ตอนที่ 2 คิดถึงใบหน้า

1888 คำ
“....” ภาพผู้หญิงคนนั้นยังวนเวียนอยู่ในหัวมาร์คิส ใบหน้าเย่อหยิ่งของเธอทำเขาหยุดมองไปหลายนาที ไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนกล้ามายืนเถียงกับผู้ชายอย่างไม่เกรงกลัวเท่าเธอคนนี้มาก่อนเลย “ยิ้มให้ใครวะ?” มาร์โคเดินเข้าบ้านมาเห็นพี่ชายนั่งยิ้มอยู่คนเดียว เฮียมันกำลังยิ้มให้ใครอยู่ หรือเป็นบ้าไปแล้ว มาบ้าตอนแก่เสียงั้นพี่ชายเขา “นั่ง” มันมาพอดีเลย หายหัวไปทั้งวัน กลับมาเอาจนป่านนี้ เมื่อไหร่มันจะโตสักที งานการก็ไม่ไปทำ เที่ยวเล่นเหมือนคนไร้การศึกษาไปได้ “โดนแน่กู” มาร์โครู้ว่าตัวเองต้องโดนพี่ชายต่อว่าแน่นอน น้ำเสียงแบบนี้ สายตาแบบนี้ ไม่น่ารอด “เฮียครับ” “มึงไปชนเขาทำไม” พลางตวัดตามองน้องชายอย่างไม่พอใจ ตัวเองผิดแท้ ๆ แต่ไม่ยืนเถียงคนอื่นหน้าตาเฉย ไม่เคยสอนให้น้องเป็นคนเห็นแก่ตัว ไม่เคยสอนให้โยนความผิดให้อีกฝ่ายถ้าเราผิดจริงควรยื่นอกรับสิ “ยัยนั่นถอยมาชน” “เรียกเขาดี ๆ” “ก็ยะ..เธอถอยมาชนกูเอง” “มึงผิด” หลังจากดูกล้องแล้วมันยิ่งชัดเจนว่าน้องตัวเองเป็นฝ่ายผิด ตอนเธอถอยออกมามันไม่มีรถ มาร์โคขับเข้ามาโดยไม่มองรถที่กำลังถอยออกจากซอก ทำให้ไปชนท้ายรถผู้หญิงคนนั้นเขาเต็ม ๆ สาเหตุที่มันไม่มองเพราะมัวสนใจสาวที่กำลังเล่นกับตรงนั้นของมันอยู่ แม้แต่ขับรถมันยังไม่เว้น แทนที่จะพากันจอดเอากันให้เสร็จก่อน ไม่ใช่ทำกันบบนรถจนเกิดปัญหาแบบนี้ รู้ไหมว่าสิ่งที่ทำมันเดือดร้อนเพื่อนร่วมถนนแค่ไหน นี่โชคดีมากเลยนะที่ชนในร้านเพื่อนเขา ถ้าชนบนถนนมันได้ตายคู่แน่กับเด็กของมัน “เฮียไม่เข้าข้างกูอะ” “เลิกปัญญาอ่อน” “....” ทำหน้าหง่อย “พรุ่งนี้เข้าไปเรียนรู้งานกับคุณทราส” ทราสคือเลขาส่วนตัวเขาเอง ถึงเวลาที่มันต้องเรียนรู้งานสักที ทำตัวเร่ร่อนมานานแล้ว “กูยังไม่พร้อม” “ถ้าอยากมีอนาคตก็ไปทำ แต่ถ้าอยากอยู่แบบไร้อนาคตก็ไสหัวออกจากบ้านกูไป” เป็นปกติของสองพี่น้องที่มักจะพูดกันแบบนี้ ในทุกประโยคของมาร์คิสที่พ่นออกมา มักจะมีคำสอนทำให้น้องชายฉุนคิดขึ้นได้ว่าที่บอกที่บ่นอยู่ทุกวันเพราะห่วง ไม่ใช่ว่าไม่รัก น้องทั้งคนใครจะเกลียดได้ลง แต่ที่ต้องบ่นเพราะอยากให้น้องมีหน้าที่การงานและอนาคตที่มั่นคง ตราบใดที่มันยังวิ่งตามผู้หญิงไปวัน ๆ อยู่แบบนี้ชีวิตมันก็จะอยู่แค่จุดนี้แหละ ไม่มีทางไปได้ไกลหรอก เมื่อถึงเวลาที่เขาไม่ก็มันมีครอบครัว สุดท้ายแล้วพวกเราก็ต้องแยกย้ายกันไป จะให้มาคอยนั่งสอนอยู่แบบนี้ก็คงเป็นไปไม่ได้ หวังว่ามันจะคิดได้แล้วนะ “เฮียแม่ง” “พรุ่งนี้แปดโมงออกไปพร้อมกู” “เออ ๆ” “ช้ากูไม่รอ” เวลามีค่ากับเขามาก คงไม่เสียเวลามารอคนไม่มีความรับผิดชอบหรอกนะ อยู่ที่มันแล้วจะจัดการตัวเองยังไง ทุกเรื่องเขาจะพูดแค่ครั้งเดียว ทำไมทำก็แล้วแต่มัน แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เกิดปัญหาก็จัดการเอาเองแล้วกัน อย่าหาว่าใจร้าย โต ๆ กันแล้วทั้งนั้น “รู้แล้วน่า” พรึ่บ! “แล้วนั่นเฮียจะไปไหน” “เรื่องของกู” “เคเลย เคเลยเฮีย” มาร์โคมองตามหลังพี่ชายตัวเองไป พลางถอนหายใจออกมาเบา ๆ รู้ว่าพี่ไม่อยากบ่นให้ ที่บ่น ๆ อยู่ทุกวันก็เพราะอยากให้เขาจริงจังกับชีวิตได้แล้ว ก็นะ มาร์คิสแทบไม่เคยได้ใช้ชีวิตช่วงวัยรุ่นเลย เรียนจบก็ทำงานต่อจากครอบครัวทันที ไม่ค่อยพบปะหรือสังสรรค์เหมือนกับคนทั่วไป ใช้ชีวิตกับตัวเองซะส่วนใหญ่ กับเพื่อนก็นาน ๆ เจอที มีไปดื่มบ้างแต่ไม่บ่อยเหมือนอย่างเขาที่ไปแทบทุกวัน มาร์คิสอายุเข้า 43 ปีแล้วแต่ยังไม่มีแฟน ในขณะที่มาร์โคอายุเพียง 28 ปีแต่มีไปแล้วไม่รู้กี่คน “พรุ่งนี้ฝากสอนงานมาร์โคด้วย” (ได้ครับ แล้วคุณมาร์คิสจะเข้าบริษัทด้วยไหมครับ) “ผมน่าจะเข้าบ่าย ๆ มีอะไรหรือเปล่า” (มีคนมาสมัครงานครับ) “อืม งั้นเดี๋ยวผมแวะเข้าไป” (ได้ครับ) “แค่นี้แหละ” ติ๊ด! สายตาเรียบนิ่งทอดมองวิวในยามค่ำคืน ในขณะที่ผู้คนกำลังหลับใหล กลับมีใครบางคนยังไม่นอน เอาแต่นึกถึงใบหน้าสวยนั้นไม่รู้ลืม ไม่รู้ว่าเราจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่ แต่คิดว่าคงอีกไม่นานหรอกมั้ง หึหึ เพื่อนต่างก็มีลูกเมียกันหมดแล้ว มีแต่เขาคนเดียวที่ยังใช้ชีวิตสันโดษอยู่แบบนี้ ไม่ใช่ว่าไม่โหยหาความรัก เพียงแต่ยังไม่เจอคนที่ใช่ เพราะการที่เราจะสร้างครอบครัวกับใครสักคน เราต้องเลือกคนที่พร้อมจะมาเป็นภรรยาและแม่ของลูกของเรา แม้อายุจะ 43 ปีแล้วก็ตาม เขาก็ยังไม่คิดรีบร้อนกับความสัมพันธ์ เมื่อถึงเวลาที่ใช่สักวันคนนั้นก็คงปรากฏตัวขึ้นมาเอง ตอนนี้เราก็ใช้ชีวิตของเราไป เลี้ยงน้องชายที่เปรียบเสมือนลูก อยู่กับงานที่เรารัก เลิกงานกลับบ้านมานั่งเลี้ยงปลาถ่ายรูปไปวัน ๆ แค่นี้เขาก็มีความสุขแล้ว ส่วนเรื่องลูกก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน มีหลานให้เลี้ยงตั้งหลายคนไม่เห็นจำเป็นต้องเครียดเลย ก๊อก ก๊อก “ไอ้เฮีย” “ตัดเฮียทิ้งก็ได้นะ” มันเรียกเขาเฮียแต่เสือกขึ้นต้นด้วยไอ้ ถ้าจะเรียกแบบนั้นทำไมไม่เรียกไอ้มาร์ไปเลยล่ะ “พูดเองนะมาร์” “อยากตายไหมล่ะ” “หยอกเล่นน่า” “อะไร” มันมาหาเขาทำไมเวลานี้ นึกว่านอนไปแล้ว หรือมันต้องการอะไรอีก “ขอเงินหน่อย” “กูให้ไปแล้ว” วันนี้เขาให้มันไปแล้วห้าแสน มันเอาไปทำอะไรหมด อย่าบอกว่าเอาไปเลี้ยงผู้หญิงจนหมดอีกแล้วไอ้น้องเวร “เปล่า แค่จะโอนไปให้เธอ” “อืม” เห็นแววตาของน้องก็รู้ทันทีว่าคนมันหมายถึงคือใคร มาร์คิสตอบตกลงแล้วจัดการโอนเงินให้น้องไปทันทีหนึ่งล้านบาท ก็ถือว่ามันยังมีความรับผิดชอบอยู่บ้าง ถ้าเป็นเรื่องแบบนี้เข้าสนับสนุน แต่ก็หวังว่ามันจะคิดได้สักวันแล้วกลับมาจริงจังกับชีวิตได้แล้ว เขาช่วยน้องได้ทุกเมื่อแค่น้องเอ่ยปากมา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็อยากให้น้องลองจัดการชีวิตของตัวเองดูบ้าง เพราะเมื่อถึงวันที่เขาไม่อยู่แล้ว อย่างน้อยน้องก็ยืนหยัดด้วยตัวเองได้ ไม่ต้องไปพึ่งพาใคร “เดือนนี้กูไม่เอาเงินเดือนนะ” พอถือว่าเงินที่พี่ชายให้มาเป็นเงินเดือนของเขาก็แล้วกัน ปกติแล้วเขาจะเอาเงินเดือนที่พี่ให้ใช้โอนไปเอง แต่พอดีวันนี้มันเกิดเรื่องเขาเลยต้องใช้จ่ายไปเยอะ จึงจำเป็นต้องขอยืมพี่ชายก่อน “อย่าลืมพรุ่งนี้ 8 โมงเช้า” “รู้แล้วน่า” “รู้แล้วก็ทำให้ได้” “อืม” “ออกไป” “ขอบคุณ” “อย่ามาทำซึ้ง กูไม่อิน” “มึงตลอดเลยไอ้เฮีย” มาร์คิสส่ายหน้าในเนือย ๆ ให้กับน้องชาย มือถือเครื่องหรูถูกโยนไว้บนเตียงก่อนที่เจ้าของร่างสูงจะหมุนตัวเดินเข้าห้องแต่งตัว ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วหายเข้าไปในห้องน้ำ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปดูพนักงานที่มาสมัครงานใหม่ วันต่อมา “โคตรทรมานเลย” น้ำเสียงยานครางเอ่ยขึ้นขณะนั่งรถไปยังบริษัทพี่ชาย มาร์คิสทำเพียงปลายตามองน้องชายตัวเองเท่านั้นก่อนจะกลับไปสนใจงานบนไอแพดต่อ ถือว่ามันมีความรับผิดชอบต่อเวลาดี ก็ต้องมารอลุ้นกันต่อไปว่ามันจะทำแบบนี้ได้ทุกวันไหม ถ้าทำได้ก็ถือว่าผ่านด่านแรก