก้าวขึ้นมามีบทบาทในฐานะเจ้าบ้านคนถัดไป แม้เคยบรรยายเอาไว้ว่าเขาคือบุรุษผู้งามพร้อมทั้งรูปร่างหน้าตาแต่ใครเล่าจะคิดว่าเมื่อได้มาเห็นด้วยตนเองมันจะสร้างแรงสั่นสะเทือนได้เพียงนี้ “ถ้าเรื่องแค่นี้ทำไม่ได้ก็ไม่ต้องเสนอหน้ามาให้ข้าเห็นอีก!” น้ำเสียงดุดันที่อัดแน่นไปด้วยโทสะตวาดลั่น ตามมาด้วยร่างโปร่งของเจ้าบ้านหนุ่ม เขาง้างมือขึ้นสูงหมายจะตีบุตรชายเพื่อระบายความโกรธเกรี้ยว ต่อให้อีกฝ่ายเป็นทายาทเพียงคนเดียวไป่หานก็ไม่คิดละเว้น เพี๊ยะ! ฝ่ามือกร้านตีเข้าเต็มแรง ทว่าเป้าหมายอย่างบุตรชายยังคงนั่งนิ่งด้วยสายตาตกตะลึงไม่แพ้คนเป็นพ่อ ชายกระโปรงสีเขียววิ่งผ่านหน้าไปก่อนจะล้มลงตรงกลางระหว่างสองบุรุษสกุลเซี่ย “เข้ามาทำไม...” น้ำเสียงเหี้ยมเอ่ยลอดไรฟันคล้ายกำลังกล้ำกลืนโทสะที่มิได้ระบายออกไป “…” คนตัวเล็กนั่งเงียบ ที่ไม่ตอบมิใช่เพราะอะไร นางก็ไม่รู้เช่นกัน รู้ตัวอีกทีก็วิ่งเข้าไปขวางไว้แล้ว “นายท่าน” “คะ คุณหนู...” ทั้งคนสนิทของไป่หานและจงผิงต่างยกมือขึ้นมาปิดปากด้วยสีหน้าตกใจสุดขีด “คราวหน้าคราวหลังอย่าเข้ามายุ่งอะไรที่ไม่ใช่กงการของเจ้าอีก” มือกร้านเชยใบหน้าสวยหมดจรดของเด็กในอุปการะขึ้นมองเพื่อดูให้แน่ใจว่านางไม่ได้เสียหายอะไรก่อนจะหมุนกายเดินออกไปอย่างอารมณ์เสีย โฉมสะคราญเข้าใจดีว่าบุรุษผู้นั้นเป็นห่วงเพียงใบหน้าของตน แต่มันก็ถูกของเขาแล้ว ถ้าไม่มีใบหน้านี้หลี่รั่วหลานก็ไม่เหลืออะไรเลย “เป็นอะไรมากหรือไม่” นางหันไปถามชายด้านหลัง ถ้าจำไม่ผิดตอนนี้ซุนเหว่ยเพิ่งจะแค่สิบหกหนาวและกำลังต่อสู้กับด่านเคราะห์ที่เรียกว่าบิดาบังเกิดเกล้าอยู่ ชั่วขณะหญิงสาวลืมไปว่าตนกำลังอยู่ในร่างเด็กอายุสิบห้าเท่านั้น นางอายุน้อยกว่าเขาด้วยซ้ำแต่ดันเสนอตัวเข้าช่วยเสียได้ “ถามตัวเองก่อนเถอะ” ริมฝีปากได้รูปขยับเอ่ยวาจาด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ ดวงตาคู่สวยของชายหนุ่มเรียวยาวจนดูเจ้าเล่ห์และอวดดีไปพร้อมกัน สายตาเฉียบคมคู่นั้นมองยังใบหน้าสวยที่กำลังมีหยาดโลหิตสีแดงไหลซึมออกมาจากมุมปาก แก้มข้างหนึ่งช้ำมีรอยนิ้วมือใหญ่ขึ้นอยู่ครบถ้วน “แผลแค่นี้ไม่เป็นอะไรหรอกเจ้าค่ะ” นิ้วเล็กปาดเลือดมุมปากออกอย่างไม่ยี่หระ ก่อนจะมาอยู่ในร่างนี้นางเคยโดนตบจนชินแล้วเลยไม่ได้ตกใจอะไรเป็นพิเศษ “คุณชาย ขออภัยที่พวกเราสองคนเสียมารยาทด้วยเจ้าค่ะ คุณหนูไปกันเถอะเจ้าค่ะ” ลั่วจงผินรีบก้มศีรษะเกือบจะแนบพื้นพลางกระตุกแขนเสื้อเจ้านายราวกับให้สัญญาณ “คุณชายเซี่ย ข้าอาจจะกล่าวเกินไปแต่ไม่มีใครสมควรถูกทำร้ายอย่างชอบธรรมหรอกเจ้าค่ะ” คนพูดเหยียดกายลุกขึ้นขณะกล่าว หญิงสาวมองดวงเนตรเย็นชาที่ปราศจากความวูบไหวของบุรุษเบื้องหน้า นางเดาว่าภายใต้ใบหน้าหล่อเหลานั่นคงเต็มไปด้วยบาดแผลมากมายทั้งบนร่างกายและจิตใจ “คุณชายอาจไร้กำลังเกินกว่าจะต่อต้าน แต่จงมีจิตใจที่เข้มแข็งเพื่อไม่ให้พวกเขาทำร้ายหัวใจของท่านได้เจ้าค่ะ” เมื่อรู้ว่าพูดมากเกินไปแล้วนางจึงเดินกลับเรือนตนเองทั้งแบบนั้น ................................................................................ ลูกสาวไรท์อาจจะคือคติที่ว่า เราเจ็บได้ แต่ผู้ชายหล่อห้ามเจ็บ (❥〃ω〃)
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม