‘นิยายบ้าบอคอแตก ไม่เห็นจะสนุกเลย เสียดายเงินที่ซื้อมาก เสียดายเวลาที่อ่าน ฉาก 18+ เหมือนเด็กน้อย ไม่เสียว ไม่วูบวาบ ถามจริงนักเขียนเคยมีแฟนไหม แต่ให้เดาคงไม่มี แต่งนิยายแบบนี้เลิกไปเลยเถอะ ไม่อินนนนน ไปทำอาชีพอื่นเลย พื้นที่นี้ไม่เหมาะกับคุณ’
คูเปอร์ค่อย ๆ ลดโทรศัพท์ลงด้วยความรู้สึกเศร้าใจ เมื่อมีแจ้งเตือนว่านิยายที่เพิ่งวางขายเรื่องใหม่ล่าสุด มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นแล้ว เธอจะไม่รู้สึกเสียใจเท่านี้เลยถ้าไม่ใช่คอมเมนต์แรก
ความหวังที่อยากเห็นยอดโหลดพุ่งพรวดหายไปในพริบตา จากที่มั่นใจในงานเขียนกลายเป็นไม่มั่นใจ รู้สึกกังวลปนระแวง กลัวไปหมดว่าจะมีนักอ่านมาคอมเมนต์แบบนี้อีก
หญิงสาวตัดสินใจลองเข้าไปดูยอดโหลดอีบุ๊กที่วางขายผลปรากฏว่า ต่ำเตี้ยเรี่ยดินกว่าที่คิด ทำให้ดวงตาทั้งสองข้างเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา ต้องยอมรับว่ารีวิวเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้นักอ่านคนอื่น ๆ เข้ามาซื้อนิยาย
แล้วเธอผิดเหรอที่ไม่เคยมีแฟนแต่อยากแต่งนิยาย 18+ หากนักอ่านจะแนะนำก็ควรพิมพ์มาบอกกันดี ๆ ไม่ใช่คอมเมนต์ด่าจนเธอเสียกำลังใจแบบนี้
ในฐานะนักเขียนเจ้าของผลงาน ไม่ว่านิยายจะถูกคอมเมนต์แบบไหน เธอก็พร้อมที่จะปรับปรุงเพื่อให้ผลงานดีขึ้น แต่ขอเถอะช่วยบอกกันดี ๆ ใช้คำพูดที่มันบาดใจให้น้อย ๆ วิธีการเขียนแนะนำมีมากมายไม่จำเป็นต้องใช้ถ้อยคำรุนแรง
คูเปอร์นอนร้องไห้ด้วยความรู้สึกเศร้าเสียใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เธอเป็นลูกคนรวยย่อมไม่ขัดสนเรื่องเงิน ไม่จำเป็นต้องสนใจยอดโหลดอีบุ๊กก็ได้ แต่ในฐานะคนที่มีความฝันอยากเป็นนักเขียนชื่อดัง ยอดโหลดคือการวัดความสำเร็จของนิยาย เพราะหมายความว่ามีคนอ่านนิยาย
คิดดูสิวางขายนิยายวันแรกก็โดนนักอ่านด่าแล้ว ถึงแม้คอมเมนต์ต่อ ๆ มาจะบอกว่า นิยายสนุกแต่เธอก็ยังคิดถึงคอมเมนต์นั้น ปล่อยวางไม่ได้จริง ๆ ไม่มีแรงแม้แต่จะเดินลงไปกินข้าวเที่ยงกับบิดามารดา
“พี่เปอร์ยังไม่ลงมาอีกเหรอแม่” สามีหันไปถามภรรยาหลังเดินเข้ามาในห้องรับประทานอาหารของบ้านหลังใหญ่ที่ปกติจะกินข้าวด้วยกันสามคนพ่อแม่ลูก ส่วนลูกชายฝาแฝดคนหนึ่งงานยุ่ง อีกคนมีครอบครัวแล้วนาน ๆ ครั้งเขาถึงจะพาหลาน ๆ มาเยี่ยมปู่ย่า
“ยังเลยพ่อ เดี๋ยวแม่ไปดูเอง” ภรรยาส่ายหน้าก่อนตอบ ปกติ
คูเปอร์เป็นคนที่ตรงต่อเวลามาก แต่วันนี้มาแปลกเที่ยงกว่าแล้วยังไม่ลงมากินข้าวอีก ตอนเช้าก็ไม่ยอมตื่น หรือว่าลูกจะเป็นอะไรหรือเปล่า
“ลองโทร.หาสิ เผื่อทำงานจนลืม” สามีบอก ภรรยาจึงยกโทรศัพท์ต่อสายหาลูก ไม่นานก็ได้ยินเสียงอู้อี้บอกว่า ไม่หิว ไม่อยากกินข้าว เธออยากนอนก่อนจะวางสายไป
“แม่ขึ้นไปดูพี่เปอร์ก่อนนะพ่อ ไม่เคยเห็นลูกร้องไห้แบบนี้เลย”
“พ่อไปด้วยแม่” ด้วยความเป็นห่วงลูกสาวสองสามีภรรยาจึงขึ้นมาหาลูกบนห้องนอนพร้อมกัน พวกท่านเคาะประตูเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เปิดเข้าไป คูเปอร์ที่นอนซึมอยู่บนเตียงจึงหันมามอง
ไม่ทันที่บิดามารดาจะถามคูเปอร์ก็ร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ทั้งที่ปกติเธอเป็นคนร้องไห้ยาก อารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลา ร่าเริงสดใส เป็นคนมั่นใจในตัวเองจึงไม่ค่อยเผื่อใจกับความผิดหวัง เพราะคิดว่าสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจทำนั้นถูกต้องเสมอ
สองสามีภรรยากอดปลอบลูกสาวได้สักพัก ก็เริ่มสอบถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น พอรู้ที่มาที่ไปของน้ำตาก็อดสงสารลูกไม่ได้ พวกท่านรู้ว่าลูกสาวรักในอาชีพนักเขียนจริง ๆ อยากเป็นนักเขียนมาตั้งแต่เด็ก และตั้งความหวังไว้กับงานเขียนค่อนข้างมาก เธอบอกเสมอว่าสักวันจะพาพ่อกับแม่ไปเที่ยวด้วยเงินจากอาชีพนักเขียน และพวกท่านก็เชื่อว่าลูกต้องทำได้อย่างแน่นอน
“ไม่เป็นไรนะลูก เรื่องนี้ไม่ได้ เอาเรื่องใหม่ต่อ สักวันต้องมีคนเห็นถึงความตั้งใจของลูก” คุณแม่ยังสวยปลอบใจลูกสาวอายุสามสิบขวบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนคล้ายตอนยังเป็นเด็กน้อย
เวลาที่เห็นลูก ๆ ผิดหวังมารดามักจะทำแบบนี้เสมอ ไม่เคยตำหนิมีแต่ให้กำลังใจพลางลูบหัวไปด้วย คุณพิมพ์ฝันเชื่อว่าลูกจะเดินต่อไปข้างหน้าได้ถ้าพ่อแม่ให้กำลังใจและเข้าใจ
“ใช่แล้วพี่เปอร์ ลูกแต่งนิยายด้วยความตั้งใจ ผลจะออกมาเป็นยังไงช่างมัน” คุณพ่อเองก็ให้กำลังใจเช่นเดียวกับภรรยา
คุณอธิวราห์เป็นพ่อที่ไม่เคยบังคับลูก ท่านเลี้ยงลูกมาเหมือนเพื่อนคนหนึ่ง ไม่ว่าลูกอยากทำอะไรท่านพร้อมสนับสนุน เหมือนที่บิดามารดาเลี้ยงท่านกับพี่ชายมา
“ฮึก พ่อกับแม่อายไหมที่หนูเป็นนักเขียน ไม่มีคนรู้จัก” นักเขียนโนเนม แฟนคลับน้อยนิดร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ในอ้อมกอดของคุณแม่ ใบหน้าของเธอเศร้าหมองจนคนมองสงสารจับใจ
ลูกหนอลูกคิดแบบนี้ได้อย่างไร สำหรับคนเป็นพ่อแม่ที่รักลูกมาก ไม่ว่าลูกอยากทำอะไรพวกท่านย่อมมีความสุขทั้งนั้นขอแค่ไม่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นก็พอ
“อายอะไรกัน พ่อภูมิใจต่างหากที่ลูกสาวได้ทำในสิ่งที่ฝัน”
คุณพ่อยังหนุ่มยังแน่นบอกตามตรง อายทำไมเป็นนักเขียนมันไม่ดีตรงไหน ท่านคิดว่าดีมากต่างหาก อาชีพนี้ไม่ใช่ใครก็เป็นได้ ถ้าใจไม่รักไม่มีทางทำไปตลอดรอดฝั่งแน่นอน
“แต่มันไม่ได้เงิน ฮึก คนอื่นจะมองพ่อกับแม่ไม่ดี”
นี่คือสิ่งที่คูเปอร์กลัว พ่อแม่มีหน้ามีตาในสังคมถ้าไปเจอใครแล้วเขาถามว่า ลูกสาวทำอาชีพอะไรพวกท่านจะตอบอย่างไร พูดตามตรงในปัจจุบันอาชีพนักเขียนยังไม่เป็นที่ยอมรับของสังคมไทย ยิ่งไม่เห็นค่าตอบแทนก็ยิ่งโดนดูถูก
“สนใจคนอื่นทำไม แม่กับพ่อสนใจแต่ความสุขของลูกเท่านั้น”
คุณพิมพ์ฝันหันไปยิ้มให้สามีก่อนตอบลูกสาวสุดที่รัก คูเปอร์จึงเอามือขึ้นมาเช็ดหน้าเช็ดตา คำพูดของแม่เหมือนน้ำทิพย์ชโลมใจ ช่วยคลายความเศร้าลงไปได้เยอะเลย
เธอโชคดีที่เกิดมาในตระกูลแอมเมอร์สัน มีพ่อแม่พี่น้องลุงป้าที่น่ารัก ไม่เคยเอาลูกหลานมาเปรียบเทียบกัน พวกท่านจะบอกเสมอว่า ลูกหลานแต่ละคนมีข้อดีแตกต่างกัน ไม่จำเป็นที่ใครจะต้องเก่งเหมือนใคร
“พ่อขา แม่ขา เปอร์รักพ่อกับแม่”
“แม่กับพ่อก็รักลูก”
สองสามีภรรยาโอบกอดลูกสาวด้วยความรัก คูเปอร์เผยรอยยิ้มออกมาด้วยความสุขใจถึงแม้หน้าที่การงานจะไม่ประสบความสำเร็จดั่งใจหวัง แต่เธอโชคดีที่มีพ่อกับแม่คอยให้กำลังใจ คอยสนับสนุน ไม่ว่าลูกอยากทำอะไรพวกท่านไม่เคยบังคับเลย ขอแค่ลูก ๆ มีความสุขกับสิ่งที่ทำก็พอ แต่มีข้อแม้ความสุขต้องไม่อยู่บนความทุกข์ของคนอื่น พ่อกับแม่บอกเธอเสมอ ชีวิตเป็นของลูกอยากทำอะไรก็ทำ