“นี่แกไปว่าหนูรินอย่างนั้นได้ยังไง เค้าออกจะหน้าตาสะสวยน่ารัก ขยัน เรียบร้อย และจากที่พ่อดูๆ มาก็เป็นแม่
ศรีเรือน นี่ถ้าแกได้มาเป็นศรีภรรยา แกนั่นแหละจะโชคดี ผู้หญิงดีๆ อย่างนี้หาได้ที่ไหนอีก ไม่เหมือนแม่ผู้หญิงของแกแต่ละคน พ่อบอกตามตรงเทียบหนูรินไม่ได้สักคน” คุณวีรยุทธ์พูดอย่างถูกใจว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้เสียเหลือเกิน จนทำให้วายุนึกหมั่นไส้ไปถึงคนที่บิดากำลังชื่นชมว่าจะมีดีสักแค่ไหนถึงทำให้พ่อของเขาปลื้มได้ถึงเพียงนี้
สองพี่น้องทำท่าจะพูดต่อแต่โดนบิดาเบรกเอาไว้เสียก่อน วายุกับวาโยนั้นถึงจะโดนตามใจจากบิดาก็จริง แต่บิดาเป็นคนเฉียบขาด พูดคำไหนต้องเป็นคำนั้น ทั้งสองรู้ดีว่าคราวนี้เอาจริง จึงไม่กล้าขัดใจท่านอีก
แต่วาโยก็อยากจะให้บิดาพิจารณาดูใหม่อีกสักครั้ง แค่ทำท่าจะเอ่ยปากพูด ก็โดนบิดาขัดขึ้นเสียก่อน
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น พรุ่งนี้ลูกทั้งสองคนเตรียมตัวเอาไว้ ถ้าไม่ทำอย่างที่พ่อบอก พ่อจะสั่งอายัดทุกอย่างของเรา รวมถึงบัตรเครดิตด้วย...จำเอาไว้” บิดากล่าวอย่างจริงจังและเดินออกไปจากห้องนั่งเล่น สองพี่น้องมองหน้ากัน ไม่กล้าขัดคำสั่งบิดาจริงๆ ในครานี้ รู้อยู่เต็มอกว่าบิดาเป็นคนจริงจังขนาดไหน ถ้าบอกว่าจะตัดก็คือตัด แต่ที่แล้วๆ มาท่านแค่พูดไม่ได้จริงจังแค่นั้น แต่ถ้าจริงจังขึ้นมา ใครก็ขัดยาก
“คุณรามคะ คุณวาโยมาแล้วค่ะ” เลขาสาวต่อสายรายงานเจ้านายหนุ่ม เมื่อเห็นวาโยเดินเข้ามาในบริษัทโดยมีหนุ่มๆ และพนักงานมองจนน้ำลายแทบหก เธอเล่นใส่ชุดเสียวาบหวิวปานนั้น
“ให้เข้ามาได้” ราเมธสั่งเสียงเฉียบ
หญิงสาวก้าวเข้ามาในห้อง เห็นคู่หมั้นหนุ่มนั่งก้มหน้าก้มตาทำงานไม่สนใจการมาของเธอเลยแม้แต่น้อย เธอยิ่งอยากแกล้งนัก ร่างสูงโปร่งเดินสำรวจห้องทำงานอันกว้างใหญ่ของเขา ในห้องตกแต่งงดงาม ประณีต และคลาสสิก ด้วยความตื่นตาตื่นใจ ก่อนจะลอบมองหน้าคมเข้มที่หล่อเหลาราวเทพบุตรของคู่หมั้นหนุ่ม แต่เสียตรงที่ขรึมจนเครียด หญิงสาวเดินไปหยุดข้างๆ เก้าอี้ที่ชายหนุ่มนั่งอยู่ค่อยๆ วาดวงแขนเรียวโอบรอบคอและหอมแก้มเขาฟอดใหญ่ ได้ผลดังที่เธอคาดไว้ ชายหนุ่มสะบัดแขนออกอย่างแรง ก่อนหันไปหาหญิงสาวคู่หมั้นเตรียมต่อว่าทันที แต่ต้องชะงักเมื่อเธอกำลังยิ้มยั่ว เขาเผลอมองสำรวจผิวขาวเนียนลออตาของคนตรงหน้า หุ่นของเธออรชรอ้อนแอ้น ใบหน้าสวยเฉี่ยวมั่นใจและแสนเซ็กซี่ แต่ชุดที่ใส่ทำให้เขาต้องลอบกลืนน้ำลายติดกันหลายครั้ง ก่อนเบนสายตากลับมาที่โต๊ะทำงานเพื่อระงับอารมณ์บางอย่างที่พลุ่งพล่าน
“ทำไมน้องวายแต่งตัวแบบนี้” ชายหนุ่มติงการแต่งกายของหญิงสาวเสียงเครียด ในขณะที่กำลังสนใจกับงานบนโต๊ะของตัวเองแทนที่จะมองคู่หมั้นที่แสนยั่วยวนหนักหนา วาโยแอบเห็นแววตาของเขาเมื่อครู่ก็ยิ้มร้าย น่าแกล้งนัก ทำเป็นขรึมเข้มไม่สนใจเธอดีนัก
“พี่รามจะไม่เชิญน้องวายนั่งเหรอคะ หรือว่า...” หญิงสาวยังยั่วต่อ “นั่งตรงนี้ก็ได้” เร็วเท่าความคิด หญิงสาวกอดคอชายหนุ่มอีกครั้ง เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายได้ทันตั้งตัวหรือจะเรียกว่าคาดไม่ถึงก็ได้ คนตัวเล็กกว่าเบียดร่างไปนั่งบนตักคนตัวโตที่กำลังหน้าบึ้งตึงอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“ทำอะไรน้องวาย ลงไปเดี๋ยวนี้!!!” ชายหนุ่มพูดอย่างไม่พอใจ เขาไม่ชอบกิริยาท่าทางของเธอเลยสักนิด พลันคิดไปว่าเวลาอยู่กับผู้ชายคนอื่น เธอจะเป็นแบบนี้ด้วยไหมหนอ...
“พี่รามไม่เชิญน้องวายนั่งนี่คะ น้องวายไม่มีที่นั่ง เลยต้องมานั่งเบียดบนตักพี่รามนี่แหละค่ะ” หญิงสาวจีบปากจีบคอพูดดวงตาใสซื่อแต่สุดแสนจะเจ้าเล่ห์ ชายหนุ่มเห็นกระโปรงถลกขึ้นมาถึงขาเรียวสวย เหลือบขึ้นไปก็เห็นหน้าอกอวบอูมรำไร ถึงกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ก่อนพูดว่า...
“เก้าอี้มีแล้วทำไมไม่นั่ง ทำไมทำตัวแบบนี้น้องวาย” ชายหนุ่มพูดอย่างหงุดหงิด
“ทำยังไงคะ” หญิงสาวเล่นลิ้นเลิกคิ้วเรียวขึ้นอย่างน่าหมั่นไส้ กอดคอเขาเอาไว้อย่างยั่วๆ ก็ดูไปสิจะทนได้ไปสักกี่น้ำ ไม่มีผู้ชายคนไหนไม่หลงเสน่ห์เธอ
“ลงไปได้แล้ว จะหาว่าพี่ไม่เตือน” ใบหน้าหล่อเข้มกำลังเครียดไม่คลายลงสักนิด
“ทำไมคะ พี่รามจะทำอะไรน้องวาย น้องวายไม่กลัวหรอกค่ะ” หญิงสาวยังพูดต่ออย่างกวนอารมณ์เต็มที่ ไม่สนใจคนตัวโตที่กำลังหน้าเครียดอย่างไม่พอใจ เห็นเขายิ่งหน้าเครียดเธอเลยยิ่งอยากแกล้ง
“พี่เตือนแล้วนะ” ราเมธเตือนอีกรอบ แต่คู่หมั้นตัวดีกลับโอบรอบคอหนาของเขาแน่นขึ้นอย่างยั่วเย้า
“ไม่กลัวหรอกค่ะ พี่รามจะกล้าทำอะไรน้องวายได้” หญิงสาวจ้องตาชายหนุ่มไม่หลบ เพื่อจะบอกเขาว่าเธอไม่กลัวเขาสักนิด
“แน่ใจนะที่พูด” ราเมธหรี่ตามองคู่หมั้นสาวสวยที่ขึ้นมานั่งเบียดบนตักและแกล้งยั่วเขา ยังไงเขาก็เป็นผู้ชายมีเลือดมีเนื้อหาใช่พระอิฐพระปูนที่จะให้ผู้หญิงคนไหนมายั่วได้ง่ายๆ
