หวนคืน/2

1841 คำ
ในขณะเดียวกัน ฮั่นจง เมืองหน้าด่านชายแดนแคว้นฉิน ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความวิตกของรองแม่ทัพ บ่งบอกสถานการณ์ตอนนี้ได้เป็นอย่างดีว่าภายในเวลานี้ กำลังทหารที่กระจายไปทั่วบริเวณค่ายทหารและกระจายออกเป็นวงกว้างจนไปถึงฮั่นจง ซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านของชายแดนแคว้นฉิน ข่าวการหายตัวไปของแม่ทัพปีศาจผู้เลื่องลือไปทุกสารทิศ เริ่มจะปิดเอาไว้ไม่อยู่เสียแล้ว ตลอดสามวันที่ผ่านมา กำลังทหารกระจายค้นหาแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นฉินแทบพลิกแผ่นดินเลยก็ว่าได้ ตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน หมุนเวียนสลับเวรผลัดเปลี่ยนกันค้นหาอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางดวงตาที่เต็มไปด้วยความกลัดกลุ้มของรองแม่ทัพคนสนิท จนมิยอมเอ่ยถ้อยเจรจาใดๆ ออกมาเลยตลอดระยะเวลาที่องค์ชายอิ๋งหยางทรงหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย หากทรงไม่ปรากฏพระวรกายตลอดกาล ขวัญและกำลังใจของทหารมิเหลือสิ้นเป็นแน่แท้ ท่ามกลางคบไฟที่กำลังเริ่มจุดให้แสงสว่างขึ้นมาอีกครา เมื่อแสงแห่งดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า ก้าวเข้าสู่เวลาแห่งรัตติกาลมาเยือน ท้องฟ้าสีครามเบื้องบนเริ่มสลัว ความมืดเริ่มคืบคลานปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ ทันใดนั้นเอง “ท่านรองแม่ทัพ!” เสียงทหารรักษาการณ์ดังขึ้นพร้อมก้าวเดินนำหน้าร่างบุรุษวัยประมาณห้าสิบต้นๆ เดินตามหลังมาติดๆ รองแม่ทัพหนุ่มหันกลับไปทางเสียงเรียกพลางเพ่งมองคนที่เดินตามหลังทหารรักษาการณ์มาอย่างกระชั้นชิด “เจ้าเองหรอกรึ!” เสียงนั้นถามกลับไปราวกับว่ารู้จักชายผู้นั้นเป็นอย่างดี “มีอะไรเหรอถึงมาหาข้าในค่ายทหาร” รองแม่ทัพถามกลับไปด้วยความแปลกใจ ชายสูงวัยซึ่งเป็นช่างทำเครื่องประดับยิ้มออกมาบางๆ พลางยื่นสิ่งที่อยู่ในมือส่งให้รองแม่ทัพแห่งแคว้นฉิน “ปิ่นหยกที่ท่านรองแม่ทัพสั่งให้ข้าน้อยทำขึ้น ตามพระบัญชาขององค์ชายใหญ่บัดนี้เสร็จเรียบร้อยแล้วขอรับ ลวดลายที่แกะสลักบนปิ่นหยกมิทราบว่าจะถูกพระทัยหรือไม่ ขอรองแม่ทัพพิจารณาด้วยเถิด หากแม้นมิพึงพอพระทัยข้าน้อยจะกลับไปทำอันใหม่มาทดแทน” กล่าวพร้อมยื่นกล่องที่ทำจากไม้เนื้อดีทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดยาวกะทัดรัดตามความยาวของตัวปิ่นจากช่างทำเครื่องประดับส่งให้คนที่อยู่ตรงหน้า รองแม่ทัพหนุ่มยื่นมือไปรับพร้อมครุ่นคิดรับสั่งสุดท้ายซึ่งกำชับทิ้งเอาไว้ เฮ้อ!!! เสียงทอดถอนหายใจดังออกมาอย่างหนักหน่วงพร้อมกำกล่องไม้ดังกล่าวที่อยู่ในมือเอาไว้จนแน่น “คงไม่ได้ปรับเปลี่ยนแก้ไขอีกต่อไปแล้ว ขอบใจเจ้ามากที่เร่งมือจนทำปิ่นให้องค์ชายเสร็จรวดเร็วกว่าที่คิดเอาไว้ ส่วนจะทรงพึงพอพระทัยหรือไม่นั้น ข้าคิดว่าจะออกมาเยี่ยงไรล้วนพอพระทัยทั้งสิ้น เงินค่าจ้างเพียงพอหรือไม่ต้องจ่ายเพิ่มอีกมากน้อยเท่าใดจงบอกมา” ช่างทำเครื่องประดับรีบโบกไม้โบกมือไปมาเป็นการปฏิเสธทันที “ไม่ต้องจ่ายเพิ่มเลยขอรับ ที่ให้ข้าน้อยมาก็มากมายเสียนี่กระไร สามารถทำเครื่องประดับได้อีกนับสิบๆ ชิ้นเลยทีเดียว อีกอย่างหยกที่นำมาแกะสลักก็ช่างหายากยิ่งนัก โชคดีที่ท่านรองแม่ทัพนำหินหยกที่ได้มาจากการยึดครองดินแดนต้าเหลียง ขอบอกเลยว่าเป็นหยกชั้นเลิศนำมาทำเป็นเครื่องประดับงดงามทุกชิ้นเลย” ช่างทำเครื่องประดับอธิบายเสียยืดยาวก่อนจะหยุดลง เมื่อสายตาของรองแม่ทัพหนุ่มจ้องเขม็งกลับมาอย่างเบื่อหน่ายที่อาการช่างพูดชักจะมีมากขึ้นทุกขณะ “หมดธุระก็กลับไปได้แล้ว!” กล่าวพร้อมส่งสัญญาณให้ทหารรักษา การณ์นำช่างทำเครื่องประดับออกไปจากค่ายทหารดังกล่าว มือหนายกกล่องไม้ที่อยู่ในมือขึ้นมาพิจารณาอยู่เพียงครู่ พลางเลื่อนฝาด้านบนออกมาเผยให้เห็นปิ่นหยกสีขาวนวลชั้นดี ถูกแปรเปลี่ยนจากหินหยกธรรมดาจนกลายเป็นปิ่นหยกสูงค่า ส่วนหัวแกะเป็นลวดลายมังกรตัวใหญ่พันร่างตั้งแต่กึ่งกลางของตัวปิ่น ส่วนบนแกะเป็นหัวมังกรงดงามวิจิตรยิ่งนัก พลางนึกถึงถ้อยรับสั่งสุดท้ายองค์ชายของตนทรงกำชับเอาไว้ก่อนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย “ปิ่นที่ทรงมีรับสั่งให้ทำขึ้นเสร็จเรียบร้อยพ่ะย่ะค่ะ พระองค์หายไปไหนใยจึงไร้สิ้นร่องรอยเช่นนี้ สามวันผ่านมาแล้วกระหม่อมจะไปตามองค์ชายได้ที่แห่งหนใดกันเล่า” รองแม่ทัพหนุ่มยืนรำพึงรำพัน ร่างสันทัดหันกายเดินตรงไปยังทิศทางอันเป็นที่ตั้งกระโจมขององค์ชายใหญ่แห่งแคว้นฉิน ทันทีที่ก้าวเข้ามาภายในกระโจมดวงตาพลันเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนกอย่างสุดขีด เมื่อภายในกระโจมที่ประทับข้าวของเครื่องใช้ที่เคยตั้งอยู่ค่อยๆ เลือนหายไป ก่อนจะแปรเปลี่ยนกลายเป็นห้องพักในโลกยุคอนาคตเข้ามาแทนที่ และยังตื่นตะลึงมากขึ้นไปกว่าเดิมเมื่อรองแม่ทัพหนุ่มเห็นพระวรกายอันใหญ่โตขององค์ชายอิ๋งหยาง ประทับบรรทมอยู่บนเตียงนอน ท่อนพระกรเต็มไปด้วยสายระโยงรยางเต็มไปหมด ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกในคราแรกกลับแปรเปลี่ยนเป็นความดีใจเข้ามาแทนที่ “องค์ชาย!!!” เสียงร้องเรียกบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าดีใจมากแค่ไหน ทันใดนั้นเอง สายตาเหลือบไปเห็นปิ่นหยกที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงใกล้กับพระวรกายขององค์ชายอิ๋งหยางประทับบรรทมอยู่ในขณะนั้นก่อนจะหันกลับมามองกล่องไม้ที่อยู่ในมือของตน ร่างสันทัดรีบก้าวเข้าไปอย่างรวดเร็ว “อะไรกันนี่!” รองแม่ทัพเอ่ยออกมาด้วยความพิศวง ดวงตาจ้องปิ่นหยกที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงตาไม่กะพริบเมื่อพบว่าปิ่นดังกล่าวเหมือนกับที่อยู่ในกล่องไม้ซึ่งช่างทำเครื่องประดับเพิ่งนำมามอบให้มิมีผิดเพี้ยน รองแม่ทัพก้มลงมองกล่องไม้ซึ่งบรรจุปิ่นหยกที่เพิ่งนำมาส่งให้พลางเลื่อนฝาด้านบนออกหยิบปิ่นที่อยู่ในกล่องขึ้นมาพิจารณาใกล้ๆ อีกครั้ง พร้อมหันกลับไปมองปิ่นที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว มือหนาค่อยๆ วางปิ่นหยกที่อยู่ในมือลงเคียงข้างปิ่นดังกล่าว ทันทีที่ปิ่นทั้งสองมาเคียงคู่กัน “ข้าอยู่ที่ไหน!!!” สุรเสียงขององค์ชายจากโลกอดีตดังแทรกขึ้นมาโดยพลัน เปลือกตาที่ปิดสนิทตลอดระยะเวลาสามวันที่ผ่านมาบัดนี้เปิดขึ้นแล้ว ท่ามกลางความพิศวงและงุนงงเมื่อทรงทอดพระเนตรพบว่าพระองค์พำนักอยู่ในสถานที่แปลกประหลาด “องค์ชาย!!!” เสียงเรียกดีใจอย่างยิ่งยวดขององครักษ์คนสนิท องค์ชายอิ๋งหยางหันกลับไปทอดพระเนตรองค์รักษ์ส่วนพระองค์ทันทีที่ได้ยินเสียงเรียก "เจ้าเองหรอกรึ!" รับสั่งถามกลับไปสุรเสียงต่ำแทบจะไม่ได้ยิน โดยที่มิทันสังเกตว่าองครักษ์ของพระองค์บัดนี้ยืนแข็งทื่อแน่นิ่งไม่ไหวติงไปเสียแล้ว ทันทีที่ทรงหันกลับมาทอดพระเนตรด้วยพระสติและพระอาการบาดเจ็บบรรเทาเบาบางลงเกือบจะกลับมาเป็นปกติ แตกต่างก่อนหน้านั้น องค์ชายหนุ่มทรงทอดพระเนตรไปทั่วห้องพักในยุคอนาคตอย่างละเอียดถี่ถ้วน ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ปิ่นหยกซึ่งมีรูปร่างและลวดลายแกะสลักตรงกันทุกประการแต่กลับมีสองอันราวกับฝาแฝด หากแต่เพียงครู่พระเนตรพลันต้องเบิกกว้างขึ้นมาทันที เมื่อปิ่นหยกที่ขุดพบภายในสุสานแห่งใหม่ค่อยๆ สูญสลายหายไปอย่างช้าๆ คงเหลือแต่เพียงปิ่นหยกที่ถูกสั่งทำขึ้นตามพระบัญชาขององค์ชายในยุคอดีตหลงเหลืออยู่เพียงอันเดียวเท่านั้น ทันใดนั้นเอง ติ๊ด! เสียงคีย์การ์ดทาบทับเพื่อปลดล็อกประตู ติดตามด้วยร่างระหงของสตรีสาวและเสียงของเพื่อนร่วมงานดังไล่หลังตามติดมา