ตอนที่ 4 มาอยู่กับพวกเราสิ
“เฮ้ย นั่นมันยัยนั่นไม่ใช่หรอวะ ทำไมมาอยู่กับผู้จัดการ”
ทรอยที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับโดยมีพี่ชายขับรถให้นั่งมองผ่านกระจกรถขณะที่เขากำลังจดรถหน้าคลับ เพื่อเข้ามาที่คลับของตัวเอง และใช่ทรอยเห็นตอนแชมเปญรับเงินจากผู้จัดการคลับของเขา
ด้วยความสงสัยและสอดรู้สอดเห็น ทรอยรีบลงจากรถ ตรงดิ่งไปหายัยชีทเรียนของเขาโดยมีเทรย์เดินตามไปติดๆ
“ยัยชีทเรียน”
“ยัยเด็กเอ็นฯ”
พวกเขาพูดขึ้นมาพร้อมกันและหันมองหน้ากัน เช่นเดียวกับแชมเปญที่หันตามเสียงเรียกไปโดยอัตโนมัติ ให้ตายเถอะทำไมต้องหันด้วยทั้งที่ไม่ใช่ชื่อเธอสักหน่อย หญิงสาวคิดในใจกลางมองพวกเขาสลับกับผู้เป็นพ่อ
สองแฝดมองหน้ากันและงงว่าพวกเขารู้จักผู้หญิงคนเดียวกันแต่เรียกเธอคนละแบบ ไม่สิ พวกเขาไม่เคยถามชื่อจริงๆ ของเธอด้วยซ้ำ เหมือนไม่ได้อยู่ในระดับที่เขาอยากรู้จักสินะ แชมเปญได้แต่ยิ้มแห้งให้กับเหตุการณ์ตรงหน้า
เทรย์พี่ชายเอ่ยก่อนด้วยความปากไม่ดีของเขา
“ไหงมาอยู่นี่ได้ล่ะ แล้วบอกไม่ได้ขายตัว อยากมาสมัครขายตัวรึไง”
น้ำเสียงค่อนขอดกับสีหน้ามองเหยียดขั้นสุด แต่ก็น่าโมโห ที่วันก่อนเขาอยากเอาเธอแทบตายเธอกลับไม่ยอม ทีแบบนี้จะมาสมัครงานกับผู้จัดการงั้นรึ เหอะ ยัยเด็กเอ็นฯ
“เปล่าสักหน่อยค่ะพอดีว่าฉัน…”
“เป็นเมียน้อยผู้จัดการหรอ”
ไอ้เจ้าคนน้องนี่ก็โพล่งคำพูดออกมาแบบไม่คิด ถึงแม้หน้าตาจะยิ้มแย้มอยู่เสมอ แต่คำพูดคำจานี่ไม่ได้ต่างกับไอ้พี่ชายของเขาเลย เป็นแฝดนรกของจริงไม่ต้องสงสัย
“เฮ้อออ”
“คนนี้พ่อฉันค่ะ”
หญิงสาวถอนหายใจแล้วมองหน้าทั้งสองคนสลับกันอย่างเหนื่อยหน่าย แค่ชีวิตเธอนี่ยังวุ่นวายไม่พอหรือไงนะ ทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย ป่วยการจะอยู่สนทนาให้เสียเวลา เอาเวลาไปคิดดีกว่าว่าคืนนี้จะไปซุกหัวนอนที่ไหน
เธอเดินเลี่ยงสองแฝดออกมาทันที เพราะไม่อยากต่อปากต่อคำ
“เดี๋ยว ยัยชีทเรียน/ยัยเด็กเอ็น”
สองเสียงเรียกเธอขึ้นมาพร้อมกัน และเดินตามเธอมาที่ลานจอดรถของคลับหรู มือเล็กถูกคว้าข้อมือไว้ด้วยมือหนาของทั้งคู่เพียงแต่มันเป็นคนละข้างกัน น่าแปลกที่สองคนนี้มักจะทำอะไรเหมือนๆ กัน แต่อย่างว่าแหละ ฝาแฝดอะเนาะ
“มีอะไรอีกคะ”
เธอตอบกลับหน้าเซง แค่ปัญหาของตัวเองยังไม่รอดเลย นี่พวกเขายังจะตามมากวนประสาทเธออีกทำไมก่อน เอาเวลาเถียงกับพวกนี้ไปหาที่ซุกหัวนอนคืนนี้ก่อนดีมั้ย พ่อก็ให้มาแค่สามพันเอง ฮืออ
“ขอโทษๆ ที่ว่าเธอเป็นเมียน้อยผู้จัดการน่ะ”
คนน้องพูดอย่างออดอ้อนและหน้าตากระเง้ากระงอดของเขามันช่างน่ารักน่าเอ็นดู
“แล้วนี่จะไปไหน ให้ไปส่งมั้ย”
เทรย์เองก็แอบรู้สึกผิดที่พูดจาค่อนขอดเธอ เลยแอบถามเธอเผื่อมีอะไรให้ช่วยได้บ้าง เขาเป็นคนฉลาดมองปราดเดียวก็รู้ว่าผู้จัดการไม่ได้สนใจลูกสาวคนนี้สักเท่าไหร่ เพราะเขาให้เงินไม่กี่พันแล้วเดินเข้าคลับไปโดยที่ไม่สนใจเธอด้วยซ้ำ นี่มันก็เริ่มค่ำแล้วด้วย
ไม่รอให้ตอบ ทรอยก็ดันสาวน้อยขึ้นรถ แล้วตัวเองกับพี่ชายก็ขึ้นตามมาทันทีก่อนจะสตาร์ทรถออกไปจากตรงนั้น ทิ้งเครื่องหมายคำถามไว้บนใบหน้าของแชมเปญ
“แล้วเธอจะไปไหนเอ่อ ยัย…”
“แชมเปญค่ะ”
เธอเดาออกว่าสองคนนี้ไม่รู้แม้กระทั่งชื่อเธอ คนตัวเล็กเลยชิงพูดขึ้นก่อนที่พวกเขาจะได้เอ่ยถามขึ้นมา
“ชื่อน่ากินดีนิ”
คนพี่มองเธอแล้วกระตุกยิ้มมุมปากผ่านกระจกมองหลัง หญิงสาวไม่มีอารมณ์ต่อล้อต่อเถียงได้แต่เบือนหน้าหนีไปอีกทาง
“แล้วสรุปจะไปไหน เดี๋ยวไปส่ง”
คนพี่พูดเสียงเข้มพร้อมกับขยับแว่นตาหนึ่งที
“ไม่รู้สิคะ ห้องเช่าเล็กๆ มั้ง ฉันไม่มีที่ไป เพราะไม่รู้ว่าแก๊งทวงหนี้จะมาทวงเงินฉันเมื่อไหร่ ที่บ้านฉันก็อยู่คนเดียว ฉันกลัว พอจะมาพึ่งพ่อ พ่อแท้ๆ ก็ปฏิเสธ”
เธอพูดขึ้นมาอย่างสุดกลั้นพรางสายตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างรถ เทรย์ที่มองเธอผ่านกระจกมองหลัง ทรอยที่หันมามองเธอจากเบาะข้างคนขับพวกเขารู้สึกถึงบรรยากาศน่าสงสารของผู้หญิงคนนี้
ผู้หญิงที่ตื่นกลัวตลอดเวลา คงจะจริงเรื่องที่เธอบอกว่ากลัว พวกเขาไม่ได้ถามต่อว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเธอ เพราะถ้าให้เธอเล่ามันคงไม่จบแค่การเล่า ร่างบางกำลังสั่นสะท้านรับชะตากรรมของตัวเองอยู่ ขืนเล่ายัยนี่ได้ร้องไห้ออกมาแน่
“นี่ถ้าเธอไม่ติดไปพักที่คอนโดของพวกเรามั้ย ที่นั่นมี 3 ห้องนอน”
ทรอยเสนอไอเดียที่คนฟังอย่างแชมเปญถึงกับตกใจ และพี่ชายของเขาเองก็ตกใจไม่ต่าง
“อะไรของมึงไอ้ทรอย ยัยนี่เป็นผู้หญิงแถมยัง…”
เทรย์มองเธอผ่านกระจกอย่างพินิจ ได้ที่ไหนเล่าแค่เห็นหน้าเธอเขาก็ตื่นตัวอย่างบอกไม่ถูกแล้ว และเจ้าน้องชายฝาแฝดของเขาเองก็คงไม่ต่าง ถ้าให้ไปอยู่ด้วยมีหวัง…
ถึงแม้จะกินผู้หญิงคนเดียวกันมาตลอด แต่ต้องเป็นผู้หญิงที่เขาเต็มใจเท่านั้นซึ่งมองยังๆ ยัยนี่ก็…
“จะดีหรือคะ”
เธอเงยหน้าขึ้นมาถามสองแฝดอย่างกระตือรือร้นผิดจากที่เทรย์คาดไว้ น่าจะเป็นประเภทอ่อนต่อโลกสินะ
“พวกฉันไม่ค่อยได้นอนที่คอนโดนั้นหรอก นอนที่บ้านพ่อแม่บ้าง บ้านเพื่อนบ้างไม่ก็โรงแรม ส่วนคอนโดซื้อไว้หลายที่ จะค้างหรือไม่แล้วแต่อารมณ์”
คนพี่พูดขึ้นมาเสียงเข้มพร้อมกับมองหาทางหนีทีไล่เพื่อกลับรถไปที่คอนโดของพวกเขา
“นั่นสิ แล้วเงินที่พ่อให้เธอเมื่อกี้ ก็ควรเก็บไว้กินข้าวกินดีกว่าไปเช่าห้องที่อื่น”
ใช่ คนน้องพูดมีเหตุผลมาก ลำพังแค่ซื้อกับข้าวกินแต่ละวันจะพอมั้ย สามพันบาทเนี่ย ถ้าต้องเจียดเอาไปเช่าห้องอีกเธอคงต้องอดตายไปทั้งแบบนั้น แชมเปญคิดว่าไม่มีอะไรจะเสียแล้ว
เธอจึงตกลงไป และคิดว่าจะขออาศัยไม่นาน