เป็นไปได้อย่างไร
หญิงสาวถามตัวเองนับครั้งไม่ถ้วน หลังตื่นจากหลับใหล นางพบหญิงสาวหน้าบึ้งตึงชื่อติงชุ่ยนำเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้ จึงได้ก้มมองสภาพตัวเองอีกครั้ง คราวนี้ได้พิจารณาร่างกายที่คุ้นเคยนี้อย่างจริงจัง แน่นอนว่านางย่อมคุ้นเคยกับร่างกายนี้เพราะนางใกล้ชิดเจ้าของร่างนี้ถึงสี่ปี คอยเกาะบ่าหรืออยู่บนฝ่ามือเป็นเพื่อนมาตลอด
นางไม่ได้ใส่ใจว่าติงชุ่ยพูดกับนางเรื่องใดบ้าง จนกระทั่งในห้องเหลือนางเพียงลำพัง นางจึงยื่นแขนออกดูอีกครั้ง
นี่เป็นแขนมนุษย์จริงๆ มิใช่ปีกอย่างที่นางเคยใช้มาตลอดชีวิตนกหงส์หยกน้อยๆ ของนาง
หญิงสาวหลับตาอย่างปวดร้าว นางคือนกหงส์หยกตัวน้อยที่ครั้งหนึ่งถูกมือใหญ่แต่อบอุ่นของชายผู้หนึ่งโอบอุ้มขึ้นมาจากพื้นดินอันเยียบเย็น คราวนั้นนางเป็นเพียงลูกนกพรากจากรังอุ่นของแม่นก ในบรรดาพี่น้องของนาง นางเป็นนกหงส์หยกที่ขี้เหร่ที่สุด ในขณะที่ผู้อื่นเลือกพี่น้องของนางไปเลี้ยงดูในกรงอันงดงาม แต่นางไร้ผู้ใดเหลียวแล นางคู่ควรเพียงขอนไม้เก่าๆ คนเลี้ยงก็หมางเมินไม่ใส่ใจจะป้อนอาหาร นางหิวโหยจนต้องฝืนบินออกไปเพื่อหากิน แต่นางบินอย่างไม่รู้ทิศทาง จนถูกเจ้าแมวที่ไหนไม่รู้ไล่ตะปบ ด้วยความอ่อนแรงนางจึงบินหนีไม่ไหว ปีกของนางอยู่ใต้กรงเล็บของแมว เลือดสีสดไหลออกมาจนนางหวาดกลัว คิดไปว่าตนเองคงมีชีวิตเพียงเท่านี้
ขณะที่ความตายมาเยือน ความเจ็บปวดเข้าครอบครองสติ นางไม่รู้เหตุใดแมวตัวนั้นจึงล่าถอยไป นกน้อยถูกช้อนตัวขึ้นอย่างเบามือราวกับถูกโอบอุ้มด้วยมือของเทพเซียน นางลืมตาขึ้นมองเห็นดวงตาดำขลับคู่หนึ่งจ้องมอง ริมฝีปากเม้มแน่นจนเรียบตึงแต่บรรจงเช็ดคราบเลือดและโรยผงห้ามเลือดทำแผลให้นาง เขารักษานางอยู่สองวัน ระหว่างนั้นนางได้ยินผู้อื่นเรียกเขาว่า ‘ซือจื่อ’ บ้าง ‘เซียวเหริน’ บ้าง
‘แล้วอย่างไร เจ้าทดลองศาสตร์แพทย์ของตนด้วยการรักษาเจ้านกน้อย พอมันแข็งแรงแล้วจะทำอย่างไรกับมัน’
‘จะให้ทำอย่างไร...ก็แค่ปล่อยมันไปเท่านั้น ข้าหาได้มีจิตใจเป็นกุศลอยากเลี้ยงมันเสียหน่อย’
‘หากเป็นเช่นนั้นจริง พี่เซียวมอบนกตัวนั้นให้ข้าเถิด’
‘พี่ไม่รู้ว่าเจ้าอยากเลี้ยงนก?’
‘น้องอยู่เพียงผู้เดียว ต่างบ้านต่างเมือง หากพี่ชายอนุญาตและพี่เซียวเหรินไม่ต้องการ ข้าขอรับมันไปเลี้ยงดูเองเจ้าค่ะ’
แต่ก่อนนั้นนางมิรู้ว่าคนทั้งสามมีความสัมพันธ์กันอย่างไร แต่เพียงอึดใจ ชายที่รักษานางมาสองวันก็ประคองนางส่งให้ชายอีกคนรับไว้-
แล้วเดินไปยังหญิงสาวที่นั่งอยู่ในรถม้า เจ้านกน้อยถูกส่งลงบนฝ่ามืออ่อนนุ่ม ดวงตางดงามจ้องมองพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนจนนางผู้เป็นนกรู้สึกได้ว่า หญิงผู้นี้มีจิตใจงดงามไม่น้อย นางจึงถูไถศีรษะน้อยๆกับฝ่ามืออุ่นเบาๆ ทำให้หญิงสาวส่งเสียงหัวเราะคิกคัก
‘ดูท่าเจ้านกตัวนี้จะถูกชะตากับหลิงเอ๋อร์ของเราแล้ว’
‘ข้าจะดูแลมันอย่างดีเจ้าค่ะ’ หญิงสาวเอ่ยน้ำเสียงอ่อนโยน ‘หลันหลัน ข้าเรียกเจ้าว่าหลันหลันก็แล้วกัน’
นับตั้งแต่นั้นหญิงสาวนามกงเสวี่ยหลิงเป็นคนเลี้ยงดูนกน้อยอย่างนางมาตลอด จากนกน้อยขี้เหร่ที่ไม่มีใครแลเหลียว วันหนึ่งก็มีมืออ่อนโยนคู่หนึ่งคอยดูแล นางจึงรักและภักดีกับกงเสวี่ยหลิงอย่างยิ่ง กงเสวี่ยหลิงเป็นถึงองค์หญิงแห่งแคว้นเฉียนเหลียง เดินทางไปเมืองผิงอันซึ่งเป็นเมืองหลวงที่องค์ฮ่องเต้ประทับอยู่ กงเสวี่ยหลิงเป็นเพียงองค์หญิงเชลยที่ถูกส่งมาเป็นตัวประกันของแคว้น แม้นางเป็นถึงองค์หญิง แต่เมื่ออยู่ต่างถิ่นซ้ำฐานะยังเป็นเพียงตัวประกัน ความเป็นอยู่จึงไม่สะดวกสบายนัก มีตำหนักส่วนตัวก็จริงแต่สภาพทรุดโทรมอับชื้น ซ้ำบางแห่งหลังคายังมีรูรั่ว มีบ่าวรับใช้เพียงสี่ห้าคนซึ่งแต่ละคนก็มิได้เคารพนางนัก อาหารการกินหรือแม้แต่เสื้อผ้าอาภรณ์ก็ยังขาดแคลน กงเสวี่ยหลิงต้องคอยรองรับอารมณ์บรรดาองค์หญิงองค์ชาย นางสนมและฮองเฮา แต่ไม่ว่าจะประสบเรื่องเลวร้ายเพียงใด นางจะเห็นรอยยิ้มของกงเสวี่ยหลิงเสมอ กับนางที่เป็นเพียงนกน้อย กงเสวี่ยหลิงก็ดูแลอย่างดี ไม่เคยปล่อยให้นางต้องอด-
อยาก คอยร้องเพลงและเล่าเรื่องราวต่างๆ ในนางฟังเสมอ
กงอี้เทาคือพี่ชายของกงเสวี่ยหลิง เป็นศิษย์ร่วมอาจารย์กับเซียวหลินและจางซงหยวน บุรุษทั้งสามเป็นสหายรัก กงอี้เทาคือรัชทายาทแคว้นเฉียนเหลียง ส่วนจางซงหยวนเป็นทหารคนสนิทของกงอี้เทาและเป็นคนที่ลอบเข้ามาส่งข่าวและส่งเสบียงให้กงเสวี่ยหลิงเสมอ
หญิงสาวระบายลมหายใจพลางยกมือขึ้นแตะศีรษะบริเวณที่รู้สึกเจ็บระบม ปลายนิ้วแตะผ้าพันแผลอยู่ นางพยายามทบทวนเหตุการณ์ทั้งหมดเท่าที่พอจำได้
นางได้ยินว่ากงเสวี่ยหลิงถูกเชิญไปบรรเลงผีผาตามคำสั่งของฮองเฮา ทว่านางกลับถูกบังคับให้ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสีแดง นางผู้เป็นนกหงส์หยกตัวเล็กๆ ติดตามไปด้วยเช่นทุกครั้ง ไม่ว่ากงเสวี่ยหลิง อยู่ที่ใด นางจะอยู่ที่นั่นด้วยเสมอ เมื่อรถม้าแล่นไปเรื่อยๆ จนถึงจุดพักม้า กลับพบความจริงว่านางจะถูกส่งไปเป็นอนุไร้ราคาของขุนนางแก่ชราผู้หนึ่ง
‘แม้ข้าจะเป็นเพียงองค์หญิงตัวประกัน แต่มิได้หมายความว่าจะถูกส่งมาเป็นเจ้าสาวของใครก็ได้’
‘องค์หญิงกงเสวี่ยหลิงเข้าใจผิดแล้ว’ ชายชราพูดพลางกลั้วหัวเราะ ‘เจ้ามิได้ถูกส่งมาเป็นเจ้าสาว แต่ถูกส่งมาเป็นนางบำเรอรับใช้ข้าต่างหากเล่า’
‘เจ้า!’
‘ข้าเมตตารับหญิงอย่างเจ้ามาเป็นนางบำเรอ ก็นับว่าเป็นบุญของเจ้าแล้ว ยังกล้าขึ้นเสียงกับข้าอีกเรอะ!’
‘หากต้องเป็นนางบำเรอของเจ้า! ข้ายอมตายเสียยังดีกว่า’
มือเล็กคู่นั้นยกขึ้นปิดหู นางจำเสียงกรีดร้องของกงเสวี่ยหลิงได้อย่างดี หญิงสาววิ่งหนีแต่ถูกชายร่างใหญ่เข้าฉุดกระชากกลับไปได้ เสียงหัวเราะอย่างสะใจและเสียงร้องอย่างน่าเวทนา ผู้คนรายล้อมแต่ทุกคนได้แต่ก้มหน้าไม่มีใครยื่นมือช่วยเหลือ นางเป็นเพียงนกน้อยพยายามใช้ปากเล็กๆ จิกชายชราใจโฉดที่ฉีกทึ้งกระโปรงท่อนล่างของกงเสวี่ยหลิงออก
‘ไอ้นกบ้า! ข้าจะบีบคอเจ้าให้ตายคามือ’
‘หยุดนะ! อย่าทำหลันหลัน’
‘โอ๊ะ! ห่วงนกทั้งที่ปกป้องตัวเองไม่ได้เรอะ!’ ชายผู้นั้นหัวเราะเยาะ ‘ขอร้องข้าสิ ใช้ปากนุ่มของเจ้าขอร้องข้า จูบที่เท้าของข้า แล้วข้าจะเมตตานกน้อยของเจ้า’
นางพยายามดิ้นรนออกจากอุ้งมือสกปรกสุดแรง แต่ดวงตาของนกน้อยต้องเบิกกว้างเมื่อเห็นกงเสวี่ยหลิงลุกขึ้นมาจากตั่งที่นางถูกกดลงไปเมื่อครู่ นางก้าวมาทรุดนั่งเบื้องหน้า ก้มนิ่งค้อมกายลงแทบแนบพื้น เสียงหัวเราะดังก้อง ทว่าเพียงพริบตาเสียงหัวเราะกลายเป็นเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด
‘บัดซบ! นางแพศยา!’