หญิงต่างวัยชะงักไปเล็กน้อย นิ่งคิดครู่หนึ่งก่อนพยักหน้ารับ“หลันหลัน”
“ท่านป้าต๋าซูใจดีแอบเอาผลไม้มาให้ข้ากับคุณหนูบ่อยๆ” นางยิ้มกว้าง ฐานะความเป็นอยู่ของกงเสวี่ยหลิงไม่ค่อยดีนัก ไม่มีใครกล้าทำดีกับนาง แต่ละคนล้วนอยากอยู่ห่าง แม้แต่บ่าวรับใช้ที่ถูกส่งมาปรนนิบัติคุณหนูก็ทำแบบขอไปที แต่ยังมีคนจิตใจดีสงสารคุณหนู แอบนำผลไม้หรือขนมใส่ตะกร้ามาวางไว้ที่หน้าประตูหลายครั้ง ด้วยความอยากรู้ นางจึงบินไปซุ่มดูจึงรู้ว่าเป็นป้าต๋าซู นางเป็นหญิงรับใช้ของคุณหนู แต่ปกติจะทำเย็นชาใส่ แต่ยามไม่มีใครเห็นจะแอบนำขนมของกินหรือผลไม้มาให้เสมอ
“ได้ยินว่าท่านป้าขอลาออกไปอยู่กับลูกชาย ไปช่วยเลี้ยงหลานมิใช่หรือ? เหตุใดท่านป้าจึงมาอยู่ที่นี่เล่า”
“เลี้ยงหลาน!” ชายร่างยักษ์ตะคอกเสียงดัง “เมียข้ายังไม่มี จะไปมีหลานที่ไหนให้มารดาของข้าเลี้ยง! ที่มารดาของข้าต้องเป็นเช่นนี้ เพราะ
ถูกพวกคนในวังลงโทษอย่างไม่เป็นธรรม ถึงตกอยู่ในสภาพนี้!”
“มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ?” หลันหลันเอ่ยเสียงเศร้า “คนพวกนั้นรังแกท่านป้าใช่ไหม”
ป้าต๋าซูหัวเราะเสียงแหบแห้ง แม้ดวงตามองไม่เห็นแต่ก็รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายเอ่ยด้วยความจริงใจ นางยื่นมือไปบีบมือน้อยๆ ของหญิงสาว นางเข้าใจไปว่ากงเสวี่ยหลิงลอบหนีออกจากวังและใช้ชื่อหลันหลันซึ่งเป็นชื่อของนกน้อยที่มักเกาะบ่าของนางเป็นชื่อปลอม
“ในเมื่อองค์...เอ่อ...คุณหนูออกจากสถานที่แห่งนั้นแล้ว อย่าได้ไปคิดถึงมันอีกเลย ใช้ชีวิตใหม่ให้คุ้มค่าเถิด”
หลันหลันมองใบหน้าของป้าต๋าซู แต่เดิมป้าต๋าซูแม้ไม่ได้สะสวยมากนักแต่ใบหน้าหมดจด ทว่ายามนี้มีรอยแผลเป็นที่หน้าผาก เส้นผมเป็นสีขาวโพลนราวกับหญิงชรา ดวงตาเป็นฝ้าขาวขุ่น ริมฝีปากแห้งเป็นขุย แต่จิตใจของนางนั้นยังคงเมตตาเช่นที่เคยเป็นมา ทำไมนางจะไม่รู้ ‘คนพวกนั้น’ ใบหน้างดงาม ประดับรอยยิ้มแต่สั่งโบยตีผู้อื่นอย่างไร้ความเป็นธรรม แม้แต่คุณหนูของนางยังถูกกลั่นแกล้งสารพัด คงมีคนจับได้ว่าป้าต๋าซูแอบนำของกินมาให้คุณหนู ป้าต๋าซูที่ใจดีจึงตกอยู่ในสภาพนี้
นาง...อยากให้คนพวกนั้นได้พบชะตากรรมเช่นเดียวกับป้าต๋าซู
นาง...อยากให้คนพวกนั้นรู้รสชาติความเจ็บปวดทุกข์ทรมานที่กงเสวี่ยหลิงได้รับ
“หลันหลัน”
“เจ้าค่ะ” นกน้อยตื่นจากภวังค์ มืออบอุ่นบีบมือเรียกสติของนางแล้วส่ายหน้าไปมาราวกับล่วงรู้ว่านางคิดสิ่งใดอยู่
“คุณหนูเคยพูดถึงชีวิตอิสรเสรีมิใช่หรือ? เหตุใดไม่ใช้โอกาสนี้ใช้ชีวิตอย่างที่ฝันเล่า”
“ชีวิตอย่างที่ฝัน?” นางเคยคิดเรื่องแบบนั้นที่ไหน ชีวิตนางมีเรื่องเดียวคือกงเสวี่ยหลิง “ตอนนี้ไม่มีคุณหนูอยู่แล้ว...”
ป้าต๋าซูพยักหน้ารับ เข้าใจไปว่านางตั้งใจละทิ้ง ‘กงเสวี่ยหลิง’
“ถูกแล้วไม่มีคุณหนูแล้ว มีแต่หลันหลันเท่านั้น”
“ข้า...” ยังไม่ทันที่นางจะพูดอะไรต่อ ป้าต๋าซูก็ไอแรงๆ ออกมาหลายครั้ง นางเบือนหน้าไปทางอื่นหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดปาก แต่ปรากฏว่ามีลิ่มเลือดออกมาด้วย
“ท่านแม่!” ชายร่างยักษ์รีบเข้าประคองมารดาแล้วหันไปตวาดเซียวเหริน “รีบช่วยท่านแม่ของข้าสิ”
“ต๋าฟู่” ป้าต๋าซูตีแขนลูกชายเบาๆ “อย่าเสียมารยาทกับท่านเซียว พิษในตัวแม่นั้นแม่ย่อมรู้ดี แค่ได้อยู่มาถึงวันนี้ก็นับว่าโชคดีแล้ว”
เซียวเหรินได้แต่นิ่งงัน แม้ว่าเขาจะพบหญิงผู้นี้เร็วกว่านี้ก็ไม่แน่ใจว่าจะรักษานางได้หรือไม่ เขาได้แต่ทอดสายตามองคนที่กำลังจะหมดลมหายใจไปตรงหน้า เป็นเขาที่ปฏิเสธที่รักษาและให้ลูกชายร่างใหญ่ยักษ์พามารดากลับบ้านเพื่อได้ใช้ช่วงชีวิตสุดท้ายอย่างสงบ
“ฟังเสียงนกขับขานในยามเช้า
ปลุกเร้าใจให้ปรารถนาสู่เส้นทางที่ฝันใฝ่
ก้าวเถิดหนา...ก้าวล่วงผ่านความปวดร้าวของหัวใจ
ฟังเสียงธรรมชาติบรรเลงเพลงไพร...ปลอบโยนหัวใจให้รื่นเริงอีกครั้งครา
ปล่อยให้หัวใจรื่นเริงอีกครั้งครา”
ราวกับทุกสิ่งรอบข้างหยุดเคลื่อนไหว เพียงหญิงสาวอ้าปากส่งเสียงขับขานบทกวีเป็นท่วงทำนองอ่อนหวาน มือเล็กจับมือของป้าต๋าซู ดวงตาของนางเป็นประกายสดใส น้ำเสียงของนางทำให้คนเจ็บป่วยที่อยู่รอรับการรักษาจากเซียวเหรินถึงกับเคลิบเคลิ้มลืมความเจ็บปวดของตัวเองไปชั่วขณะ
ป้าต๋าซูส่งยิ้มอ่อนโยนลูบหลังมือของหลันหลันราวกับกล่าวคำอำลา นางยื่นมือไปทางลูกชายตัวโตที่ประคองมารดาไว้ ไม่มีถ้อยคำสั่งเสีย ไร้ความเจ็บปวดใด ดวงตาฝ้าขาวขุ่นนั้นปิดลงพร้อมกับบีบมือลูกชายแน่นและครู่ต่อมามือนั้นก็ค่อยๆ คลายออกและตกลงข้างตัว
“ท่านแม่....” ต๋าฟู่เรียกมารดาที่เหมือนกับหลับไปเท่านั้น “ท่านแม่”
หลันหลันสูดลมหายใจลึก นั่งคุกเข่าแล้วค้อมหลังลงคารวะโขกศีรษะ ป้าต๋าซูที่ใจดีจากนางไปแล้ว คุณหนูกงเสวี่ยหลิงก็จากนางไปเช่นกัน ทำไมคนดีถึงจากไปเร็วเหลือเกิน เหตุใด ‘คนเหล่านั้น’ จึงมีชีวิตสุขสบาย พวกเขาควรลิ้มรสความทุกข์ทรมานเช่นที่คุณหนูเคยได้รับมา
หลัววั่งถูกติงชุ่ยตามตัวให้เข้ามาช่วยเซียวเหรินได้แต่ยืนนิ่งดูเหตุการณ์ทั้งหมด เสียงของนางช่างไพเราะนัก ไม่คิดว่าหญิงสาวไร้เดียงสาผู้นั้นจะมีน้ำเสียงสะกดจิตใจคนเช่นนี้ ร่างเล็กที่คุกเข่าอยู่ค่อยๆ ยืดตัวขึ้น นางโงนเงนไปมาราวกิ่งหลิวต้องลม ติงชุ่ยอุทานตกใจ หลัววั่งคิดจะวิ่งเข้าไปประคอง ทว่ากลับเป็นมือของเซียวเหรินที่ช้อนตัวนางไว้ได้ทันก่อนที่นางจะทรุดลงไปกองกับพื้น
‘หมอเทวดาไร้ใจ’ อุ้มหญิงสาวบอบบางแนบอก พาเดินกลับเข้าเรือนพักอย่างเงียบเชียบ ทิ้งไว้เพียงสายตาที่จับจ้องอย่างประหลาดใจของผู้คน
หรือว่าครั้งนี้จะมีคนมาสั่นคลอนจิตใจของหมอเซียวเหรินแล้ว