“ปกติพี่ไม่ค่อยชอบกินของหวานหรอกค่ะ แต่ถ้าน้องนิ่มทำ พี่ก็กินได้หมดนั่นแหละครับ” คนปากหวานตอบเสียงหวานทำเอาคนฟังยิ้มเขิน
“นิ่มจะให้คนไปเก็บดอกบัวนำไปถวายพระพรุ่งนี้ค่ะ ต้องขอตัวสักครู่นะคะ” หล่อนเอ่ยบอกหลังจากนั่งจิบน้ำชาสนทนากับโมกข์อีกครู่ใหญ่
“เก็บที่ไหนหรือคะ” โมกข์เอ่ยถามอย่างสนใจ เขานึกลองไปเก็บบัวกับเธอบ้าง
“ที่บึงบัวใหญ่ด้านโน้นค่ะพี่โมกข์”
“พี่อยากไปดูดอกบัวจังค่ะ เราไปเก็บเองไม่ดีกว่าเหรอ จะได้เลือกเอง เอาที่ถูกใจ พี่จะช่วยน้องนิ่มเก็บเองค่ะ บ่าวไพร่ก็ให้ช่วยทำงานอย่างอื่นไป”
“ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวให้นายสนพายเรือให้นะคะ”
“เรือพายนั่งได้แค่สองคนให้นายสนพายให้ได้อย่างไรกัน”
“เราไปคนละลำค่ะพี่โมกข์ ส่วนเรือของน้องให้นายมั่นช่วยพาย”
“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ น้องนิ่มไปกับพี่ดีกว่า ใช้เรือลำเดียวกัน เดี๋ยวพี่จะพายให้นิ่มนั่งเอง ดีไหมคะ” โมกข์สรุปเสร็จสรรพ เขาไม่อยากให้คนอื่นอยู่ด้วยเพราะว่าอยากอยู่กับสาวน้อยสองต่อสอง
“นิ่มลืมไปว่าพี่โมกข์พายเรือเก่งมากๆ เชียวค่ะ” เธอนึกถึงช่วงวัยเด็กที่มาอยู่ที่นี่กับบิดามารดาของเขา โมกข์มักจะพาเธอพายเรือและเที่ยวเล่นอย่างสนุกสนาน พอนึกถึงช่วงวัยเด็กก็ต้องเผยยิ้มออกมาแทบจะทันที
“มาเถอะค่ะ พี่จะพายเรือให้น้องนิ่มเอง” เขาพูดอีกครั้ง ก่อนจะยื่นมือไปให้เธอจับ แต่นิ่มไม่กล้าจับ เธอเขินอายที่จะสัมผัสเนื้อตัวของเขา
“ทำไมหรือคะ พี่จับมือน้องนิ่มไม่ได้เหรอ เราเป็นคู่หมั้นคู่หมายกัน แค่จับมือไม่มีใครว่าอะไรหรอกค่ะ” เขาทวงสถานะความเป็นคู่หมั้นคู่หมายกับเธออีกครั้งเพราะหัวใจของโมกข์ในตอนนี้อยากที่จะครอบครองเธอทั้งตัวและหัวใจ
“นิ่มทราบค่ะ แต่มันไม่งาม” นิ่มดึงมือหนีอย่างสุภาพ โมกข์มองอย่างเอื้อเอ็นดู เข้าใจว่ามารดานั้นสอนให้เธอรักนวลสงวนตัว
“เอาละค่ะ พี่จะไม่ทำให้น้องนิ่มอึดอัดใจหรือเรียกร้องความเป็นคู่หมั้นจากน้องนิ่มอีก น้องนิ่มจะได้สบายใจ ไปเถอะ พี่จะพายเรือให้แม่นิ่มน้อยของพี่เก็บดอกบัวเอง” เขาเดินนำหน้าไปก่อน นิ่มมองตามร่างสูงสง่าไปอย่างรักใคร่ เธอรักใคร่ในตัวโมกข์มาช้านาน อาจเพราะถูกปลูกฝังเอาไว้เช่นนั้นตั้งแต่เด็ก แต่เพราะยังไม่ได้แต่งงานกัน เธอจึงยังไม่อยากให้ใครนินทาว่าร้ายเอาได้ ตัวเองเป็นหญิงควรรักนวลสงวนตัว ไม่ชิงสุกก่อนห่ามเพราะมันดูไม่ดี
โมกข์มองสาวน้อยที่เอื้อมมือไปเด็ดดอกบัวตูมอยู่ตรงท้ายเรือด้วยรอยยิ้มหวานหยด เขาเอื้อมไปช่วยเก็บด้วยอุ้งมือใหญ่จึงปะทะเข้ากับมือน้อยของเธอเข้าอย่างจัง
“อุ๊ย!” เธอดึงมือหนีสะเทิ้นอายเมื่อได้สัมผัสแตะต้องเนื้อกายชายแม้จะเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“ไม่คิดว่ายิ่งโตแม่นิ่มน้อยของพี่จะยิ่งสวยน่ารักจับตาจับใจเช่นนี้” เขาเอ่ยชม มองเธอตาหวานเยิ้ม นิ่มก้มงุดเขินอายหน้าแดงไปหมด
“ดอกบัวในสระว่าสวยแล้ว แต่ไม่มีดอกไหนสวยเท่าแม่นิ่มของพี่เลยแม้แต่ดอกเดียว” ประโยคนั้นทำให้นิ่มยิ่งไม่กล้าสบสายตาแรงกล้าของโมกข์เข้าไปอีก
“ได้บัวหลายดอกแล้ว เรากลับกันเถอะค่ะพี่โมกข์ นิ่มจะได้พับดอกบัวเอาไว้ถวายพระพรุ่งนี้” เธอบอกเขาเสียงนุ่มมีแววสะท้านเล็กน้อย โมกข์ยิ้มในหน้าพายเรือออกไปอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งไกลออกไปจากตัวบ้าน
“พี่โมกข์จะไปไหนหรือคะ” นิ่มเอ่ยถามเมื่อเขาไม่ได้พายเรือกลับบ้านอย่างที่เธอคิด
“พี่คิดถึงต้นไทรที่เราเคยไปเที่ยวเล่นกันบ่อยๆ เมื่อตอนเด็กๆ” เขาบอกเธอขณะพายเรือไปยังจุดหมายปลายทางอีกฝั่งหนึ่ง
“พี่โมกข์จะไปที่นั่นหรือคะ” เธอเอ่ยถาม
“ใช่ค่ะ” เขาตอบรับเสียงหวานมองสบตาของเธอ ก่อนที่สาวน้อยตรงหน้าจะหลบสายตาเป็นพัลวัน เขาพายเรือพาเธอมาใต้ต้นไทรต้นใหญ่ ลงจากเรือไปผูกเรือเอาไว้ ก่อนจะเอื้อมมือมารอรับสาวน้อยเพื่อดึงขึ้นฝั่ง
“อุ๊ย!” นิ่มอุทานเมื่อเธอเสียหลักสะดุดขาตัวเอง เลยตกอยู่ในอ้อมแขนของเขาโดยไม่ทันตั้งตัว เนื้อตัวหอมกรุ่นของเธอทำให้เขาต้องก้มลงประทับปากร้อนกับแก้มนุ่ม
“พี่โมกข์!” เธออุทานดันใบหน้าของเขาออกห่าง
“แก้มของแม่นิ่มน้อยหอมชื่นใจพี่เสียเหลือเกิน”
“ปล่อยนิ่มก่อนค่ะพี่โมกข์”
“จะปล่อยได้อย่างไรกัน พี่อุตส่าห์พาน้องนิ่มออกมาไกลจากสายตาผู้คนและบ่าวไพร่ในเรือนแล้ว”
“หมายความว่ายังไงกันคะพี่โมกข์” นิ่มเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ
“บ่าวไพร่ในเรือนชอบมองอย่างอยากรู้อยากเห็นเสียเหลือเกิน พี่เลยต้องพาน้องนิ่มมาที่นี่”
“เจ้าเล่ห์นักนะคะ” เขาประคองเธอไปนั่งใต้ต้นไทรต้นใหญ่ ตรงนั้นมีแคร่ไม้ไผ่เล็กๆ วางเอาไว้แต่ลับตาคนเพราะรอบกายมีต้นไม้ห้อมล้อมเอาไว้ ที่ดินตรงนี้เป็นของบิดามารดาที่ล่วงลับไปแล้ว จึงไม่มีใครมายุ่มย่ามวุ่นวาย
“พี่โมกข์มีอะไรกับนิ่มหรือคะ อุ๊ย!” เธอเอ่ยถามก่อนจะอุทานเมื่อเขาแนบปากร้อนกับแก้มสาว
