ห้างสรรพสินค้าที่รายล้อมด้วยผู้คนมากมาย สายตากลมโตกวาดมองโดยรอบดั่งหวาดหวั่นต่อสถานที่ เมื่อเกิดมาไม่ค่อยได้ก้าวขาเหยียบย่ำที่เช่นนี้มาก่อน สิ่งแปลกตาทำให้เธอสนใจที่จะมองให้เพลิดเพลินตา จนลืมมองตามทางเดินข้างหน้า
ปึก!! แผ่นหลังหนาที่ไม่รู้ว่าหยุดเดินเมื่อใด เพราะเธอไม่ได้ให้ความสนใจที่จะมองเพราะมีสิ่งรอบกายที่น่ามองมากกว่า จนทำให้เธอกระแทกใบหน้าเข้ากับแผ่นหลังหนานั้นเต็ม ๆ จนแทบเซถลาล้มพับกับพื้น แต่ยังดีที่ยืนไว้มั่นและมีวงแขนแกร่งโอบช้อนร่างของเธอไว้ให้ปลอดภัย
"เดินยังไงของเธอ!" เขาต่อว่าเธอ พร้อมกับปล่อยแขนเมื่อเห็นว่าเธอยืนมั่นเรียบร้อยแล้ว
"หนูขอโทษค่ะ" น้ำอุ่นรีบเอ่ยขึ้นทันที เมื่อมีเสียงเข้มดังขึ้น
...เขาไม่พูดอะไร ปล่อยเธอให้ยืนทรงตัวมั่นคง จึงเอี้ยวตัวหันแล้วเดินนำหน้าเธอไปอย่างไม่รีรอ เธอได้แต่ถอนลมหายใจแรงเดินตามหลังเขาไปแบบเงียบ ๆ พลางขบคิดเรื่องราวที่พบเจอในตอนนี้
"เดินให้มันเร็ว ๆ หน่อยได้ไหม...ฉันหิวข้าว!"
"ค่ะ"
เสียงเข้มเรียกขานจนทำให้คนที่อยู่ในภวังค์ความคิดสะดุ้งตัวตกใจ ความคิดไกลที่มีเลือนหายไปในบัดดล รีบย้ำเท้าเดินเร็วไวเมื่อสายตาดุดันนั้นมองข่มขู่
"ชักช้าไม่ได้ดั่งใจ ฉันจะให้เธอผ่านงานไหมเนี้ย"
คนที่อารมณ์หงุดหงิดบ่นพึมพำ โดยที่หญิงสาวก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากเดินก้มหน้าและเงียบปาก คำต่อว่าทั้งที่ไม่รู้ว่าผิดมากมายแค่ไหน ทำให้เธอนั้นเศร้าและเจ้าน้ำตาตัวดีก็รื้นขอบตาอีกจนได้ ทั้งที่พยายามห้ามไว้และสั่งการดิบดี
"โอ๊ะ!!" การที่เอาแต่ก้มหน้าทำให้เธอนั้นต้องเกิดอุบัติเหตุอีกครั้ง จนเข้าจัง ๆ กับใครคนหนึ่ง
("คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ")
"ไม่เป็นไรค่ะ"
ชายคนนั้นรีบกล่าวขึ้น เอ่ยถามด้วยความห่วงใย น้ำเสียงทุ้มที่เปรยออกมาฟังแล้วเสนาะหู น้ำอุ่นที่ล้มก้นกระแทกพื้น รีบหยัดตัวลุกยืน โดยมีชายคนดังกล่าวคอยพยุงช่วยเหลือ
("พอดีผมรีบไปหน่อยเลยไม่ทันมองทาง")
"ฉันก็เอาแต่เดินก้มหน้า ต้องขอโทษเหมือนกัน...ฉันขอตัวนะคะ" น้ำอุ่นส่งยิ้มหวานที่แทบละลายใจคนมอง พร้อมเอ่ยปากบอกเล่ากล่าวขอโทษขอโพยเช่นกัน เบี่ยงตัวหลบหวังเดินจากไป
("เดี๋ยวสิครับ") แต่ชายหนุ่มวัยไม่น่าจะห่างกันมาก คว้าข้อมือของเธอรั้งไว้ด้วยสัญชาตญาณ
"คะ?"
("ผมชื่อรักนะครับ...ให้ผมเลี้ยงข้าวได้ไหม?")
น้ำอุ่นหันหน้ากลับมา เอ่ยปากขมวดคิ้วเชิงคำถาม ชายหนุ่มรูปงามจึงให้คำตอบออกไป เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเช่นกันถึงได้กล้าเอ่ยปากชวน ทั้งที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก
"เอ๋?" น้ำอุ่นเอ่ยด้วยความงุนงง
("เป็นการขอโทษที่ผมชนคุณไง") เขารีบอธิบายชี้แจงเมื่อหญิงสาวตรงหน้านั้นไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการสื่อบอก
(("คงไม่ต้องเสือกครับ"))
แต่กลับต้องหันเหความสนใจ เมื่อเสียงเหี้ยมของคนที่น้ำอุ่นคุ้นเคยและรู้ดีว่าเป็นใคร ชายที่ไม่คุ้นเคยได้แต่ทำสีหน้างงงวยไม่พูดตอบอะไร
"อ๊ะ!!" ร่างกายของเธอถูกกระชากอย่างแรงจนแทบปลิว ข้อมือเล็กถูกกำแน่นจนเธอรู้สึกเจ็บ และมีสายตาดุจ้องมองเธออย่างมาดร้าย "คุณรักนี่เจ้า..."
"กลับ!"
ยังไม่ทันที่น้ำอุ่นจะได้เอ่ยแนะนำ เสียงเข้มดุดันก็เอ่ยแทรกทันที
ก่อนหน้านี้ที่เขาเดินห่างออกไปจนเริ่มผิดสังเกต จนหันมาเจอกับเธอยืนคุยกับผู้ชายคนอื่น สิ่งที่เห็นทำให้เขาเลือดขึ้นหน้าทันที เกิดความไม่พอใจกับภาพรอยยิ้มหวานของเธอที่เขาไม่เคยได้สัมผัส
"...ขอตัวก่อนนะคะคุณรัก" น้ำอุ่นออกตัวและเอ่ยขึ้นอย่างมีมารยาท ก่อนที่แขนจะถูกกระชากแรงให้เดินตามผู้เป็นนายไป
"แรดนักนะ! เธอเจอดีแน่!" เขาโมโหหัวเสีย ขบกรามแน่นพูดด้วยน้ำเสียงเหี้ยมลอดไรฟัน สายตาดุดันที่มองหญิงสาวทำเอาเธอนั้นนึกกลัว เขาลากตัวเธอออกมาแล้วตรงไปยังลานจอดรถ เมื่อตอนนี้ไม่สบอารมณ์ที่จะเดินเชยชมสิ่งใด
"อ๊ะ! หนูเจ็บหนูเดินเองได้" น้ำอุ่นร้องบอกและพยายามบิดข้อมือให้หลุดพ้น ยิ่งดิ้นรนเท่าไหร่เขาก็ยิ่งบีบกำแน่นขึ้นเป็นทวี เขาลากเธอเข้ามาในบ้านทันที เมื่อรถยนต์จอดสนิท
"ดี! จะได้จำเวลาทำอะไรจะได้คิด!" เขาลากเธอขึ้นบันได้ด้วยอารมณ์โมโห
"ฮือ ฮือ ฮึก หนูทำอะไรผิด อึก อึก ทำไมต้องร้ายใส่หนูตลอด...อร๊าย!!" เธอพร่ำทั้งน้ำตา เอ่ยถามออกมาด้วยความอยากรู้ เมื่อที่เป็นอยู่นี้ทำให้เธอเสียใจ
เขาเหวี่ยงเธอเต็มแรงใส่เตียงนอน แรงชายที่มีมาก ร่างกายที่กระทบกับเตียงนุ่มทำให้เธอรู้สึกจุกจนตัวงอ
"อย่าทำให้ฉันโมโห!" เขาคาบคร่อมร่างบาง พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเหี้ยม แววตาคมแทบลุกเป็นไฟ จ้องมองหน้าหญิงใต้ร่างอย่างคาดโทษ
"หนูยังไม่ได้ทำอะไรเลย ฮึก อึก" เธอพูดออกมาพร้อมธารน้ำตามากมายที่บดบังการมองเห็น สะอึกสะอื้นร่ำไห้อย่างหวาดกลัวคนตรงหน้า
"ไปกับฉัน แต่เสนอหน้ายืนปั้นยิ้มกับคนอื่น...เห็นฉันเป็นตัวอะไร ห๊ะ!!"
"เราไม่ได้เป็นอะไรกัน! ได้ยินไหม! เราไม่ได้เป็นอะไรกัน ทำไมฉันจะคุยกับคนอื่นไม่ได้! อื้อ 0.0" เมื่อไม่ไหวจะเก็บกลั้นอารมณ์ เธอระดมคำพูดมากมายออกมาอย่างไม่คิดเกรงกลัว เพราะหัวใจของเธอเจ็บเกินทนแล้ว
สองแขนถูกตรึงแน่นไม่สามารถไหวติง เรียวปากถูกบดขยี้ปิดสนิท การจูบที่รุนแรงทำให้เธอนั้นเจ็บตรงเรียวปากสวย แม้จะเม้มปากแน่นเป็นเส้นตรง ปิดกั้นเรียวลิ้นร้ายนั่นไม่ให้ปล้นสวาทได้
"อื้อ~~ อ่อย อ๊ะ!!" เธอพยายามขัดขืน เบือนหน้าหนีสวาทที่รุนแรง แต่ก็ไม่สามารถรอดพ้นความร้ายกาจของเขาได้
"อย่าทำอะไรที่ฉันไม่ชอบ!" เขาละกลีบปากออกในระยะประชิด มองลึกเข้าไปในดวงตากลมอย่างข่มขู่
"ฮึก หนูกลัว...หนูไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ อึก ฮึก" เธอพูดเสียงสะอื้น น้ำตารื้นล้นขอบตาจนรินไหล มองหน้าเขาสื่อความหมายว่าเธอนั้นหวาดกลัวเขาในตอนนี้ ที่เหมือนกับสัตว์ร้ายพร้อมฉีกเนื้อเธอให้กระจุย
“อื้อ เจ็บ...”
เขาไม่คิดฟังอะไร นั่งทับร่างบางจนไม่อาจหนีได้ จัดการกับเสื้อผ้าทุกชิ้นจนหลุดร่วงจากกาย เผยให้เห็นร่างเสลาเปลือยเปล่าที่น่ามอง
เธอพยายามเค้นเสียงออกมาจากลำคออย่างย้ำเตือน เมื่อความดิบเถื่อนที่เขามีไม่อาจจะยับยั้งได้ ยิ่งร่างกายเสียดสีสัมผัสกับหน้าอกที่อยู่ใต้ร่าง มันยิ่งทำให้เขานั้นเกิดความต้องการที่มากล้น จนตอนนี้อะไรก็ฉุดรั้งอารมณ์สวาทไม่อยู่
“อย่าท้าทาย! อะไรที่ขัดตาฉันห้ามทำ จำไว้!"
“ปล่อย...หนูเจ็บแล้ว! อร๊าย” เขาไม่ฟังในสิ่งที่เธอร้องบอก กัดกลีบปากสวยจนเธอเจ็บแสบ ไล่เลียตามเนื้อผิวเนียนใสลงมายังยอดอกอิ่ม ขบเม้มยอดถันอย่างสนุกปาก
เขารูดซิบกางเกงออกด้วยความช่ำชอง ใช้มือจับงัดตัวตนออกมาแล้วสอดใส่เข้าไปในความสาวอย่างไร้ความปรานี ไร้การสัมผัสที่นุ่มนวล ห่างไกลการจับต้องที่ควรจะทะนุถนอม
“กรี๊ด!!....อึก ฮือ หนูเจ็บ”
“อ่า เสียวฉิบ!”
การเสียดสีของเนื้ออ่อนจากช่องทางรักทำให้อารมณ์สวาทนั้นพัดพาจนยากที่จะทอดถอน ประสานกายเป็นหนึ่งเดียวกับเธอ ขยับสวนเอวกระแทกเน้นหนัก จนร่างบางนั้นสั่นคลอน
“อึก ฮึก คนใจร้าย” เธอต่อว่าเขาทั้งน้ำตา เมื่อไม่อาจที่จะฝืนการกระทำของเขาได้ ยอมปล่อยกายให้เขาย่ำยีตามอำเภอใจ เพราะยังไงเขาก็ไม่ยอมปล่อยเธอให้หลุดพ้น
เขากดแช่ตัวตนชั่วครู่ เพื่อให้ปรับรับเข้าหากัน ไม่สนใจสิ่งที่เธอต่อว่าและอ้อนวอน เริ่มขยับเอวหนาสวนในช่องทางรักอย่าไร้ปรานี
ตับ ตับ ตับ !
“ขอร้องเถอะนะคะ อึก ฮึก...”
“อย่างกับไม่เคย อ่า~~”
“อ่า อื้อ...อึก ฮึก เบา ๆ”
เริ่มขยับสวนเอวเข้าออกในช่องทางรักที่คับแคบ กระแทกกระทั้นแกนกายอย่างหนักหน่วงด้วยอารมณ์สวาทที่รุนแรง จนเธอนั้นกระตุกเกร็งเพราะคงจุกในช่องท้อง
"ซี๊ด น้ำอุ่น จะไม่ไหวแล้ว อื้อ"
“อ่า อื้อ อ๊ะ ๆ”
เสียงหวานเริ่มเปล่งออกมา เมื่อจังหวะสวนเอวหนาเร็วและถี่ เขากระแทกกระทั้นความเป็นชายจนร่างกายของเธอนั้นสั่นคลอน
"อ๊ะ! อึก อื้อ...คุณไฟ" เขากระแทกเอวเข้าออกอย่างเสียวซ่าน อารมณ์ที่มีแล่นพล่านในกายดั่งกับไฟที่กำลังแผดเผาจนแทบไหม้เป็นจุน
“อร๊า....อื้ม ซี๊ด ”
“ดีมากคนเก่ง”
เขารู้สึกพอใจเมื่อเธอนั้นเริ่มที่จะทนไม่ไหวกับสิ่งที่ถูกปรนเปรอนี้ จนเปล่งเสียงหวานเสนาะหูออกมาจนเขานั้นต้องเอ่ยปากชม
“อะ อื้ม เหมือนหนู ซี๊ด จะไม่ไหว อ๊ะ”
“รอก่อนนะ”
ตับ ตับ พลั่บ พลั่บ
เสียงที่บอกกล่าวนั้นทำให้เขาสวนเอวเร็วขึ้น เพื่อให้ทันคนที่กำลังจะถึงฝั่งฝัน เพราะอยากทำมันพร้อม ๆ กับเธอ เขาจัดท่วงท่าให้เธอนอนราบกับพื้นที่นอนนุ่ม
จับสองขาเรียวแยกออกห่างสุดความกว้าง ขยับสวนเอวกระแทกเร็วและถี่ เร่งทวีความเร็วเพราะใบหน้าสวยหวานนั้นเชิดเงยอย่างเสียวซ่าน มันน่าหลงใหลมากในตอนนี้
“อร๊ายยย / ซี๊ด อื้ม”
และแล้วทุกอย่างก็เสร็จสิ้นพร้อมกับการถูกปลดปล่อยของกันและกันออกมา เขาฟุบหน้าลงกับอกอวบที่กระเพื่อมตามแรงหอบหายใจ มือหนาลูบคลำหัวของคนที่นอนหลับตาพริ้มเหนื่อยหอบอย่างอบอุ่น การกระทำที่ดูละมุนเมื่อจบบทรัก นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเคยสัมผัส
การกระทำที่เขาคิดทำลงไป แม้จะหยาบช้าแต่มันก็ทำเพราะความรู้สึกบางอย่างสั่งการโดยไม่รู้ตัว ลูกรักทั้งหมดของเขาพุ่งเข้ามาอัดแน่นเต็มภายในกายของเธอ เอวหนาขยับกดเน้นลึกเข้าไปภายในกายสาวอย่างไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ
"จำไว้นี่คือบทลงโทษ!" เขาพูดชิดริมหูด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
"หนูหนัก" แต่คนนอนหลับตาเหนื่อยหอบ ไม่โต้ตอบใด ๆ ให้มากความนอกจากบอกกล่าวสั้น ๆ และพลิกตัวนอนตะแคงหันหลังเมื่อเขาปล่อยเธอให้เป็นอิสระ
"เด็กมันดื้อ ต้องโดนซ้ำให้หลาบจำ" เขานอนช้อนด้านหลังเธอ ค้ำหัวมองร่างเสลา มืออีกข้างจับไหล่และไล้นิ้วแผ่วเบาตามเรือนกายที่สวยงาม
"แต่หนูไม่ไหวแล้ว" เธอบอกกล่าวหวังให้เขาเข้าใจ
"ฉันให้นอนเฉย ๆ"
"พรุ่งนี้ก็ต้องเดินทางแต่เช้า กระเป๋าหนูก็ยังไม่ได้เก็บ" เธอสาธยายตามเหตุผล พรุ่งนี้ยังมีภาระหน้าที่ให้เธอต้องทำ ร่างกายที่ถูกใช้งานอย่างดิบเถื่อนก็อ่อนแรงล้า
"โอเค งั้นก็นอนพัก..."
"ถ้าจะกลับห้องฝากปิดประตูให้หนูด้วย"
"นี่กล้าสั่งฉันเหรอ"
เขาย้อนถามเสียงเข้มกับคนที่นอนหันหลัง และวางคางลงร่องคอระหง หอมแก้มคนที่นอนนิ่งไม่ขัดขืน เพราะยังไงเธอก็คงฝืนเขาไม่ได้ จึงนอนนิ่งหลับตายิ่งเหนื่อยล้าก็ยิ่งไม่อยากต่อความให้ยืดยาว
จนเขาทิ้งกายนอนลงเคียงข้างแล้วดึงเธอเข้าสู่อ้อมกอดอุ่นและหลับไปพร้อม ๆ กันกับเธอ....
*****(12)