6.1 การโจมตีจากแก๊งอันธพาล

1454 คำ
ตอนที่ 6 : การโจมตีจากแก๊งอันธพาล Home’s talk ไม่รู้เพราะอะไร พอผมได้ยินคำตอบที่ยัยหัวขโมยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเทานั่นแล้ว ผมถึงได้รู้สึกหนักใจขึ้นมา ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่า สองคนนี้คบกันมานานแค่ไหน และยังรักกันอยู่หรือเปล่า แต่ถ้าพวกคิงหรือพี่ชายของเธอรู้เรื่องเข้าคงไม่ดีแน่ Silver Cross กับ Manteria เป็นศัตรูกัน...ไม่อยากจะคิดเลยว่าผลที่ออกมาจะเลวร้ายขนาดไหน นั่นแหละที่ผมเป็นกังวล เพราะจริงๆ ผมกับเธอก็ไม่ได้สนิทกันจนเป็นห่วงกันได้ อันที่จริง ผมก็พอรู้อยู่หรอกว่าอัณไม่ได้ตั้งใจขโมยกุญแจบ้านของผม เพราะด้วยฐานะของควีนแก๊ง Silver Cross เธอคงไม่ทำอะไรแบบนี้ แต่เหตุผลที่ผมยังเรียกเธอแบบนี้ไม่เลิกเพราะยังเคืองที่เธอล้อเรื่องที่ผมมีพวงกุญแจบ้านเป็นคิตตี้ ต่อให้ผมจะรีบเปลี่ยนพวงกุญแจใหม่ไปตั้งนานแล้ว แต่เธอก็ยังล้อผมเรื่องนี้อยู่ ผมก็เลยเรียกเธอว่าหัวขโมยบ้าง จะได้แฟร์-แฟร์กันดี แถมท่าทางโหดๆ ที่เหมือนต้องการแสดงออกเพื่อกันไม่ให้ทุกคนเข้าใกล้นั่นอีก ดูยังไงเธอก็แค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ถึงจะมีความสามารถอยู่บ้างก็ไม่เห็นจะน่ากลัวตรงไหน และนั่นก็ยิ่งเป็นตัวจุดชนวนให้ผมอยากเข้าใกล้เธอมากกว่าคนอื่น จะว่ามันเป็นสัญชาตญาณอยากเอาชนะก็อาจจะใช่ แต่ผมก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่าตอนที่อยู่ๆ ยัยนั่นยิ้มออกมาจะดูสวยกว่าที่คิดจนผมถึงกับคิดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง ดังนั้นถึงแม้ว่าผมจะอยากเข้าใกล้เธอเพื่อกวนประสาทและความอยากเอาชนะ ขณะเดียวกันผมก็กลัวที่จะเข้าใกล้เธอเช่นเดียวกัน นี่ผมคงบ้าไปแล้วสินะ =__= “นั่งเหม่ออะไรอยู่” เสียงหวานที่กดต่ำของอัณดึงดูดให้ผมหลุดออกจากภวังค์ความคิด “ไม่ได้เหม่อ” ผมหลบตาเธอ “นี่ก็ดึกแล้ว เธอรีบกลับหอเถอะ” อัณเลิกคิ้ว ใช้ดวงตาที่สวยเหมือนตาของกวางจ้องมาที่ผม “แล้วนายล่ะ” “พอฉันไปส่งเธอเสร็จก็จะกลับหอชายน่ะสิ” “ไม่ต้องไปส่งฉันหรอก” เธอตอบขุ่นๆ “ทำไม หรือว่าเธออยากเป็นฝ่ายไปส่งฉันบ้าง?” ผมถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะโดนยัยหัวขโมยฟาดเข้าที่ไหล่ผมดังเพี้ยะ ข้อหาที่ผมกวนโอ๊ยไม่เข้าท่า “ชาติหน้าตอนบ่ายๆ เถอะ” ว่าแล้วยัยนั่นก็สะบัดหน้าเดินนำออกไปจากห้องพยาบาลอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ผมที่เจ็บตรงปากและได้รับบาดเจ็บเพิ่มที่ไหล่อย่างไม่เหลียวแล ช่างเป็นควีนที่นิสัยดีได้อีก -___-^ (ประชด) “เฮ้อ” ผมทิ้งตัวนอนลงบนเตียงห้องพยาบาล ฟังเสียงของฝนที่โปรยปรายพลางนึกถึงใบหน้าจิ้มลิ้มของโมที่มักจะยิ้มแย้มเสมอเวลาได้อยู่กับทิว แฟนของเธอ ถ้าเทียบความน่ารักสดใสของโมกับหน้าเฉื่อยชาไร้อารมณ์ของใครบางคน มันช่างต่างกันราวฟ้ากับเหว ถ้าพูดถึงความสวย แน่นอนว่าหน้าหวานๆ ที่มีเชื้อญี่ปุ่นของอัณชริกานำโมไปไกล ผิวก็ขาวราวกับหิมะ เวลาออกกำลังกาย พวงแก้มก็จะซับสีแดงร่ำเรื่อเหมือนมะเขือเทศ แต่ต่อให้เธอจะสวยยังไง นิสัยไม่เป็นมิตรและชอบใช้กำลังก็หักลบแต้มเสน่ห์จนแทบไม่มีเหลือ ผมสะบัดหัวแรงๆ เพื่อไล่ความคิดไร้สาระออกไปจากหัว คลำแผลซึ่งได้จากการวางมวยกับหัวหน้าแก๊งค์ Manteria ที่ยัยนั่นเป็นคนอาสาทำแผลให้อย่างเผลอไผล ‘นายเป็นอะไรกับอัณ’ เสียงของหมอนั่นยังคงดังก้องอยู่ในหัวของผม ‘ไม่ว่าฉันจะเป็นอะไร ก็ไม่เห็นต้องรายงานนายเลยนี่’ ร่างสูงของคอนโทรลแผ่ไอสังหารออกมา ดวงตาที่จ้องผมคมกริบเหมือนมีดที่พร้อมจะเชือนผมได้ทุกเมื่อ ‘หึ คิดว่าน้ำหน้าอย่างนายจะขวางฉันได้เหรอ’ แต่ผมกลับไม่รู้สึกหวาดกลัวต่อน้ำเสียงและท่าทีคุกคามของเขา ‘ในเมื่อนายเป็นศัตรูของแก๊ง Silver Cross มันก็เป็นหน้าที่ของฉันที่ต้องขวางนายออกจากควีนของพวกเรา’ นั่นแหละครับ...สาเหตุที่ทำให้พวกผมมีเรื่องต้องใช้แรงกัน แต่ใช่ว่าผมจะได้แผลคนเดียว นายคอนโทรลนั่นก็คิ้วแตกไปเหมือนกัน ‘Cause I don’t care-e-e-e-e-e’ โทรศัพท์มือถือที่ไม่คุ้นเคยทำให้ผมขมวดคิ้ว พอชะโงกหน้ามองเลยเห็นว่ามีมือถือถูกวางทิ้งไว้ที่โต๊ะข้างๆ ซิงค์ล้างมือ ยัยหัวขโมยลืมมือถือทิ้งไว้? ผมหยิบมันขึ้นมาก็เห็นชื่อของคิงขึ้นมาเด่นหรา ผมไม่รอช้ารีบกดรับสายแล้วใช้น้ำเสียงสุขุมตอบกลับไป “มีอะไรเหรอครับ คิง” ‘ฉันโทรฯ ผิดเหรอ ไม่หนิ โฮม ทำไมนายถึงรับโทรศัพท์ของน้องสาวฉันได้’ “พอดีควีนลืมโทรศัพท์มือถือไว้ที่ซิงค์ล้างมือครับ ผมกำลังจะเอาไปคืน” ‘อ๋อ แล้วน้องสาวฉันเป็นยังไงบ้างล่ะ’ “สบายดีครับ ตอนนี้ยังไม่มีวี่แววของแก๊งอื่นจะมาลอบโจมตี แต่ผมจะคอยระวังไม่ให้มันทำร้ายควีนได้เด็ดขาด” ‘อืม ขอโทษด้วยนะที่ทำให้9hv’ลำบาก ช่วงนี้ฉันยุ่งจริงๆ ก็เลยไปดูแลอัณด้วยตัวเองไม่ได้’ “ไม่เป็นไรหรอกครับ นี่ก็ถือว่าเป็นหน้าที่ของผมในฐานะ Silver Cross เหมือนกัน และพวกเราก็เรียนอยู่โรงเรียนเดียวกันด้วย” ‘แล้วแน่ใจนะว่าไม่มีอะไรผิดปกติ วันนี้นายเห็นอะไรผิดสังเกตบ้างหรือเปล่า บางทีอัณก็ไม่ใช่พวกที่ชอบพูดหรือแสดงออกสักเท่าไหร่’ คำถามของคิงทำให้ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ตอบออกไปตามความเป็นจริงว่า “หัวหน้าแก๊ง Manteria มาที่นี่ครับ” ‘หะ! มันมาทำไม! เรื่องใหญ่แบบนี้ทำไมนายถึงไม่รีบโทรฯ มารายงานฉัน!’ “มันแค่มาก่อกวนน่ะครับ ไม่มีอะไรมาก” ผมตอบเสียงอ้อมแอ้ม แค่พูดไม่กี่คำยังเจ็บแผลที่ริมฝีปาก ถ้าช่วงนี้คิงเรียกตัวไปพบ เขาคงเห็นแผลโดนต่อยของผมแน่ ‘ก่อกวน? ทำไมเขาต้องไปก่อกวนด้วยตัวเองด้วย เขาเป็นถึงหัวหน้าแก๊ง’ “เรื่องนี้ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ” ‘เออๆ เอาเป็นว่านายคอยดูแลน้องสาวฉันต่อไปอีกสักระยะหนึ่งก่อน ถ้าอะไรลงตัวแล้วฉันค่อยจัดหาคนไปให้ใหม่ ระหว่างนี้ก็อดทนหน่อยก็แล้วกัน’ คิงเข้าใจดีว่าอัณไม่ชอบขี้หน้าผม เขาให้มาเป็นบอร์ดี้การ์ดก็รู้ว่าคงลำบากใจกันทั้งสองฝ่าย แต่พอเอาเข้าจริงๆ มันก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไรขนาดนั้นหรอก... “ครับ” ผมตอบรับสั้นๆ ติ๊ด! พอกดวางสาย ผมก็แอบรู้สึกผิดนิดๆ ที่ไม่ได้รายงานความจริงทุกอย่างให้คิงทราบ แต่อีกใจหนึ่งมันกลับโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก เฮ้อ นี่ผมดีใจที่ได้ปกป้องยัยหัวขโมยนั่นเหรอเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อเลย Home’s talk end พรึ่บ! ฉันสะดุ้งเฮือกเมื่ออยู่ดีๆ ไฟทั้งตึกก็ดับสนิทแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ฉันซึ่งกำลังเดินลงบันไดไปได้ครึ่งทางชะงักฝีเท้า มือที่กำสายกระเป๋าสะพายบีบแน่นเข้าหากัน ฉันได้ยินเสียงฝีเท้าของคนที่มากกว่าหนึ่งคน อาคารนี้มีห้องเรียนและห้องชมรมบางชมรม ถึงจะหมดคาบเรียบไปนานแล้วแต่ยังเหลือเวลาอีกประมาณหนึ่งชั่วโมงก่อนที่ลุงยามจะมาปิดตึก ดังนั้นก็อาจจะมีนักเรียนบางคนหลบฝนอยู่ แต่ประเด็นก็คือ...เสียงฝีเท้าพวกนี้มันไม่เหมือนเสียงเดินหรือวิ่งของนักเรียนในโรงเรียน แต่มันเหมือนคนที่ฝึกฝนร่างกายมาอย่างดีเหมือนกับพวกนักกีฬา มือพยายามควานหาโทรศัพท์มือถือเพื่อเปิดไฟฉายหรือไม่ก็โทรฯ หาใครสักคน แต่พยายามคลำหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ นี่ฉันไม่ได้ใส่กระเป๋ากางเกงมาหรอกเหรอ ฉันลืมมันไว้ที่ไหนเนี่ย! ตึก...ตึก...ตึก... มีคนๆ หนึ่งเดินลงบันไดมาข้างหลัง ทำให้ฉันที่กำลังเครียดเรื่องโทรศัพท์มือถือหายหยุดนิ่ง ในใจคิดถึงสิ่งที่โฮม พวกพี่เอ็นกับคอนโทรลพูด ‘มีคนจากแก๊งอื่นกำลังปองร้ายเธออยู่...’
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม