“อย่าเสียงดังไปค่ะคุณ เดี๋ยวแก่ง่ายอารมณ์เสียบ่อยๆแก่ง่ายนะคะไปไปค่ะไปทำผมกัน”
ประพาพรนิ่งลงทันตาเห็น หอมเดินนำไปที่ห้องของคุณเล็ก
หลักง่ายๆสำหรับผู้หญิงด้วยกันสิ่งที่กลัวที่สุดที่ความแก่
เสียงรถเบรกเอี๊ยด ที่ด้านหน้าทางลาดด้วยก้อนกรวดก้อนเล็กที่ลาดเป็นทางสำหรับรถเปิดประทุน ใหม่เอี่ยมสีครีมสะอาดตาของคุณหลวงธิตินันท์ คุณเล็กชะเง้อคอยาวยกมือขึ้นมาจัดสร้อยมุกกับเสื้อผ้าเสียดิบดี
“คุณพี่แล้วแล้วทำไมมาไวจัง”
รีบวิ่งไปรับคุณหลวงธิตินันท์มุจรินทร์ทอดสายตามองรร่างสูงที่สวมกางเกงฝรั่งสีขาวกับเสื้อราชประแตนสีขาวสะอาดตา รับกับหมวกใบไม่ใหญ่ในมือ ถอดหมวกออกกุมไว้เสมออกยิ้มรับคุณหญิงเล็กที่เข้าไปกอดแขน แล้วหันไปทางมารดาด้วยมารยาที่ถูกฝึกมาอย่างดี
“คุณแม่ครับ ผมกลับบมาแล้ว”คุณหญิงละม้ายยิ้มน้อยๆ
“อาบน้ำอาบท่าเสียหน่อย คุณพ่อรอที่ห้องหนังสือมีเรื่องจะคุยด้วย” ประพาพรทำหน้าเง้า
“อ้าวคุณพี่ไม่ได้มารับเล็กไปงานเลี้ยงดอกหรือค่ะ”
เข้าใจไปเองว่า ธิตินันท์มาก่อนเวลาเพราะคิดถึงตามประสาข้าวใหม่ปลามัน ธิตินันท์ยกมือมาตบที่มือของคุณหญิงเล็กเบาๆ
“คุณหญิงพี่มีเรื่องปรึกษากับคุณพ่อ ค่ำๆจึงจะไปงานระหว่างนี้คุณหญิงก็แต่งตัวให้สวยๆรอพี่ดีไหม”
รอยยิ้มสดใสทำให้ใบหน้างามยิ่งน่ามอง มุจรินทร์เผลอยิ้มตามกับความรักที่อบอวลรอบตัวทั้งสองคน
“ไปเถอะ แม่เล็กก็รีบไปแต่งตัวยิ่งทำอะไรพิถีพิถันอยู่ด้วย”
คุณหญิงเล็กรีบปล่อยมือสามี หันหลังเดินกลับมาดึงมือมุจรินทร์ ธิตินันท์เงยหน้ามองมาสบตามุจรินทร์พอดี
“อือ แม่ให้นางจิกมันไปเอานิราศเมืองแกลงไปอ่านให้ฟังก่อนนอน พ่อติเตรียมวางไว้ให้มันบนโต๊ะก็ได้ มันจะได้รีบเข้าไปเอาแล้วรีบออกมา”
ธิตินันท์ละสายตาจากมุจรินทร์หันมายิ้มบางๆ
“ครับคุณแม่ นางจิกมันอ่านหนังสือเก่งเสียจริง ผิดกับคุณหญิงภรรยาผมที่ไม่ชอบอะไรแบบนี้ มีจิกมาอยู่ด้วยคุณแม่ก็ได้ใช้สอยที่แรกกระผมก็ไม่อยากให้มันมาคนรับใช้ที่บ้านเราก็ไม่น้อยแต่พอมาถึงตอนนี้ทั้งยายผิวทั้งจิกเป็นคุณจริงๆยายผิวก็ทำกับข้าวอร่อยถูกปากทั้งบ้าน”พูดเอาใจคุณหญิงละม้าย
“มันไปเรียนโรงเรียนฝรั่งกับเมียพ่อตินั่นล่ะ นัยว่าคุณหญิงเล็กจะไม่เรียนคุณพระเลยให้นางจิกมันไปคอยรับใช้ที่โรงเรียนก็ต้องให้มันไปเรียนด้วย”
คุณหลวงธิตินันท์พยักหน้าขึ้นลง
“ถ้าตาดลกลับมาจะต้องชอบใจแน่ นางจิกมันเก่งมีคนคอยลับฝีปาก”คุณหญิงละม้ายเม้มปาก
“ก็แค่บ่าว จะกล้าสะเออะเลยหรือ”
“คุณแม่ขอรับบ่าวนั้นสมัยนานนม สมัยนี่ทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน”
ธิตินันท์อยากจะบอกมารดาเหลือเกินว่าอีกไม่นานจะไม่มีใครคนใดคนหนึ่งที่สูงกว่าใครจะมีเพียงคำว่าประชาธิปไตย์ก็เท่านั้น ธราดลเองที่กลับมาก็เพื่อการนี้ทุกอย่างกำลังรุดหน้า รอเวลาที่พร้อมจริง
ประพาพร เลือกที่จะสวมเสื้อสีม่วงชมพูประกายมุกแขนกุดคอกว้างแต่ไม่ลึก ห้อยสร้อยสังวาลยาวเป็นมุกแท้ที่กำลังนิยมสวมใส่ผ้าถุงสำเร็จสีเขียว กำไลแขนทำจากทอง บ่าทั้งสองข้างของกำไลมีพลอยแดงสะดุดตาหากไม่ได้สนใจอุปนิสัยของคุณหญิงเล็กประพาพรก็นับว่าเธอสวยจนมุจรินทร์อิจฉาสวยราวกับหลุดมาจากนิยายไทยสมัยราชการที่7
“ไม่มีอุปกรณ์ไฮเทค ไม่มีเครื่องม้วนผมไฟฟ้าละแล้วจะทำอย่างไร”
สอดส่ายสายตาค้นหาอะไรที่พอจะช่วยได้ในขณะนั้น
“นางจิก ทำเป็นกระบิดกระบวนอยู่นั่นฉันจะไม่ทันไปงานจนได้ ไหนจะแต่งหน้าไหนจะทำผม หอมแกช่วยมันหน่อยสิ ชักจะเลอะเลือนใหญ่แล้ว”คุณหญิงเล็กเริ่มออกลูกอารมณ์
หอมรีบกระวีกระวาดหยิบเอาน้ำยาดัดผมมา
“สักชั่วโมงคงได้จัดการเลยสิ นางจิก”
มุจรินทร์รับน้ำยาดัดผมกับลอนดัดมาพลิกไปมา
“อ้าวๆๆ อีนี่ยังลีลาได้อีกประเดี๋ยวก็สายจนได้”
หันมองหอมขอความช่วยเหลือหอม ถอนหายใจเดินมาหยิบหวีส่งให้มุจรินทร์ เอาวะ
“คุณหญิงเจ้าขา ตอนนี้ผมก็เป็นลอนงามแล้วเจ้าค่ะ จิกว่าเราแค่ชโลมน้ำมันกับหนีบกิ๊บติดผมเก๋ๆ สักอันก็พอ เอาเวลาที่เหลือมาแต่งหน้าให้งามกว่าคนอื่นจะดีกว่าไหม”
มุจรินทร์พยายามใช้จิตวิทยา ไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้ดัดผมอะไรนั่นก็ทำไม่เป็น เคยใช้แต่ที่ม้วนผมไฟฟ้ารอให้ถามหอมก่อนว่าเขาทำแบบไหนโอกาสหน้าจะได้ไม่พลาดอีก ประพาพรยกมือขึ้นดันตีนผมที่ต้นคอหมุนไปมาที่หน้าคันฉ่อง
“จริงของแก แต่กิ๊ปหนีบผมเก๋ๆ อะไรของแกนั่นจะไปหาได้ที่ไหนใครเขานิยมใช้กัน”
“คุณหญิงมีไหมเจ้าคะ”
“มีแต่ก็เป็นแบบที่กำลังนิยมใช้สำหรับซ่อนผมเกล้าผม”
เปิดลิ้นชักหยิบเอากิ๊ปหนีบผมสีดำแสนจะธรรมดาออกมา
“วันนี้คุณหญิงจะสวมสายสร้อยแบบไหน”
