คริสต์ศักราช 2018
พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์มณฑลส่านซี
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเจดีย์ห่าน Giant Wild ในเมืองโบราณซีอานในมณฑลส่านซีประเทศจีนเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ของรัฐขนาดใหญ่ ซึ่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยและเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุด ภายในพิพิธภัณฑ์มีสิ่งของกว่าสามแสนเจ็ดหมื่นชิ้น รวมทั้งภาพจิตรกรรมฝาผนังภาพวาดเครื่องปั้นดินเผาเหรียญตลอดจนวัตถุที่ทำด้วยทองสัมฤทธิ์ทองคำและเงิน
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นระหว่างปี 1983 ก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2001 และมีลักษณะของการสร้างรูปแบบสถาปัตยกรรมของราชวงศ์ถัง
พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ส่านซีแห่งนี้มีพื้นที่หกหมื่นห้าพันตารางเมตร มีพื้นที่อาคารห้าหมื่นห้าพันหกร้อยตารางเมตร ห้องเก็บพระธาตุทางวัฒนธรรมแปดพันตารางเมตร ห้องโถงนิทรรศการของหนึ่งหมื่นหนึ่งพันตารางเมตร และคอลเลกชันสามแสนเจ็ดหมื่นวัตถุ
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีสถาปัตยกรรมในสไตล์ Tang โดยมี “ห้องโถงอยู่ตรงกลางอาคารที่มีชั้นในหลายมุม” มีความสง่างามและใหญ่โตและ โออ่าด้วยการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ซึ่งแสดงถึงประเพณีพื้นบ้านและลักษณะเฉพาะของท้องถิ่น
มณฑลส่านซีเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิโบราณของจีนถึงสิบสามราชวงศ์ นับตั้งแต่โจว,ฉิน ,ฮั่นและราชวงศ์ถัง ซึ่งเต็มไปด้วยโบราณวัตถุทางวัฒนธรรม เมื่อพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ส่านซีสร้างเสร็จจึงได้รวบรวมโบราณ วัตถุล้ำค่ากว่าสามแสนเจ็ดหมื่นชิ้นซึ่งขุดพบในมณฑลส่านซีรวมทั้งเครื่องถ้วยสำริดรูปปั้นเครื่องปั้นดินเผาและภาพวาดฝาผนังในสุสานของราชวงศ์ถัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีรูปปั้นเครื่องปั้นดินเผาจำนวนมากมาจากสุสานของราชวงศ์ที่อยู่รอบเมือง
ภายในอาณาบริเวณของพื้นที่ตั้งพิพิธภัณฑ์ มีอาคารสร้างขึ้นโดยใช้ต้นแบบจากสถาปัตยกรรมในสมัยราชวงศ์ถัง เป็นสถานที่รองรับสำหรับศึกษาและค้นคว้าวิจัยข้อมูลและหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของชนชาติจีน ก็อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวด้วยเช่นกัน หลักฐานทางประวัติศาสตร์มากมายถูกขุดพบทุกวันตามหัวเมืองและมณฑลต่างๆ ที่เคยเกิดอารยธรรมโบราณเมื่อหลายพันปีก่อน มีเจ้าหน้าที่นับร้อยชีวิตอยู่ภายในศูนย์วิจัยแห่งนี้รวมไปถึงนักศึกษาฝึกงานจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ
ซึ่งนักศึกษาในคณะประวัติศาสตร์ โบราณคดี วรรณกรรมและปรัชญา ซึ่งอยู่ในช่วงชั้นปีสุดท้ายของแต่ละมหาวิทยาลัยจะถูกส่งมาฝึกงาน แยกย้ายไปตามพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ก่อนจะมารวมอยู่ที่จุดเดียวกันคือที่ส่านซี เนื่องจากเป็นเพียงแห่งเดียวที่มีสถาบันวิจัยค้นคว้าอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับพิพิธภัณฑ์
ภายในห้องวิจัยค้นคว้าในขณะนี้ ทั้งนักศึกษาฝึกงานและนักวิจัยกำลังนั่งก้มหน้าก้มตา ค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับหลักฐานทางประวัติศาสตร์กันอย่างคร่ำเคร่ง โบราณวัตถุมากมายที่ถูกค้นพบภายในมณฑลส่านซีถูกทยอยนำเข้ามาไม่เว้นแต่ละวัน และมอบหมายให้นักศึกษาฝึกงานรวมไปถึงนักวิจัยต่างพากันช่วยดูแลรับผิดชอบ
“อันอัน!” เสียงเรียกของหัวหน้าทีมงานวิจัยเรียกขานดังก้องขึ้นภายในห้อง
หญิงสาวผมเผ้ายุ่งเหยิงในลักษณะมวยผมเกล้าขึ้นสูงเอาไว้ตรงกลางศีรษะ สวมแว่นตาสายตาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นจากโบราณวัตถุตรงหน้าเธอด้วยสีหน้าคร่ำเคร่งเหลือประมาณ
“ค่ะหัวหน้า!” เธอขานรับกลับไปทันทีพลางหันกลับไปมองทางต้นเสียงที่เรียกหา
ร่างระหงลุกจากเก้าอี้ทำงานเดินตรงเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัวของหัวหน้าทีมวิจัย พลางทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้
“หัวหน้าเรียกอันอันมีอะไรอย่างนั้นเหรอคะ” หญิงสาวถามกลับไป ท่ามกลางสายตาของสาวใหญ่กำลังมองแม่สาวน้อยตรงหน้าด้วยความเป็นห่วง
“หายดีแล้วอย่างนั้นเหรอ ถึงได้กลับมาทำงาน หมอให้พักรักษาตัวหนึ่งเดือน แต่นี่อะไรยังไม่ถึงสามอาทิตย์เธอก็กลับมาทำงานแล้ว ไม่เจ็บแผลถูกยิงแล้วอย่างนั้นเหรอ”
จางเพ่ยอัน สาวน้อยวัยเพียงยี่สิบเอ็ดปีเพิ่งจบจากมหาวิทยาลัยปักกิ่งมาหมาดๆ ส่งยิ้มหวานกลับไปเมื่อหัวหน้างานของเธอถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงอาการบาดเจ็บเพราะถูกกลุ่มอันธพาลไล่ยิงกันเองเรื่องขัดผลประโยชน์ แล้วเธอบังเอิญถูกลูกหลงในที่เกิดเหตุ ซึ่งเหตุการณ์ในวันนั้นมีคนได้รับบาดเจ็บหลายรายและเสียชีวิตหนึ่งราย
“ดีขึ้นมากแล้วค่ะหัวหน้า ไม่เจ็บและปวดแผลแล้ว ขี้เกียจนอนอยู่กับบ้านเฉยๆ สู้มาทำงานไม่ได้ คิดถึงงานที่ทำค้างเอาไว้รีบกลับมาทำดีกว่าค่ะ” จางเพ่ยอันตอบกลับไป
“ไม่เป็นไรแล้วก็ดีจะได้สบายใจ ดีที่พวกอันธพาลถูกทางการจับยกแก๊งกันหมด เห็นข่าวออกทางทีวีกันอย่างครึกโครม คนเจ็บตายในวันนั้นไม่รู้ตั้งกี่คน พวกนี้สมควรต้องจำคุกตลอดชีวิตไม่ต้องออกมาสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่นได้อีก” แม่หัวหน้างานบ่นพึมพำด้วยน้ำเสียงจริงจัง พร้อมเลื่อนถาดที่วางอยู่ตรงหน้าเธอให้ลูกน้องสาว
“งานใหม่ของเธอ”
จางเพ่ยอันมองถาดใบขนาดย่อมที่วางอยู่บนโต๊ะ ซึ่งถูกเลื่อนมาไว้ตรงหน้าเธออยู่ในขณะนี้
“วัตถุโบราณล็อตใหม่เพิ่งขุดพบจากเมืองซีอานส่งมาให้ตรวจสอบ ฉันขอมอบให้เธอค้นคว้าหาข้อมูลว่ารูปแบบลักษณะและลวดลายที่ปรากฏเป็นของชนชั้นใด ประเมินอายุมาด้วยนะว่าก่อนยุคจิ๋นซีฮ่องเต้หรือยุคจักรพรรดิ” หัวหน้าทีมงานวิจัยซึ่งเป็นสตรีสาวรุ่นใหญ่วัยสี่สิบตอนต้นกล่าวพร้อมมองถาดตรงหน้าซึ่งภายในนั้นมีห่อผ้าวางเอาไว้
“รับทราบค่ะ!” หญิงสาวขานรับอย่างแข็งขันพร้อมเอื้อมมือรับถาดตรงหน้ามาถือเอาไว้
“เออ... วัตถุโบราณชิ้นนี้เร่งค้นคว้าไหมคะ พอดีอันอันยังมีงานค้างเก่าอยู่อีกยังทำไม่เสร็จเลยค่ะหัวหน้า” หญิงสาวถามกลับไปด้วยความอยากรู้
“พักงานเก่าเอาไว้ก่อน ชุดเกราะในยุคจิ๋นซีถูกขุดพบมากมายเต็มสุสาน ข้อมูลที่ได้รับมาก็ไม่แตกต่างจากที่มีอยู่ แต่งานที่เพิ่งมอบให้เธอรับผิดชอบ ทีมงานขุดค้นเพิ่งพบสุสานใหม่ สันนิษฐานว่าอาจเป็นของราชวงศ์ก็ได้เพราะข้าวของที่พบแตกต่างจากสุสานขุนนางหรือชนชั้นคหบดี ซึ่งยังไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกับจิ๋นซีฮ่องเต้หรือเปล่า ค้นคว้าหาข้อมูลชิ้นล่าสุดมาให้ฉันก่อนนะอันอัน” หัวหน้าทีมงานตอบกำชับกลับมา
“โอเคค่ะ อันอันเข้าใจแล้ว” หญิงสาวตอบกลับไปพร้อมฉีกยิ้มกว้างส่งให้หัวหน้างานของเธอ ก่อนจะได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยบางอย่างกลับมา
“มีอีกเรื่องที่ฉันลืมบอกเธอไป” หัวหน้างานกล่าวพร้อมทอดสายตามองลูกน้องในสายงาน
“อะไรเหรอคะหัวหน้า” หญิงสาวถามกลับไปทันทีด้วยความสงสัย
“ผลงานการค้นคว้าและวิจัยของเธอเท่าที่ผ่านมาถือว่าแม่นยำและถูกต้องมากที่สุดเลย ฉันพอใจในการทำงานและความทุ่มเทของเธอมากเลยนะอันอัน เดี๋ยวช่วงบ่ายไปรายงานตัวที่ห้องพัฒนาบุคลากร ฉันเซ็นคำสั่งบรรจุให้เธอเป็นเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์วิจัยค้นคว้าของที่นี่ให้แล้ว”
ใบหน้าหวานของสาวน้อยวัยยี่สิบเอ็ดปี มีอาการชะงักงันเมื่อได้รับข่าวดีจากปากหัวหน้างานของเธอ หญิงสาวไม่คาดคิดเลยว่าจะได้รับการบรรจุเข้าเป็นเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์วิจัยภายในเวลาเพียงแค่หกเดือนเท่านั้น
“จะ... จริงเหรอคะหัวหน้า!” หญิงสาวถามย้ำกลับไปเพื่อความแน่ใจ
ใบหน้าของผู้สูงวัยกว่าพยักหน้าติดต่อกัน พร้อมคลี่ยิ้มด้วยความเอ็นดูส่งกลับมา
“ฉันจะไปหลอกเธอทำไมอันอัน ตรงกันข้ามมันเป็นเรื่องจริง คนมีความสามารถและมีพรสวรรค์แบบนี้ ดูงานชิ้นไหนไม่เคยพลาดเลยว่าเป็นของจริงหรือของปลอม คนอื่นยังต้องใช้เวลาค้นคว้าอยู่เป็นนาน ตรงกันข้ามถ้าวัตถุโบราณชิ้นไหนอยู่ในความรับผิดชอบ ไม่เคยประเมินอายุผิดพลาดมิหนำซ้ำยังล่วงรู้ว่ามาจากยุคสมัยใดอีกด้วย”
และนั่นทำให้หญิงสาวยิ้มกว้างด้วยความดีใจอย่างสุดขีด ที่เธอได้งานมั่นคงเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งเป็นหลักประกันของชีวิตตัวเองได้เป็นอย่างดีพอจะเชิดหน้าชูตาตระกูลจางได้ขึ้นมาบ้าง ไม่ต้องดิ้นรนไปหางานพิเศษทำเพื่อเลี้ยงดูตัวเองอีกต่อไป
แต่ถ้าจะทิ้งงานพิเศษดังกล่าวก็ทำไม่ได้เพราะงานดังกล่าวทำให้จางเพ่ยอันมีรายได้นำมาจับจ่ายจิปาถะได้อย่างสบายโดยไม่เดือดร้อนแม้แต่น้อย ด้วยเพราะหญิงสาวเป็นเด็กกำพร้าเติบโตในสถานรับเลี้ยงเด็ก และอยู่เผชิญโลกใบนี้เพียงตามลำพัง ไร้ญาติขาดมิตรนับตั้งแต่ลืมตาดูโลกใบนี้
“อันอันดีใจจังเลยค่ะหัวหน้า! ที่ได้บรรจุเข้าทำงานที่นี่! หนู... หนู... ดีใจจนทำอะไรไม่ถูกเลย” หญิงสาวเอ่ยด้วยความรู้สึกที่ยากเกินกว่าจะบรรยาย
ในขณะที่หัวหน้างานรุ่นใหญ่นั่งอมยิ้มด้วยความดีใจแทนเด็กสาวไม่แพ้กัน
“ฉันภูมิใจในตัวเธอจริงๆ นะอันอัน นี่คือผลของความตั้งใจและมานะพยายาม คนมีพรสวรรค์และเก่งๆ แบบนี้ต่อไปก็จะก้าวเดินได้อย่างมั่นคงและเติบโตแข็งแกร่งยิ่งๆ ขึ้นไป ไม่ต้องน้อยใจในโชคชะตาที่ผ่านมา นับตั้งแต่นี้ต่อไปจงกำหนดโชคชะตาของเราเองนะจางเพ่ยอัน” หัวหน้างานสาวใหญ่เอ่ยชื่อแซ่ของหญิงสาวเน้นหนัก
หญิงสาวพยักหน้าขึ้นลงติดๆ กันครั้นได้ยินเช่นนั้น
“อันอันจะจดจำคำสั่งสอนของหัวหน้าเอาไว้อย่างขึ้นใจเลยค่ะ ขอบพระคุณหัวหน้ามากค่ะ” เธอกล่าวพร้อมก้มศีรษะคำนับผู้อาวุโสกว่าด้วยความเคารพ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความปิติยินดีอย่างเห็นได้ชัด
ร่างระหงของหญิงสาวค่อยๆ ลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อนจะล่าถอยออกจากห้องทำงานส่วนตัวของหัวหน้างาน โดยมีสายตาของผู้สูงวัยกว่ามองตามหลังด้วยความเอ็นดูนาง