“แน่ใจสิคะ ทำไมต้องกลัวด้วย” หญิงสาวตอบอย่างมั่นใจในตัวเอง เพราะตอนเด็กๆ ก่อนที่เธอจะไปเรียนเมืองนอก จำได้ว่าเขาตามใจเธอมากแค่ไหน แทบไม่เคยขัดใจเธอเลยด้วยซ้ำ เขาหรือจะกล้าทำอะไรเธอ แต่หญิงสาวคงลืมนึกไปว่าตอนนั้นกับตอนนี้มันไม่เหมือนกัน เพราะเขาเติบโตเป็นผู้ชายมีเลือดมีเนื้อสมบูรณ์และมีความปรารถนาอันร้อนแรงซุกซ่อนอยู่อย่างเต็มเปี่ยม
เร็วเท่าความคิด...ราเมธบดขยี้ริมฝีปากได้รูปลงมายังริมฝีปากบอบบางอย่างรวดเร็ว หญิงสาวไม่ทันตั้งตัวเลยโดนราเมธจูบเข้าไปเต็มๆ ราเมธอยากจะลงโทษคนช่างยั่วนั้นให้รู้ว่าไม่ควรยั่วยวนเขาแบบนี้อีก
วาโยดิ้นประท้วง ไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำอย่างนี้กับเธอ เสียงของเธอหายเข้าไปในลำคอเมื่อชายหนุ่มบดขยี้ริมฝีปากอย่างรุนแรงเพื่อต้องการลงโทษเธอให้สาสม วาโยเม้มริมฝีปากแน่นไม่ยอมเผยอริมฝีปากให้เขาบุกรุกเข้ามาได้ เพราะไม่ต้องการพ่ายแพ้ต่อเขา เธอแค่ต้องการแกล้งเขา แต่ไม่คิดว่าราเมธจะเอาจริง ร่างบางพยายามดิ้นรนผลักไส ไม่คิดสักนิดว่าเขาจะกล้าจูบเธอ เห็นนั่งทำหน้าเคร่งเครียดอยู่แต่กับงานบนโต๊ะตัวใหญ่
‘คนบ้า’ หญิงสาวว่าชายหนุ่มในใจ
“อ้าปากสิ” เขาสั่งเสียงเฉียบขาด มีหรือเธอจะเชื่อ วาโยเม้มริมฝีปากแน่นกว่าเดิม ไม่ยอมทำตามที่เขาสั่ง ชายหนุ่มรู้สึกขัดใจแต่ด้วยชั้นเชิงที่เหนือกว่าจึงสอดมือเข้าไปยังอกอวบอิ่มที่แทบจะหกเรี่ยราดเพราะชุดวาบหวิวของเธอ บีบเคล้นไม่เบามือนัก วาโยจำต้องอ้าปากประท้วงเป็นโอกาสให้เขาสอดแทรกลิ้นเข้าไปช่วงชิงน้ำหวานในโพรงปากของเธอได้สำเร็จ
“อุ๊ย!” เป็นโอกาสให้ชายหนุ่มได้สอดลิ้นรุกเข้าไปในโพรงปากอ่อนนุ่ม
“อื้อ...พะ...พี่... ระ...ราม... ปะ...ปล่อย” เธอพูดเสียงกระท่อนกระแท่นขาดเป็นห้วง เมื่อโดนจูบที่เร่าร้อนและรุนแรงของเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว เขาไม่ปล่อยให้เธอได้หายใจหายคอบ้างเลย ตอนนี้วาโยเริ่มเคลิ้มไปกับสัมผัสแปลกใหม่ที่ไม่เคยได้พานพบมาก่อน เธอตัวอ่อนระทดระทวยอยู่บนตักเขา แรกๆ ก็ต่อต้านด้วยการผลักไส แต่หลังๆ เธอให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ชายหนุ่มตระหนักอย่างหนึ่งว่าหญิงสาวด้อยประสบการณ์ ดังนั้นความรุนแรงที่จะจูบลงโทษกลับกลายเป็นเรียกร้องอ่อนหวาน
“น้องวายช่างหวานเหลือเกิน” เขากระซิบข้างหูเล็กๆ นั้น ก่อนจะกัดมันเบาๆ จนหญิงสาวเสียวซ่านสยิว วาโยในอ้อมแขนช่างหวานจนเขาอยากจะจูบอย่างนี้ทั้งวันทั้งคืนเพื่อสูดเอาความหวานจากปากจิ้มลิ้มช่างยั่วนี้ มือเขาเปะปะไปทั่วร่างของคู่หมั้นสาวที่ไม่ได้เปรี้ยวอย่างที่เห็นแต่กลับหวานจนเขาอยากจะกลืนกินนัก