“ถามโง่ๆ เขานิยมสายสร้อยมุกเส้นยาว เพื่อให้ดูมีราคาตอนนี้ใครๆ ก็นิยมเพราะมันทันสมัย”
มุจรินทร์ยิ้ม หยิบหวีจากมือหอมมาสางผมของคุณหญิงเล็ก แล้วจ้องใบหน้าผุดผ่องด้วยวัยสาวของคุณหญิงเล็กในคันฉ่อง
“แต่งหน้าก่อนค่ะประเดี๋ยวจะเนรมิตให้สวยเชียว”ประพาพรค่อยยิ้มออก
“เมื่อวานคุณพี่ได้สีทาปากแบบแท่งมาให้ เห็นว่าสมัยกำลังนิยมพวกข้าราชการในวังกับพวกผู้หญิงในกรมนิยมใช้ของพวกนี้ นำเข้ามาทีเดียวฉันว่าจะลองดู จะได้นำสมัย เบื่อสีทาปากแล้วเวลาใช้ทีก็เลอะมือที คุณพี่บอกแบบนี้ใช้ได้ดีในเมืองศิวิไลน์ฉันเองไม่อยากขึ้นชื่อว่าล้าสมัย คุณพี่ก็ช่างเอาใจใส่เรื่องยิบย่อยได้ดี”
ประพาพรหยิบลิปติกแท่งใหญ่เทอะทะออกมาวาง พร้อมกับรอยยิ้มภูมิใจในของชิ้นเล็กๆ ที่แสดงถึงความรักที่ธิตินันท์มอบให้เหลือเกิน
“นิ่งก่อนค่ะเดี๋ยวจิกแต่งหน้าให้ไม่นาน”
หยิบแป้งร่ำ แป้งจีน เป็นก้อนมาพิจารณาก่อนจะวางลงหันมองแป้งเย็นแบบน้ำที่สีเนื้อเขียนภาษาอังกฤษว่า
“ HAPPY Water-Based foundation”ไม่มีภาษาไทยแม้แต่ตัวเดียว
“แกพูดอะไร”
“อ่อเปล่าค่ะจิกแค่อ่านมาของสิ่งนี้มันคืออะไร”
พลางคิดว่าใช้ได้ทีเดียวเพราะสีเนื้อคุณหญิงประพาพรเป็นคนขาวชโลมลงไปจะต้องช่วยให้ใบหน้าเนียนสวย
“ฮ่าๆๆ แกอ่านภาษาอังกฤษได้ด้วยหรือ จริงสิฉันลืมไปแกเก่งเรื่องภาษานี่”
“จิกก็แค่เดาเอาเจ้าค่ะว่ามันควรอ่านแบบนี้”ประพาพรขมวดคิ้ว
“อย่าบอกนะว่าแกจะเอาแป้งนี้พอกหน้าให้ฉัน”
“ค่ะมันเย็นไหม”หอมยิ้มเจื่อนๆ แทนคำตอบ
"ค่ะเย็นก็ต้องทน เพื่อความสวยเจ้าค่ะคุณหญิง"
ไม่ใช่เรื่องยากหากจะโน้มน้าวคนอย่างประพาพรเพราะตัวเธอเป็นคนที่รักสวยรักงามอยู่แล้ว เพื่อความสวยยอมได้ทุกอย่าง
"เร็วเข้าอย่าชักช้าแต่ถ้าไม่สวยจริงอย่างที่แกอวดอ้างไว้ฉันจะตัดเงินเดือนแกสามสลึง"
มุจรินทร์อมยิ้มเพราะค่าเงินที่ประพาพรพูดมา ช่างน้อยนิดแต่หอมอ้าปากค้าง สามสลึงซื้อข้าวสารได้ถังหนึ่งเชียว
มุจรินทร์เทแป้งน้ำลงในมือถูไถจนเกือบแห้งใช้นิ้วมือต่างพัฟแตะเบาๆ และค่อยๆ เกลี่ยแป้งทั่วใบหน้าหมดจดนั่นอย่างชำนาญ ประพาพรนึกชื่นชม มุจรินทร์กับท่าทีจริงจังนั้น ทำให้ประพาพรเพลิดเพลินไม่น้อย
ใช้น้ำมันพร้าวหอมกรุ่นถูลงบนคิ้วดก ดีที่ประพาพรคิ้วดกดำเพราะไม่เห็นดินสอเขียนคิ้ว มีเพียงก้อนถ่านที่ทำมาจากส่วนหนึ่งของมะพร้าวนำมาเผาจนเป็นถ่านฝนปลายให้แหลมแค่นั้น ลิปสติกแท่งใหญ่ถูกวาดลงบนใบหน้านวล สีออกจะจัดจ้านไปนิดตามสมัยนิยมทมี่นิยมสีแดงเจิดจ้า
"งามจังค่ะคุณ”หอมเอ่ยปากชม ประพาพรเอียงซ้ายขวาในคันฉ่อง
"ฉันให้รางวัล"หยิบเหรียญสตางค์ในชายพกให้มุจรินทร์
หอมตาโต
"ทำผมเจ้าค่ะ"
มุจรินทร์เริ่มเข้าใจแล้วว่าประพาพรเป็นคนที่ใจป้ำไม่น้อยถ้าไม่ติดที่ชอบพูดจากเสียงดังและอารมณ์ฉุนเฉียวไปหน่อยก็นับว่าเป็นคนที่น่ารักคนหนึ่งทีเดียว คนเป็นนายที่ทำดีก็ชมทำผิดก็เตือนเหมาะที่จะเป็นนายคน
"เดี๋ยวหอมแกไปเชิญคุณหลวงมาดูฉัน ว่าฉันสวยแค่ไหน"
"เจ้าค่ะ"
หอมรีบออกจากห้องไป
"หอมวานให้เก็บดอกกุหลาบมอญมาสักสีห้าดอก ติดก้านมายาวหน่อย”หอมยิ้มเดินเลี่ยงออกมา
หันมาสางผมของประพาพรที่จัดลอนสวยชโลมน้ำมันมะพร้าวหอมกรุ่นหวีเรียบแปล้มันวาวเลือกหยิบกิ๊ปติดผมสีดำมาดูว่าจะใช้ได้อย่างไร
หอมเดินกลับมาถึงพร้อมกับกุหลาบสีม่วงอมชมพูอ่อนหวาน เข้ากันกับเสื้อของประพาพร
“เอาดอกไม้มาทำไม”
มุจรินทร์ยิ้มใช้มีดปอกหมากที่วางไว้ตรงหน้าเลาะหนามของกุหลาบออกจนหมดชโลมดอกกุหลายด้วยน้ำมันมะพร้าวจนเป็นมันวาว แล้วใช้กิ๊ปหนีบที่ก้านยาวๆ เป็นแพให้ดอกกุหลาบเรียงกันเป็นช่อยาวจากเล็กไปหาใหญ่แล้วตัดออกให้สั้นจนไม่เห็นก้านดอกแล้วใช้กิ๊ปอีกอันหนีบเข้ากับผมเหนือหน้าผากค่อนมาทางซ้ายจัดให้อยู่ในตำแหน่งที่ดูดีเป็นธรรมชาติซ่อนกิ๊ปไว้ในลอนผมที่ชโลมน้ำมันมะพร้าว คุณหญิงเล็กอ้าปากค้างกับช่อดอกกุหลาบเรียงเป็นแถวที่ติดบนเรือนผมวาววับสีม่วงอมชมพูดตัดกับสีดำขลับจนเป็นจุดเด่นน่ามอง
“งาม”หอมออกปาก
“สวยเชียวค่ะคุณหญิง”
“ฉันเห็นแล้ว นางจิกแกไปจำมาจากไหน แบบนี้ต้องมีคนถามฉันแน่ว่าได้ช่างทำผมจากที่ไหนกันฉันคงเป็นคนแรกๆ ที่ใช้กิ๊ฟหนีบผมกับผมทรงซิงเกิล”
มุจรินทร์ยิ้มไม่ทันได้ตอบ คุณหลวงก็เดินเข้ากระแอมเบาๆ
“คุณพี่”
ประพาพร ลุกขึ้นยืนตรงหน้าธิตินันท์ที่ตะลึงพรึงเพริศกับภรรยาสาวที่สวยจนแทบจะจำไม่ได้อีกทั้งดอกกุหลาบบนเรือนผมยังงดงามหอมกรุ่นเมื่อยามเข้าใกล้ มุจรินทร์ยืนเก้เก้กังกังหอมรีบมาดึงมือให้ออกไปจากห้อง
“คุณหญิงงามยิ่งแล้ว งามจริงๆ”
ประพาพรก้มหน้าซ่อนแววตาเขินอาย คุณหลวงก้าวเข้ามาจุมพิตที่หน้าผากด้วยความรักใคร่