แพรไหมสะดุ้งตื่นขึ้นมา เธอโล่งอกที่ยังคงอยู่ในร่างของคิมชอนอาอย่างน้อยก็พอมีเวลาล่ำลา
“เจ้าฝันร้ายเช่นนั้นหรือ?” เสียงทุ้มต่ำของซอจุนเอ่ยขึ้นข้างหูเธอเบาๆ
แพรไหมโผเข้ากอดร่างแกร่งขององค์ชายซอจุนทันที ตอนนี้สีหน้าที่ซีดเซียวของเธอเป็นกังวลสุดๆ
“หม่อมชั้นฝันร้ายเพคะ..ฝ่าบาท หม่อมชั้นคิดว่าคงจะมีเวลาอยู่ในโลกนี้ไม่นานแล้ว”
เธอเอ่ยออกมาเบาๆ อย่างไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
“อย่าคิดมากเลย..มันก็แค่ฝันร้าย..งั้นวันนี้เรากลับวังหลวงกันเถอะนะ….อินจองกำลังรอเราอยู่ข้างนอก เจ้าลุกขึ้น…ไปล้างหน้าล้างตาแล้วก็ออกไปกินอะไรสักหน่อยเถอะ!”
“เพคะ…”
กล่าวเสร็จองค์รัชทายาทก็เดินออกไปข้างนอกปล่อยให้เธอจัดการกับธุระส่วนตัว หญิงสาวแต่งตัวเป็นบุรุษอีกครั้งเพื่อง่ายแก่การเดินทางกลับวังหลวง เธอรีบออกมาข้างนอก เจออินจองยืนสนทนาอยู่กับองค์รัชทายาทซอจุน
“พี่อินจอง!!…”
แพรไหมลืมตัวโผเข้าไปกอดองครักษ์อินจองด้วยความคิดถึง เพราะทั้งคู่เคยพักอยู่ด้วยกันสนิทสนมกันมาก ซอจุนเมื่อเห็นแบบนั้นถึงกับตกใจ ไม่พอใจด้วยความหึงหวง
“อ่ะ…แฮ่ม!! ” องค์รัชทายาทซอจุนกระแอมออกมาเพื่อให้อีกฝ่ายรู้ตัว
อินจองรีบผละออกเมื่อเจอสายตาคมกริบดั่งเหยี่ยวและน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยแววหึงหวงจนออกนอกหน้า แต่ในใจเขากลับพองโตยิ่งนักที่โดนกอดจากคนที่ตัวเองแอบรัก
“ขออภัยพะย่ะค่ะ…ฝ่าบาท”
อินจองนั่งคุกเข่าลงเพื่อเป็นการขอโทษ
“ไม่เป็นไรๆพี่อินจอง ข้ากับท่านน่ะรักกันแบบพี่น้องฝ่าบาทเข้าใจอยู่แล้ว!!”
แพรไหมรีบออกหน้าแทนทันทีเมื่อรู้ว่าตัวเองเผลอทำอะไรที่ไม่สมควรทำไป
“ช่างเถอะๆ เจ้าไม่ผิดหรอก…ทีหลังก็ระวัง..หน่อยก็แล้วกัน….เพราะแพร…อ่าาา..ชอนอาคือชายาของข้า!!”
องค์รัชทายาทซอจุนก็พอจะรู้ว่าอินจองคิดอย่างไรกับแพรไหมแต่เขาก็รู้ว่าอินจองไม่มีวันที่จะทำอะไรไม่ดีลงไปอย่างแน่นอนอินจองเป็นคนที่ซื่อสัตย์มากๆ ยกเว้นแต่เจ้าตัวแทบจะไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย…ช่างไร้เดียงสานัก
ทั้งสามนั่งล้อมวงกินข้าวด้วยกัน เป็นแบบนี้อยู่เสมอยามที่อยู่นอกวังหลวง
“เจ้าไปสืบเรื่องที่มีคนปองร้ายชอนอาของข้ามาได้หรือยัง?”
แพรไหมอมยิ้มที่เดี๋ยวนี้เขามักจะลงท้ายชื่อเธอด้วยคำว่า ‘ของข้า’ ช่างเป็นคำพูดที่น่าฟังยิ่ง
“รู้แล้วพะย่ะค่ะฝ่าบาท…ตอนนี้โดนจับตัวหมดแล้ว…เรื่องนี้องค์ราชาเป็นคนจัดการเองพะย่ะค่ะ องค์ราชากับเสนาบดีคิมแทยัง…ระแคะระคายเรื่องนี้มาสักพักแล้ว..เลยสืบเรื่อยมาสรุปเป็นฝีมือของเสนาบดีฝ่ายซ้ายที่ต้องการขัดขวางการแต่งตั้งพระชายา ตอนนี้จับตัวขังคุกไว้ได้ทั้งหมดแล้ว รอวันตัดสินโทษพะย่ะค่ะฝ่าบาท”
อินจองรายงานด้วยน้ำเสียงที่จริงจังแลดูแค้นเคืองแทนแพรไหมและองค์รัชทายาทซอจุนเป็นอย่างมาก แพรไหมนึกในใจ บทกลับกลายเป็นท่านคิมแทยังเป็นคนดีไปได้อย่างไร กลับไปถึงเธอต้องไปดูเรื่องนี้ซ้ำแล้ว…พอคิดถึงเรื่องกลับบ้านจิตใจเธอก็ห่อเหี่ยว…นึกถึงเหตุการณ์ตอนฝันเมื่อคืนปวดร้าวนัก
“อืม!…ดี..ประหารชีวิตพวกมันให้สิ้นซาก…ให้สาสมกับที่บังอาจมาทำร้ายชายาของข้า”
♣♣♣♣
ทั้งหมดเดินทางกลับเมืองหลวง แพรไหมขี่ม้ากลับตัวเดียวกับองค์รัชทายาท สภาพตอนนี้คล้ายคู่รักกำลังนั่งโอบกอดกันบนหลังม้ามากกว่า อินจองเห็นภาพนั้นแล้วรู้สึกปวดใจมาก แต่ทั้งคู่ก็คือคนที่ตนรักและภักดี ได้แต่เก็บความรู้สึกทั้งหมดไว้ในใจ
“คราก่อนฝ่าบาทให้หม่อมชั้นนั่งไปกับพี่อินจอง ข้าชวนพี่อินจองคุยตลอดทางเลย พี่อินจองคงจะรำคาญหม่อมชั้นมาก”
เธอเล่าไปยิ้มไป สร้างความขุ่นข้องใจให้องค์รัชทายาทซอจุนนัก
“ถ้ารู้ว่าเจ้าเป็นแม่หญิง….ข้าคงไม่ยินยอมให้นั่งไปด้วยหรอกนะ…คิดแล้วข้าชักจะโมโหตัวเองนัก”
“ฝ่าบาทหึงหม่อมชั้นกับพี่อินจองเหรอเพคะ”
“อืมมม..”
เสียงนั้นบูดบึ้งพอๆกับหน้าตาของเขาตอนนี้ แพรไหมนึกเอ็นดูกับท่าทางของเขานัก คนอย่างองค์รัชทายาทผู้สง่าผ่าเผย ต้องมาแพ้ทางให้กับสาวไทยอย่างเธอได้อย่างไรกัน
“ไม่มีอะไรหรอกเพคะ…ไม่งอนข้าสิ…เดี๋ยวข้าหอมแก้มพระองค์ต่อหน้าคนอื่นดีหรือไม่!!”
“ได้! มาเลย”
“ฝ่าบาทอ่ะ…เดี๋ยวนี้กลายเป็นคนแบบนี้ไปแล้วเหรอเพคะ!!…”
“ก็ต้องการแบบนั้นอยู่พอดี..จะขัดใจเจ้าไปทำไมเล่า…หืมม..แพรไหมของข้า!”
แพรไหมหันไปสบสายตาคู่นั้นด้วยรอยยิ้มก่อนจะนิ่งเงียบ ไม่พูดอะไรอีก ใบหน้าหล่อเหลาของเขาตอนนี้ไม่ต่างไปกับพระเอกเกาหลีในซีรีส์เลยแม้แต่นิด…แต่แปลกตรงที่เธอไม่รู้จักเขาเลยว่าเขาเป็นดาราคนไหน เพราะเธอแทบจะเป็นแฟนตัวยงติ่งเกาหลีไปแล้ว
องค์รัชทายาทซอจุนชีวิตจริงเขาคือใครกันนะ….'ถึงกระนั้นก็เถอะ…ซอจุนสัญญากับไหมแล้วนะ..ว่าจะไปตามหาไหมที่ประเทศไทย' แพรไหมนิ่งคิดอยู่ในใจ เธอรู้ว่าเธอมีเวลาไม่นาน เบื้องบนคงจะใจดีให้เธอร่ำลาเขา เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะจากกันไปอีกครา
♣♣♣
ทั้งหมดเดินทางมาถึงวังหลวงอย่างปลอดภัย พร้อมกับแพรไหมที่ตอนนี้ย้ายมาอยู่ในวังหลวงอย่างถาวร เพราะต้องเตรียมตัว..เข้าพิธีอภิเษกสมรสกับองค์รัชทายาทซอจุน เขากลัวว่าถ้าเธอกลับไปอยู่จวนแล้วต้องได้รับอันตรายอีก เลยให้พักอยู่ตำหนักพระชายาเสียเลย!
“พระชายาเพคะ….ค่ำมืดแบบนี้แล้ว..เสด็จกลับตำหนักเถอะเพคะ”
นางในสองคนที่กำลังเดินตามเธออยู่ตอนนี้ เอ่ยขึ้นมาให้เธอกลับตำหนักในขณะที่เธอกำลังเดินเล่นอยู่ข้างสระน้ำในวังหลวงอย่างเพลิดเพลิน
“เจ้าสองคน อย่าเพิ่งเรียกข้าว่าพระชายาได้หรือไม่ ตอนนี้ข้ายังไม่ได้รับการแต่งตั้ง!”
“แต่…พระชายาเข้าหอแล้วนะเพคะ!”
แพรไหมตกใจมากที่นางกำนัลสองคนนี้รู้เรื่องของเธอ
“ดะ…เดี๋ยวนะ!..รู้กันได้อย่างไร?”
“องค์ชายทูลพระมเหสีแล้วเพคะ…ต้องจดบันทึกวันที่เข้าหอไว้ทุกครั้งเผื่อว่าพระชายาทรงพระครรภ์น่ะเพคะ”
นางกำนัลเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าเบาๆ
“ห๊า!….มันต้องขนาดนั้นเลยเหรอ..นี่รู้กันทั่ววังหลวงเลยเหรอ?”
“เพคะ!!”
“ฝ่าบาท!!ทำแบบนี้กับข้าได้อย่างไรกัน!”
นางกำนัลสองคนหัวเราะกับท่าทางกระฟัดกระเฟียดและเขินอายของแพรไหม ที่ตอนนี้แก้มแดงปลั่งด้วยความเขินอายแทบจะแทรกแผ่นดินหนี
“เรียกข้าอย่างนั้นเหรอ..คิมชอนอา!”
จู่ๆองค์รัชทายาทก็โผล่มาทันที แพรไหมรีบเดินเข้าไปไกล้เขาและกระซิบเบาๆ
“ฝ่าบาทไปป่าวประกาศว่าเรา…เรามีอะไรกันได้อย่างไรเพคะ!”
“แล้วทำไมจะไม่ได้ล่ะ…แล้วเรายังไม่ได้เข้าหอกันหรอกหรือ…หรือต้องให้ข้าย้ำเรื่องคืนนั้น!”
“มะ..ไม่ต้องเพคะฝ่าบาท..”
“สงสัยคืนนี้ข้าคงต้องไปเข้าหอกับเจ้าอีกครั้ง…เผื่อเจ้าจะจำได้!”
“ฝ่าบาท!!”
ทันใดนั้น!
พลัน!สายตาแพรไหมเหลือบไปเห็นเหมือนคนใส่ชุดดำกำลังเล็งธนูมาที่องค์รัชยาทซอจุนพอดี!
“ฝ่าบาทระวัง!!!!”
ปั่ก!!!
แพรไหมเอาตัวเองเข้าไปขวางลูกศรเอาไว้แทน ลูกศรปักเข้าที่กลางหน้าอกของเธอพอดี เลือดไหลพุ่งออกมาทางปากและจมูก และตรงหน้าอกเจิ่งนองไปด้วยเลือด
“แพรไหม!!ทหารตามมันไป!!"
ทหารพากันวิ่งกรูออกไป ทุกอย่างตอนนี้ชลมุนวุ่นวายไปหมด
“พระชายาเพคะ!! พระชายา!!”
เหล่านางในก็วิ่งกรูกันเข้ามาตรงบริเวณร่างของแพรไหม
องค์รัชทายาทกอดร่างของแพรไหมที่เต็มไปด้วยเลือดไว้แนบอก
“หมอหลวง!!พวกเจ้าไปตามหมอหลวงมาเดี๋ยวนี้!!”
องค์รัชทายาสั่งด้วยท่าทางร้อนรนกระวนกระวายยิ่ง น้ำใสๆเริ่มไหลออกมาจากดวงตาคมคู่นั้นอย่างขวัญเสีย!
“ฝ่าบาท!….”
แพรไหมเรียกองค์รัชทายาทด้วยสุ้มเสียงที่แผ่วเบา เริ่มหายใจติดขัดและรวยริน
“เจ้าอย่าได้พูดอะไรอีกเลย…หมอหลวงกำลังจะมาแล้ว!”
เขายิ้มออกมาพร้อมน้ำตา วงแขนยังคงกอดร่างของแพรไหมไว้แน่น ราวกับกลัวร่างจะสูญสลายไป
“ไม่ต้องหรอก…เพคะ..ฝ่าบาท….มันหมดเวลาของไหมแล้ว…ได้เวลาที่ไหมจะต้องกลับเสียที….ฝ่าบาทเพคะ…อย่าลืมสัญญาของเรา…อย่าลืมไปตามหาไหมที่ประเทศไทย….อย่าลืมสัญญานะเพคะ..รับปากไหม!!”
หญิงสาวเริ่มหายใจอย่างช้าๆและรวยรินเต็มที
“ข้ารับปากเจ้า…ข้าจะไปหาเจ้าแพรไหม…แต่ตอนนี้เจ้าต้องรอด เจ้าต้องไม่เป็นอะไร…แพรไหมฟังข้านะ….ข้ารับปากแล้ว..ข้าสัญญา…ฟื้นขึ้นมาก่อน…ฟื้นมาคุยกับข้า..เรากำลังจะแต่งงานกันใช่หรือไม่….แพรไหม!!”
องค์รัชทายาทเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นคลอน น้ำตาลูกผู้ชายไหลพร่วงพรูลงมาไม่ขาดสาย ก่อนที่ร่างของแพรไหมค่อยๆนิ่งและหลับตาลง
เสียงหายใจเฮือกสุดท้ายดังขึ้นมาอย่างแผ่วเบา…เธอจากไปแล้ว….!
“ไม่!!!”
องค์รัชทายาทซอจุนตะโกนออกมาอย่างสุดเสียง ด้วยความเสียใจและเจ็บปวดใจอย่างรุนแรง ดั่งว่าโดนควักหัวใจออกมาฉีกทึ้ง เขานั่งกอดศพคิมชอนอาที่ตอนนี้ไม่เหลือจิตวิญญานของแพรไหมอาศัยอยู่แล้ว ชายหนุ่มร้องไห้อย่างบ้าคลั่ง เป็นที่เวทนาต่อองค์ราชาและพระมเหสีที่ตอนนี้นั่งร้องไห้อยู่ข้างร่างที่ไร้วิญญาณของผู้เป็นน้องสาวด้วย