บุรุษจากอดีตกาลหันกลับไปมองทิศทางของประตูห้องพักอย่างพร้อมเพรียงกัน “เจอกันพรุ่งนี้นะอันอัน!!!” เสียงหัวหน้าทีมวิจัยดังอยู่นอกห้องพัก “แล้วเจอกันพรุ่งนี้ค่ะหัวหน้า” หญิงสาวส่งเสียงตอบกลับไปพร้อมก้าวเดินเข้าไปภายในห้อง พระวรกายขององค์ชายจากอดีตค่อยๆ เลือนหายไปจากห้องพักในยุคอนาคตอย่างช้าๆ ในขณะที่พระองค์พยายามที่จะลุกขึ้นเพื่อทอดพระเนตรสตรีที่ช่วยชีวิตตลอดสามวันที่ผ่านมา “วันนี้อาการท่านแม่ทัพเป็นยังไงบ้างนะ... ยังมีไข้อีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ จะรู้สึกตัวขึ้นมาบ้างหรือยัง” จางเพ่ยอันเอ่ยออกมา ทันทีที่ก้าวเข้ามาภายในห้อง ในขณะที่องค์ชายอิ๋งหยางพยายามพยุงพระวรกายลุกขึ้นนั่ง พระหัตถ์ยื่นออกไปราวกับว่าพยายามจะไขว่คว้าเจ้าของเสียงที่ทรงได้ยินอยู่ในขณะนี้ “นะ... นาง... อันอัน!” สุรเสียงรับสั่งชื่อเล่นของหญิงสาวออกมาอย่างแหบแห้ง พร้อมพระวรกายเลือนหายลับไปจากโลกยุคอนาคตทันที โดยมิทันแม้แต่จะได้พานพบหน้าเจ้าของชื่อที่พยายามเพรียกหานาง ในขณะที่เจ้าของชื่อดังกล่าวก้าวเข้ามาภายในห้องพร้อมข้าวของพะรุงพะรังเต็มสองมือ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเมื่อเธอเพิ่งซื้อเสื้อผ้าของบุรุษซึ่งมีขนาดพอดีตัวกับองค์ชายในยุคอดีต นำมาผลัดเปลี่ยนให้กับพระองค์ “ท่านแม่ทัพ!!!” หญิงสาวเรียกหาบุรุษจากโลกอดีตซึ่งเธอเฝ้าปรนนิบัติและคอยดูแลตลอดระยะเวลาหลายวันที่ผ่านมาจนเริ่มรู้สึกคุ้นชินกับพระองค์ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มเมื่อครู่ที่ผ่านมาเลือนหายไปโดยพลัน ดวงตาคู่สวยกวาดสายตาไปทั่วบริเวณ ภายในห้องไม่ปรากฏร่างบุรุษสูงใหญ่นอนอยู่บนเตียงแต่อย่างใด ผ้าห่มส่วนตัวของเธอที่นำมาคลุมร่างใหญ่ก็เลือนหายไปเช่นเดียวกัน รวมไปถึงราวอเนกประสงค์ที่ใช้แขวนขวดยาและถุงน้ำเกลือ รวมไปถึงกระเป๋าผ้าที่เต็มไปด้วยตัวยารักษามากมายสำหรับองค์ชายหนุ่ม ทุกสิ่งวางอยู่ในตู้ข้างเตียง กลับเลือนหายไปจากห้องนี้ทั้งหมดอย่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก สิ่งที่หายไปจากห้องพักของหญิงสาวมิได้ทำให้เธอรู้สึกตื่นตกใจแต่อย่างใด ด้วยล่วงรู้แน่ชัดว่าช่วงเวลาของยุคอดีตและอนาคตที่ซ้อนทับกันอยู่ได้เลือนหายไปพร้อมคนในโลกอดีตหวนคืนกลับไปในยุคที่จากมาดั่งเดิม “ท่านแม่ทัพกลับบ้านแล้ว” จางเพ่ยอันรำพึงออกมาเบาๆ ความรู้สึกที่เรียกว่าใจหายปรากฏขึ้นมาทันที
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม