“ไอ้บ้า! ถามอะไรก็ไม่ตอบ ไม่รู้เลยว่าพ่อคิดอะไรตอนร่วมหุ้นกับไอ้บ้าเนี่ย!”
ปัง!
วางกระแทกแฟ้มเอกสารบนโต๊ะทำงานของตนแรง ๆ ด้วยความหัวเสีย เมื่อคิดเห็นหน้าของหุ้นส่วนรายใหญ่ของบริษัทตนแล้วก็ทำให้หงุดหงิด
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูห้องเรียกเตือนสติของคนอารมณ์ร้อนให้กลับมา ก่อนจะปรับเปลี่ยนสีหน้าเป็นปกติแล้วร้องอนุญาตให้คนหน้าห้องเข้ามาได้
“เชิญค่ะ”
สิ้นคำพูดประตูห้องก็เปิดออกพร้อมกับร่างสูงใหญ่ของหนุ่มเลือดผสมไทย-สเปน เดินหน้านิ่งเข้ามา
“มีอะไรอีกคะคุณขุนพิทักษ์” หล่อนแสร้งเอ่ยถามเสียงนุ่ม ทั้ง ๆ ใจจริงอยากกระชากเสียงถามมากกว่า
คนถูกถามไม่ตอบแต่เดินมาหยุดหน้าโต๊ะทำงานของหญิงสาว กวาดสายตามองข้าวของที่กระจัดกระจายบนโต๊ะก็กระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อยแล้วก็กลับมาหน้านิ่งเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไร ในมือใหญ่มีของถือติดมาด้วยเขาจึงวางมันบนโต๊ะ
เมื่อได้เห็นว่าคนตัวโตมาเพราะอะไรเจ้าหล่อนก็เลยเอ่ยขอบคุณอีกฝ่าย
“ขอบคุณค่ะ”
หล่อนหยิบผ้าเช็ดหน้าของตนมาใส่ในลิ้นชักทำงานไว้ ด้านคนถูกขอบคุณก็ทำแค่เพียงพยักหน้าแล้วก็เดินจากไป การกระทำของชายหนุ่มทำให้กิ่งมณีฉุนอย่างแรง เมื่อร่างสูงใหญ่ลับประตูหล่อนก็แทบดิ้นพล่านด้วยความอึดอัดที่ทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้
“แค่พูดว่า **‘คุณทำผ้าเช็ดหน้าตก ผมเลยเอามาให้’** พูดแค่นี้จะตายรึไง หา!
“แค่พูดว่า
‘คุณทำผ้าเช็ดหน้าตก ผมเลยเอามาให้’
พูดแค่นี้จะตายรึไง หา!"
ด้านคนหนุ่มหน้านิ่งเดินออกมาจากห้องสาวเจ้า
ก็ได้แต่ยิ้มมุมปากเดินล้วงกระเป๋ากางเกงกลับห้องทำงานของตน ชายหนุ่มเป็นเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทขายส่งผลไม้อบแห้ง
ขุนพิทักษ์ โลเปซ
หรือ
ขุน
วัย 40 ปี หนุ่มเลือดผสมไทย-สเปน ผิวสีแทน ใบหน้าเคร่งขรึมดูดีในแบบของหนุ่มลูกครึ่ง รูปร่างสูงใหญ่เป็นที่หมายปองของสาวเล็กสาวใหญ่ แต่กับกิ่งมณีแล้ว เขาเป็นสิ่งที่หล่อนรังเกียจก็ว่าได้ ทำไมจะดูไม่ออกว่าเจ้าหล่อนไม่ชอบขี้หน้าเขา
ตึ๊ด! ตึ๊ด! ตึ๊ด!
