บทนำ
จุดเริ่มต้นของวงจรมาเฟียเกิดขึ้นในค่ำคืนนั้น...
กระสุนปืนโหมถล่มไม่ต่างจากหยาดฝนที่สาดเทชุ่มฉ่ำ หากมันไม่ใช่หยดน้ำ แต่กลับเป็นหยาดโลหิตสีแดงสดที่ไหลหลั่งราวกับสายธาร
ปัง!
ปัง!
ปัง!
ลำปืนจ่อยิงโดยเป้าหมายการเพ่งเล็งนั้นอยู่ที่ ‘ไตรพัฒน์’ เพียงจุดเดียว กลุ่มคนนับสิบเบนศูนย์หน้าปรี่มายังตัวมาเฟียหนุ่มหมายเอาชีวิต แต่ด้วยทักษะและประสบการณ์ที่เพียรพบกลับทำให้รอดพ้นดงลูกตะกั่วมาได้อย่างหวุดหวิด
ไตรพัฒน์วิ่งหนีไปตามตรอกซอยหลังจากที่ออกมานอกตัวร้านสังสรรค์ อาศัยความชำนาญพื้นที่และความคล่องแคล่วของร่างกายให้พาตัวเองเข้ามาหลบหลีกในตรอกแคบ ๆ มืดมิดไร้แสงไฟ ในขณะเดียวกันมืออีกข้างที่ไม่ได้ประคองลำปืนก็คอยติดต่อหาลูกน้องคนสนิทที่รับหน้ากับศัตรูอีกกลุ่มไปด้วย
“ฉิบ!” เสียงสบถด่ากร้าวดังเค้นลอดไรฟันที่มันเต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธ
มาเฟียหนุ่มทาบฝ่ามือลงบริเวณบาดแผลจากการถูกยิงเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา มันถูกทำแผลเป็นอย่างดีแต่ก็ปริแตกเนื่องจากใช้กำลังแรงในการหลบหนีศัตรูที่หวังพรากชีวิตให้สิ้น
เขาทิ้งตัวลงสู่พื้นพลางผ่อนลมหายใจออกหนัก ๆ เพื่อหวังควบคุมสติของตัวเองที่ลดน้อยลงทุกที หากไม่มีบาดแผลการถูกยิงที่หน้าท้องฝั่งซ้าย เขาเองก็มั่นใจว่าป่านนี้คงได้ออกไปเผชิญหน้ายิงสวนกับเหล่าลูกน้องของศัตรูให้ตายราบคาฝ่าเท้าไปแล้ว
“นะ...นี่มันอะไรกัน กรี๊ด!!!”
ทว่าเสียงเล็กของใครคนหนึ่งกรีดร้องขึ้นหลังจากที่เปิดประตูออกมาจากด้านหลังร้านสังสรรค์ ไตรพัฒน์หันขวับก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปชาร์จและใช้มือปิดทาบริมฝีปาก หนำซ้ำยังออกแรงดันร่างกายเล็กเบียดชิดให้เธอคนนั้นนั่งลงกับพื้นโดยมีตัวของเขากำบังไว้จนมิด
“หุบปาก! อยากตายหรือไง!” มาเฟียหนุ่มตวาดเสียงเข้ม นอกจากเสียงแหลม ๆ ของเธอจะพาซวยแล้ว มันก็ยิ่งทำให้นาทีชีวิตสั้นลงกว่าที่ควรเป็นเข้าไปใหญ่
มือหนากดย้ำที่ริมฝีปากบาง ส่งสายตาคาดโทษดุดัน เฉกเช่นเดียวกับการควบคุมลมหายใจเพื่อหวังให้พื้นที่แห่งนี้เกิดเสียงเบาบางมากที่สุด
ไม่รู้ว่าต้นสายปลายเหตุเกิดขึ้นจากอะไร หากแต่เธอมั่นใจว่าเขาคนนี้กำลังถูกไล่ล่าจากกลุ่มคนนับสิบ เธอได้ยินเสียงปืนสนั่นไปทั่วทั้งเมืองจนต้องเปิดประตูออกมาดู แต่ไม่ทันคิดว่าต้นเหตุต้นเรื่องจะอยู่ใกล้ตัวจนทำให้ซวยร่วมไปด้วยแบบนี้
“ถ้าเธอร้องไอ้พวกคนนั้นมันก็จะกลับมาฆ่าทั้งเธอและฉัน!” ไตรพัฒน์กดเสียงต่ำค่อย ๆ คลายมือออกจากใบหน้าหวานและเปลี่ยนไปคว้าหมับจับที่ข้อมือเล็กก่อนจะนำพาเธอวิ่งหลบหนีไปอีกทาง
เรี่ยวแรงของเขาในตอนนี้ลดน้อยลง จวบจนร่างกำยำทิ้งตัวและพิงแนบไปกับกำแพง เมื่อไม่สามารถฝืนความเจ็บปวดได้อีกต่อไป
“คะ...คุณ คุณถูกยิงเหรอ!” เมื่อตั้งสติถึงได้รู้ว่าบริเวณหน้าท้องของเขามีเลือดไหลหลั่งออกมาเป็นจำนวนมาก
“อึก...หุบปากอย่าส่งเสียง! ฉันรับรองว่าฉันจะไม่ทำให้เธอตายแน่นอน” เขาบอกทั้งที่เสียงขาดห้วงไม่ได้ศัพท์ ในขณะที่ลมหายใจเริ่มเร่งระดับหนักขึ้นเรื่อย ๆ
เม็ดเหงื่อผุดตามกรอบหน้าคมคาย สีเลือดตามร่างกายกลับค่อย ๆ ซีดเผือดลงถนัดตา
“ฮึก...นี่มันอะไรกัน ฉันจะโทรแจ้งตำรวจ ฉันจะ...”
“อยู่เฉย ๆ ได้ไหมวะ!” เสียงคำรามดุกร้าวแผดลั่น
เวลาแบบนี้ต่อให้มีนายตำรวจยศใหญ่ลงพื้นที่ก็ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ มันมีผลประโยชน์อยู่กั้นกลาง และที่สำคัญผู้บงการอยู่ในเงามืดที่ไม่มีใครจับตัวได้
วงการสีเทาน่ากลัวกว่าที่คิดจินตนาการไว้มาก หากแต่การย่างกรายเข้ามาบนเส้นทางนี้ย่อมไม่มีหนทางให้หวนกลับ มีแต่จะเดินตรงต่อไปข้างหน้าหรือไม่ก็คือการจบชีวิตเพื่อล้างไพ่เท่านั้น
“พวกมันวนกลับมาทางนี้!” มือใหญ่ปิดทาบที่ริมฝีปากของหญิงสาวอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงบางอย่างที่ดังเข้ามาใกล้กับบริเวณที่หลบซ่อน
“กูได้ยินเสียงแถว ๆ นี้ พวกมึงมาค้นดูตรงนี้! กูว่ามันต้องหลบอยู่แถว ๆ นี้แน่!”
“นายสั่งมา ถ้าเจอก็ให้ฆ่ามันทันที!”
เสียงฝีเท้าหนักของผู้คนนับสิบรวมไปถึงบทสนทนาที่เต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธคืบคลานประชิด ไตรพัฒน์เก็บกลั้นลมหายใจ เฉกเช่นเดียวกับหญิงสาวตัวน้อยที่ซุกตัวนั่งลงสู่พื้นจนแทบเกยมาอยู่บนตัก
เขาขยับวงแขนเปลี่ยนเป็นการดึงรั้งคนตัวเล็กเข้ามากอด หวังให้ร่างกายของเธอจมประสานกลมกลืนกับตัวเองมากที่สุด ถึงแม้ว่าการมีอีกหนึ่งชีวิตติดสอยห้อยตามจะทำให้การหลบหนีเกิดความลำบาก แต่อย่างไรแล้วคนที่เป็นต้นเหตุต้นเรื่องอย่างเขาก็ควรตายก่อนผู้บริสุทธิ์แบบเธอ
แต่ทว่า...
ปัง!
ปัง!
ปัง!
เสียงปืนดังถี่รัวขึ้นอีกครั้งในจังหวะที่สติอันเลือนพร่าจะดับวูบเข้าสู่ห้วงแห่งความมืดมิด
มาเฟียหนุ่มพยายามข่มความเจ็บปวดและเปิดเปลือกตาอันหนักอึ้งเพื่อมองภาพสถานการณ์ เขาเห็นกลุ่มชายชุดดำกำลังสาวเท้าเข้ามาใกล้ มองถัดไปยังเบื้องล่างก็พบว่ามีอีกกลุ่มคนมากมายเช่นกันที่นอนเกลื่อนจมกองเลือดอยู่ที่พื้น
“นายครับ! นาย!”
“พวกมึงเข้ามาพยุงตัวนายสิวะ!”
เสียงเข้มดังตีพันจนจับจุดไม่ได้ จังหวะเดียวกันนั้นสัมผัสความอบอุ่นจากคนข้างกายก็ค่อย ๆ หายลับไป และถูกแทนที่ด้วยมือใหญ่ของคนหลายชีวิตที่ตรงปรี่เข้ามาประคอง
หญิงสาวในอ้อมแขนถูกดันให้ออกห่าง เธอกำลังตัวสั่นเทาด้วยความหวั่นกลัว หากแต่ดวงตากลมโตกลับจดจ้องมองมาที่เขาด้วยความห่วงใยอย่างเห็นได้ชัด
“พวกคุณเป็นใครคะ จะเอาตัวเขาไปไหน เขาเจ็บอยู่นะ!”
“เขาเป็นเจ้านายของผม ผมกำลังจะพาเขาไปในที่ปลอดภัย ส่วนคุณช่วยขยับออกไปด้วยครับ ผมไม่อยากรังแกผู้หญิง” คำพูดราบเรียบแต่กลับแฝงซ่อนไปด้วยความโหดเหี้ยมมากมาย แน่นอนว่าประโยคนั้นทำให้คนตัวเล็กถอยหลังไปหลายก้าว ไม่ว่าจะเป็นความหวั่นกลัวจากชายฉกรรจ์นับสิบ รวมไปถึงปืนสีดำขลับและอาวุธครบมือที่อยู่ห่างจากร่างกายไม่ถึงหนึ่งเมตร สิ่งเหล่านั้นทำให้เธอจำต้องขยับหนีเพื่อรักษาชีวิต
“เธอ...อึก...ชื่อเธอ เธอชื่ออะไร” ไตรพัฒน์รวบรวมเรี่ยวแรงและเปล่งคำถามออกไป สติของเขาไม่ได้มีมากพอที่จะจดจำเรื่องราว ณ ตอนนี้ได้นัก แต่สิ่งที่เขาควรบันทึกเข้าสู่สมองนั้นก็คือชื่อของผู้หญิงคนนี้ที่ร่วมฝ่าดงกระสุนไปพร้อม ๆ กันในค่ำคืนเลวร้าย
“ป่าน...สายป่าน ฉันชื่อสายป่าน” หญิงสาวเอ่ยเสียงแผ่วเบา หากแต่มันดังพอที่จะทำให้เขาจดจำชื่อของเธอ
ทว่าดวงตาคมเข้มกลับดับวูบลงไปพร้อม ๆ กับเรี่ยวแรงมหาศาลที่ทิ้งผ่อนลงมา
เสียงสุดท้ายก่อนสติเลือนพร่าคือเสียงจากคนแปลกหน้าที่เขาเพิ่งพบเจอ และภาพสุดท้ายก่อนดวงตาจะหลับใหลก็เป็นเจ้าของชื่อ ‘สายป่าน’ พยายามพุ่งมาหาเขาโดยมีสายตาอาทรที่สะท้อนผ่านออกมา
ไตรพัฒน์ไม่อาจทนพิษบาดแผลความเจ็บปวดได้อีกต่อไป สติของเขาวูบไหวดับสิ้น และถูกแทนที่ด้วยเงามืดสีดำขลับ..