“คนของข้าหยาบกระด้างไปเล็กน้อย แต่หากเจ้ารักษาเจ้านี่ของข้าได้ ข้าจะตกรางวัลอย่างงามหรือต้องการชื่อเสียงลาภยศใด ข้าก็มอบให้ได้”
“หากรักษาไม่ได้?”
“เจ้าควรรู้ชะตากรรมตนเอง”
เซียวเหรินยังคงนิ่งสงบ มาถึงขั้นนี้หากไม่ลงมือตรวจวินิจฉัยก็คงไม่ได้อีก เขาจึงหันไปทางผู้อารักขาที่พยักหน้าเล็กน้อย ชายผู้นั้นก้าวเร็วๆ มายกเก้าอี้ให้เขานั่งข้างเตียงใหญ่ของเสนาบดีหลี่
“ข้าขอตรวจชีพจรของท่านก่อน” เซียวเหรินยังคงท่าทีสงบไม่มีอาการลนลานแม้จะถูกข่มขู่ก็ตาม ครู่หนึ่งเขาจึงขอดูดวงตา และสั่งให้อ้าปากกว้างๆ จนเห็นลิ้นเป็นฝ้าขาว ก่อนจะก้มมองใต้สะดือ มีผ้าพันแผลปิดอยู่
“ท่านได้รับบาดเจ็บ?”
“แผลเล็กน้อย หมอคนก่อนทำแผลแล้วว่าไม่เป็นอันใด”
“ท่านได้รับบาดเจ็บเมื่อใด
“สามสี่วันที่แล้ว” เสนาบดีหลี่ขบฟัน เพียงแค่คิดถึงเหตุการณ์วันนั้น โทสะของเขาก็พุ่งขึ้นมาอีก
“อวัยวะเพศไม่แข็งตัวมีหลายปัจจัย” เซียวเหรินชิงพูดขึ้นมาก่อน “ความอ่อนแรงของ ‘ไฟมิ่งเหมิน’
ไฟมิ่งเหมินคือหยางของไต ความอ่อนแรงของไฟมิ่งเหมินก็คือสภาพผิดปกติที่เกิดจากหยางของไตพร่องอย่างรุนแรง ทำให้ไตไม่สามารถสร้างความอบอุ่นให้กับทั่วร่างกายให้เริ่มทำกิจกรรมของแต่ละอวัยวะนั้นๆ ส่งผลให้ระดับกิจกรรมของอวัยวะต่างๆ ทั่วร่างกายอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ รวมไปถึงกิจกรรมทางเพศด้วย การทำกามกิจมากเกินไป ล้วนเป็นเหตุให้สารจำเป็น ‘จิง’ และเลือดสูญเสีย ซึ่งก็คือการสูญเสีย ‘หยาง’ของไต ซึ่งนำไปสู่การเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ”
“เจ้าช่วยพูดอะไรที่มันเข้าใจง่ายได้หรือไม่” เสนาบดีหลี่คว้าจอกสุรารสแรงมาดื่ม “หมอคนก่อนก็พูดเช่นนี้”
“งดกามกิจสักระยะ ฟื้นฟูสภาพร่างกาย ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน อาหารมันเลี่ยนควรหลีกเลี่ยง”
“เหอะ!” เสนาบดีหลี่เค้นเสียงในลำคอ สั่งให้เขาละเว้นเรื่องหรรษานะหรือ ไม่มีทางเสียหรอก
“เบื้องต้นข้าสามารถฝังเข็มให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น แต่การรักษาต้องใช้เวลาซึ่งขึ้นอยู่กับท่าน”
“เช่นนั้นฝังเข็ม แล้วลองดูว่าวิธีของเจ้ารักษาข้าได้หรือไม่”
เซียวเหรินลุกขึ้นยืน “ให้คนเตรียมห้องที่สะอาดอากาศถ่ายเทได้ดีด้วย”
“ห้องนี้ไม่ได้รึ”
“อับชื้นเกินไป” ผู้อื่นชินแล้วแต่เขาไม่ชอบกลิ่นเหม็นคาวเหล่านี้
“ได้” เสนาบดีหลี่พยักหน้าเป็นเชิงสั่งบ่าวไพร่ ผู้อารักขาคนเดิมเดินนำเซียวเหรินออกไป ขณะที่เสนาบดีหลี่ลุกขึ้นจากเตียงหลังใหญ่ พ่อบ้านรีบเข้ามารายงาน
“คณะละครเร่ผ่านมา มีนางรำหน้าตาสะสวยงดงามหลายคน ไม่ทราบว่าท่านเสนาบดีต้องการจะชมเพื่อความรื่นรมย์หรือไม่ขอรับ”
“นางรำรึ” เสนาบดีกระตุกยิ้ม “ดี ข้าจะทดสอบฝีมือหมอเทวดาไร้ใจว่าเก่งจริงสมคำร่ำลือหรือไม่”
การแสดงเบื้องหน้าดูท่าจะไร้ความสามารถในการดึงดูดความสนใจจากเสนาบดีหลี่ ทว่าการรักษาของหมอเทวดาไร้ใจหลังจากการฝังเข็มเพียงครึ่งชั่วยาม เสนาบดีหลี่รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาก เขาไม่อยู่พักผ่อนตามที่เซียวเหรินแนะนำ แต่กลับนั่งร่ำสุราดูการแสดงของนักแสดงกายกรรม จอกสุราถูกปาใส่ตัวตลกหลังค่อมที่สวมหน้ากากเป็นลิง เสียงดนตรีหยุดชะงักไปชั่วขณะ หัวหน้าผู้คุมคณะละครเร่รีบเข้าไปคุกเข่าประสานมือเบื้องหน้าเสนาบดีหลี่
“ผู้น้อยต้องขออภัยที่การแสดงไม่ถูกใจท่านเสนาบดีหลี่”
“เหอะ!” เสนาบดีหลี่แค่นเสียงหัวเราะในลำคอแล้วยื่นมือไปรับจอกสุราจากบ่าวรับใช้ “เจ้าก็รู้ว่าข้าเป็นใคร หากการแสดงของเจ้าประทับใจข้า ขอเพียงข้าเอ่ยชื่อคณะละครเร่ของเจ้า ข้าย่อมทำให้พวกเจ้ามีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักได้ หากแต่ที่ข้าดูมาครึ่งชั่วยามช่างน่าเสียเวลานัก พวกเจ้าไสหัวออกไปให้หมด”
“ขอท่านเสนาบดีหลี่โปรดเมตตาพวกเราอีกสักครั้ง” หัวหน้าคณะละครอ้อนวอน “เรายังมีการร่ายรำของนางรำอีกชุด หากท่านไม่พอใจพวกเราจะรีบออกไปทันทีขอรับ”
เสนาบดีหลี่กระตุกยิ้มแต่ยังทำสีหน้าเบื่อหน่าย “เอาเถิด ข้าก็หาได้เป็นคนใจไม้ไส้ระกำแต่อย่างได้ เอา! มีอะไรจะแสดงก็งัดออกมาให้ข้าชม”
“ขอรับนายท่าน”
หัวหน้าคณะละครลุกขึ้นแล้วตบมือให้สัญญาณ ดนตรีเริ่มบรรเลงอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มีหญิงสาวรูปร่างปราดเปรียว ทั้งเสื้อผ้าอาภรณ์ที่สวมใส่สีสันสดใสและโปร่งบาง เพิ่มความเย้ายวนด้วยผ้าโปร่งปิดครึ่งใบหน้า เพียงเท่านี้เสนาบดีหลี่ก็เกิดรอยยิ้มพึงพอใจ
เซียวเหรินถูกเชิญให้รับชมการแสดงด้วย แต่เขาอ้างว่าอ่อนเพลียจึงได้พักผ่อนอยู่ในห้องพักห้องหนึ่ง จะเรียกว่า ‘เชิญ’ คงไม่ถูกนัก เรียกว่าบังคับให้อยู่น่าจะถูกต้องมากกว่า ในห้องรับรองนั้นมีน้ำชาอย่างดีและของว่าง เขาเพียงแค่ยกน้ำชาขึ้นจิบ แม้ในห้องไม่มีผู้อื่นแต่เขารู้ว่ามีคนคอยเฝ้าจับตามองการเคลื่อนไหวของเขา ด้วยเกรงว่าเขาจะ ‘หลบหนี’ คนพวกนี้ฝีมือปลายแถว หากเขาจะออกไปก็สามารถเดินออกไปได้อย่างผ่าเผย
ประสาทหูได้ยินเสียงดนตรีเร่งจังหวะเร่าร้อน มือที่ยกน้ำชาขึ้นดื่มชะงักไปเล็กน้อยแล้วแสร้งทำเป็นไม่สนใจ จนกระทั่งได้กลิ่นหอมโชยมาบางๆ เขาแสร้งเดินไปที่หน้าต่างผลักมันออกเบาๆ คล้ายจะมองทิวทัศน์ยามเย็นด้านนอกที่ท้องฟ้ากลายเป็นสีแดงส้ม เขาออกจากที่พักมาตั้งแต่เช้า ป่านนี้หลัววั่งและติงชุ่ยคงกลับบ้านไปแล้ว ไม่รู้ว่าหญิงสาวคนนั้นจะเป็นอย่างไร จะอยู่คนเดียวได้หรือไม่ แต่นางเป็นนกนี่นะ คงไม่กลัวที่ต้องอยู่ลำพังกระมัง
เหตุใดนางจึงเป็นเช่นนี้