พอก้าวเท้าเดินออกมาจากห้องกิ่งมณียังไม่ทันได้เปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานของตน เสียงสั่นเตือนเครื่องมือสื่อสารในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้น เขาจึงล้วงออกมาดูว่าใครโทร.มา
“สวัสดีครับคุณน้า”
“สวัสดีพ่อขุน วันนี้มาทานข้าวบ้านน้าไหมลูก” ชาตรีเอ่ยชวนชายหนุ่ม จริง ๆ ก็ไม่ได้อยากเชิญชวนหรอก แต่ภรรยาเขาเขารบเร้าให้ชวนขุนพิทักษ์ไปทานข้าวเย็นที่บ้านด้วย ซึ่งเป็นแบบนี้ประจำเวลาลูกสาวกลับไปค้างบ้าน
“ครับคุณน้า”
ตอบรับเสียงสุภาพก่อนจะวางสายเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋ากางเกงแล้วผลักเปิดประตูห้องทำงานเข้าไป จริงอยู่เขามาอยู่เมืองไทยได้ 6 ปีแล้ว ต้องมาประจำการที่บริษัทส่งออกผลไม้อบแห้งที่พ่อของเขาลงทุนกับเพื่อนสนิทอย่างชาตรี เขาจึงต้องมาอยู่เมืองไทย ส่วนพ่อกับแม่นั้นอยู่สเปน ขุนพิทักษ์จะไปเยี่ยมพวกท่านทุก ๆ สองเดือน
หนึ่งทุ่มครึ่ง
กิ่งมณีกลับมาถึงบ้านให้เด็กรับใช้เอาของไปเก็บแล้วเดินไปยังห้องรับประทานอาหาร เมื่อสาวใช้เดินมาบอกว่าทุกคนรอหล่อนที่ห้องรับประทานอาหารครู่ใหญ่แล้ว พอเดินมาถึงก็ต้องเบ้ปากเล็กน้อยแล้วเดินไปนั่งที่ประจำของตน
“สวัสดีค่ะคุณขุนพิทักษ์ ชักจะมาทานข้าวที่บ้านฉันบ่อยเกินไปแล้วนะคะ หรือว่าไม่มีเงินซื้อกินคะ”
เอ่ยทักทายชายหนุ่มอีกคนทันทีเมื่อหย่อนก้นลงนั่งเรียบร้อยดี ด้านคนหน้าตายก็ทำได้แค่เพียงหยักยิ้มให้หล่อนเท่านั้น กิ่งมณียิ่งเดือดเข้าไปใหญ่ เมื่อคำพูดของตนทำอะไรชายหนุ่มไม่ได้"
“สวัสดีค่ะคุณขุนพิทักษ์ ชักจะมาทานข้าวที่บ้านฉันบ่อยเกินไปแล้วนะคะ หรือว่าไม่มีเงินซื้อกินคะ”
เอ่ยทักทายชายหนุ่มอีกคนทันทีเมื่อหย่อนก้นลงนั่งเรียบร้อยดี ด้านคนหน้าตายก็ทำได้แค่เพียงหยักยิ้มให้หล่อนเท่านั้น กิ่งมณียิ่งเดือดเข้าไปใหญ่ เมื่อคำพูดของตนทำอะไรชายหนุ่มไม่ได้
“รักษามารยาทด้วยลูก” กานดาเอ็ดลูกสาวที่นั่งตรงข้ามกับตนพร้อมกับส่งสายตาตำหนิไปให้ ทำให้ขุนพิทักษ์เผลอยิ้มเอ็นดูเจ้าหล่อน แต่ก็แค่เพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น
“ก็มันจริงนี่คะแม่ กิ่งกลับบ้านทีไรก็เจอแต่เขาทุกที แม่นะแม่ จะเชิญเขามาทำไมก็ไม่รู้ นาน ๆ ทีลูกกลับบ้านแม่ก็น่าจะทำให้ลูกกินข้าวอร่อย เจริญหูเจริญตา แต่นี่อะไรเจอที่ทำงานทุกวันก็ว่าเบื่อแล้วยังต้องกลับมาเจอที่บ้านอีก แม่เกดไม่เข้าใจหนูกิ่งเลยค่ะ” หล่อนโต้ตอบกลับพร้อมส่งสายตาเศร้าให้ผู้เป็นแม่
“ไม่ต้องพูดเลย ขอโทษพี่เขาเดี๋ยวนี้ พี่เขาจากบ้านมาไกลต้องมาอยู่ที่แปลก ๆ แม้จะหลายปีแต่พี่เขาก็ต้องคิดถึงบ้าน ครอบครัวเรากับครอบครัวพี่เขาสนิทกันมาก ฉะนั้นครอบครัวเราก็เหมือนครอบครัวเขา ใช่ไหมจ๊ะพ่อขุน” ท้ายประโยคกานดาเอ่ยถามชายหนุ่มลุกครึ่งนั่งนิ่งข้างลูกสาวของตน
“ครับคุณน้า ขอบคุณมาก ๆ นะครับที่เอ็นดูคนไกลบ้านแบบผม”
“แหวะ! ป้าแต้วคะ ตักข้าวค่ะ กิ่งหิวแล้วค่ะ” กิ่งมณีเบื่อจะพูดต่อเลยร้องเรียกแม่บ้านมาตักข้าว
“อย่าถือสาน้องเลยนะคะ น้องยังเด็ก”
“เด็กอะไรกันคุณเกด ลูกสาวเราจะ 31 แล้วนะปีหน้านี้” ชาตรีเอ่ยบ้างหลังจากเป็นผู้ฟังที่ดีมาตลอดการสนทนา
"หึ หึ"
คำพูดของพ่อหญิงสายทำให้ขุนพิทักษ์อดขำในลำคอไม่ได้ และเสียงขำของเขาทำให้คนข้างกายได้ยินตวัดหางตามองด้วยความไม่พอใจ
“คุณพ่ออยู่เงียบ ๆ ก็ได้นะคะ ทำไมต้องพูดเรื่องอายุของลูกด้วยคะ”
กิ่งมณีเอ่ยตัดพ้อผู้เป็นพ่อพร้อมกับก้มหน้าก้มตารับประทานอาหาร เพราะตอนนี้หล่อนอยากหนีกลับขึ้นห้องเหลือเกิน ไม่ชอบเลยสายตาของคนข้างกาย เวลาหล่อนเหลือบมองแล้วสบกับตาคมนั้นมันช่างน่ากลัวพิลึก ทำให้ขนในกายหล่อนลุกชันแปลก ๆ