“พี่อยากอยู่กับน้องนิ่มสองต่อสองค่ะ” เขาเชยคางสาวให้แหงนขึ้นสบตา เธอสะเทิ้นอายหลบสายตาเป็นพัลวันไม่กล้าสบตาเขาแม้แต่น้อย
“อย่าค่ะพี่โมกข์”
“รังเกียจพี่หรือคะ”
“เปล่าค่ะ แต่มันไม่เหมาะไม่ควร เรายังไม่ได้แต่งงานกัน”
“อะไรที่ว่าไม่เหมาะ เช่นไรก็ต้องแต่งงานกัน” เขาดึงเธอมากอด นิ่มคอยดันเอาไว้แต่สู้แรงของเขาไม่ไหว ปากร้อนพรมจูบไปทั่วดวงหน้าแสนหวาน บดจูบปากน้อยจนร่างสาวสะท้าน ระทดระทวยอยู่ในวงแขนแกร่ง
“ปากแม่นิ่มน้อยของพี่ช่างหวานจับใจ แก้มก็นุ่ม เนื้อตัวก็หอมกรุ่นจนพี่อดใจไม่ไหวแล้ว” เขาปลดเสื้อลายดอกของเธอออกจากกาย นิ่มอุทานก่อนจะคราง ใบหน้าแดงซ่านเมื่อปากร้อนก้มลงมาประทับจุมพิตเอากับยอดปทุมถันซึ้งยังถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยอาภรณ์ชั้นในสุด
“อย่าค่ะพี่โมกข์”
“น้องนิ่มตัวสั่นเชียว” ประโยคของเขาแต่ทำเอาเธอหน้าแดงหนักกว่าเดิม
“พี่โมกข์พูดจาน่าอาย” สาวน้อยหมุนกายหนีสะเทิ้นอายทำท่าจะก้าวหนี โมกข์รีบรวบกอดเอาไว้จากทางเบื้องหลังเพื่อไม่ให้เธอหนี
“อุ๊ย!”
“พี่ทำเช่นนี้ไม่ใช่เพราะเห็นน้องนิ่มเป็นดอกไม้ริมทางแต่เราเป็นคู่หมั้น คู่หมายกัน พี่อยากจะขอชื่นใจ”
“แต่... อื้อ...” เธอครางเมื่อเขาจับเธอหมุนกายมาหาแล้วบดจูบจนปากน้อยสั่นสะท้าน มือน้อยทุบตีอกแกร่งเบาๆ เพื่อประท้วง
“อกน้องนิ่มสวยเหมือนดอกไม้ ดูสิยอดอกสีชมพูน่าดูดนัก”
“พี่โมกข์ อย่าค่ะนิ่ม นิ่มเสียว” เธอร้องเสียงสะท้านเมื่อโดนดูดยอดอกจนเสียวสะท้าน
“มากไหมคะ” โมกข์เอ่ยถามเสียงแหบพร่า
“หากพี่โมกข์รักนิ่มจริงๆ พี่โมกข์สัญญาก่อนสิคะ ว่าจะไม่ล่วงเกินนิ่มไปมากกว่านี้” เธอยังพอมีสติขอคำมั่นสัญญาจากเขา
“สัญญา แต่น้องนิ่มก็รู้ว่าพี่ปรารถนาน้องนิ่มแค่ไหน” เขาขยับเข้ากระซิบบอกตรงริมหู ขบเม้มติ่งหูหอมกรุ่นเบาๆ
“มีสิ่งที่ทำแล้วตื่นเต้นกว่านี้อีกนะ ให้พี่ทำนะคะ” โมกข์กระซิบที่ริมหู จุมพิตร้อนๆ แนบชิดกับพวงแก้มสาว ก่อนจะปลดผ้าถุงทอมือลายสวยของเธอพร้อมด้วยล้วงมือเข้าไปภายในชั้นในตัวน้อยบางเบา
“พี่โมกข์ อย่านะคะ”
“อยู่นิ่งๆ สิคะคนดี” เขากระซิบที่ริมหูเสียงแหบพร่า ทำเอานิ่มหน้าแดงซ่านลามไปถึงใบหู ยิ่งเขาสอดมือเข้ามาจุ่มจ้วงในเนื้อนางกลางร่างที่ไม่เคยมีชายใดได้เคยล่วงล้ำมาก่อน สาวน้อยยิ่งหน้าแดงหนักขึ้นไปอีก
“น้องนิ่มของพี่ ตรงนี้อ่อนละมุนนัก” โมกข์เอ่ยถามอยู่ตรงริมหู ได้ยินเสียงครางแผ่วๆ ของสาวน้อยในอ้อมแขนเมื่อเขาบดบี้ติ่งสวาทอย่างเร้าอารมณ์