จากนี้ก็ต้องมาดูเรื่องงานของมันว่าจะเป็นยังไงต่อ “วันนี้นายมีนัดกับคุณไมเนอร์ต่อครับ” “ไม่เหนื่อยเหรอวะเฮียทำงาน” “ลองมาทำสิจะได้รู้” ทำงานไม่มีใครไม่เหนื่อย อยู่ที่เราจะเหนื่อยกายหรือเหนื่อยใจเท่านั้นเอง รักในงานตัวเอง สนุกไปกับมัน อาจมีเหนื่อยบ้างในบางครั้ง แค่เราได้ล้มตัวลงนอนหลับตาพักผ่อน ตื่นมาก็มีแรงสู้กับมันอีกครั้ง เมื่อไหร่ที่มันได้ก้าวมายืนอยู่จุดนี้มันจะรู้เองว่าเป็นยังไง ตอนนี้พูดไปก็เท่านั้นเพราะมันยังไม่เคยลอง “ไม่เอาอ่ะ” “....” ส่ายหัวเล็กน้อย “มีใครไปบ้าง” ก่อนที่เขาจะเงยหน้าถามลูกน้องอีกครั้ง นอกจากไมเนอร์แล้วมีใครอีก “มีคุณไมเนอร์กับคุณครูซครับ” “แล้วพวกที่เหลือล่ะ” “ยังไม่มีใครให้คำตอบครับ” “ไม่ต้องสนใจ ไปลากคอพวกมันมาให้หมด” ก็คงกกเมียอยู่ที่บ้านนั่นแหละ พวกมันจะไปไหนได้ติดเมียกันจะตาย เวลาคุยงานกว่าจะเสนอหน้ามากันได้นะ ทีเมื่อก่อนตอนยังไม่มีเมียเป็นพวกมันไม่ใช่เหรอที่ลากเขาออกทุกวัน ถึงเวลาที่เขาต้องเอาคืนพวกมันบ้างแล้ว “ครับ” ไม่นานรถยนต์ก็เกิดเลี้ยวเข้ามาในบริษัท เคลื่อนตัวมาจอดสนิทตรงประตูทางเข้า ก่อนลูกน้องสองคนที่ยืนรออยู่จะวิ่งเข้ามาเปิดประตูให้ผู้เป็นนายทั้งสอง ร่างสูงใหญ่ก้าวลงจากรถเดินเข้าไปข้างในด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง เหล่าพนักงานที่เห็นต่างก็ยกมือขึ้นไหว้ทักทายประธานบริษัท ถัดไปด้านหลังก็เป็นมาร์โคที่เดินตามมาติด ๆ “สวัสดีครับท่านประธาน” เลขาที่นั่งทำงานอยู่หน้าห้องดันตัวลุกขึ้นทักทายประธานบริษัทที่เดินมาหยุดตรงหน้าตนเอง “พร้อมแล้วใช่ไหม” “พร้อมหมดแล้วครับ” มาร์คิสพยักหน้าแล้วเข้าห้องไป “ทุกคนพร้อมนะครับท่านประธานมาแล้ว” เลขามาบอกกับคนที่เข้ามาสมัครงานใหม่ให้เตรียมพร้อม เพราะตอนนี้ท่านประธานเดินทางมาถึงแล้ว อีก 10 นาทีจะเข้าสู่การสัมภาษณ์งาน ให้ทุกคนเตรียมเอกสารและความพร้อมของตัวเองให้เรียบร้อย หวังว่าจะผ่านการสัมภาษณ์งานไปได้ด้วยดี เลขาขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคน “พร้อมค่ะ/ครับ” น้ำเสียงหนักแน่นตอบพร้อมกันทั้งชายหญิง จากนั้นเลขาก็แยกตัวออกไป และไม่นานคนที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง “เชิญคุณพรชนกครับ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม