บทที่ 1 แมวตัวใหญ่กับใครคนนั้น

2086 คำ
บทที่ 1 แพรพิณสาวสวยประจำชั้นปีที่สามจ้ำอ้าวจนเท้าเป็นระวิง ผมสลวยถูกรวบเป็นมวยปมเอาไว้ข้างหลังเนื้อตัวเธอมีเสื้อกาน์วทับเสื้อช็อปสีขาว กระโปรงทรงพลีททำให้เธอกระฉับกระเฉงไม่ต่างจากเพื่อนร่วมชั้น ในช่วงต้องไขว่คว้าหาความรู้หลายชีวิตกรูกันประชิดตัวอาจารย์เพื่อดูดความรู้ที่ท่านกำลังพ่นออกมาน้ำไหลไฟดับ ใบหน้าไร้เครื่องประทินโฉมทว่ายังผิวดีจนน่าอิจฉา คณะที่เธอเลือกเรียนคือที่หมายปองของเด็กสอบเข้า ทั้งมีเกียรติ ศักดิ์ศรีและเลื่องชื่อลือชาว่าเรียนยากอันดับต้นๆของประเทศ เธอกำลังรีบเร่งเดินตามอาจารย์ฉายฉัตรอาจารย์หมอภาควิชาแพทยศาสตร์ ผู้มีชื่อเสียงด้านการวิจัยค้นคว้าเรื่องเกี่ยวกับโรคต่างๆ รวมไปถึงการยับยั้งโรคมะเร็งเม็ดเลือดที่เป็นข่าวใหญ่ฮือฮาเมื่อไม่นานมานี้ด้วย ขณะที่กำลังรีบเร่งฉันก็เผลอไปสบเข้ากับดวงตาคมกริบนั่น เขาเพียงแค่เดินสวนมาเฉียดให้พวกเราเคารพแล้วจากไปทิ้งไว้เพียงกลิ่นน้ำหอมเฉพาะตัวเจือจาง แม้ฉันพยายามสูดมันให้มากที่สุด ทว่าลมและกลิ่นแอลกอฮอล์ดันกลบมันไปรวดเร็วเหลือเกิน ขณะคนที่เราแอบรักเดินผ่าน ฉันไม่กล้ามองหน้าเขาเลยด้วยซ้ำ ใบหน้าเย็นชาราวเจ้าหญิงน้ำแข็ง ยังทรงเสน่ห์ ดวงตาเขาฉันไม่เคยอ่านออกเลยสักครั้ง ความสูงของเขาทำให้ฉันนึกถึงนางแบบในปกนิตยสารหน้าเก๋ เพียงเสียงรองเท้าเขาเดินผ่านฉันประสาทสัมผัสทุกส่วนของฉันตื่นตัวเสมอเมื่อเจอเขา อาจารย์หมอเจ้านางเป็นผู้หญิงเหมือนกับฉัน ฉันรู้ว่ามนแปลกแต่คงเพราะร่างกายไม่ได้สร้างเพื่อเพศตรงข้ามกระมัง ไม่รู้สิมันเป็นไปเองโดยอัตโนมัติ เพราะเวลาเจอผู้ชายหล่อฉันจะเฉยๆ แต่พอเห็นเขาฉันจะตระหนก และทำตัวเป็นยัยเจ๋อ ยิ่งพยายามทำตัวเรียบร้อยกลับทำความเสียหายให้ทุกอย่างที่ขวางหน้า ฮื่น...แพรพิณจะบ้าตาย จนบางครั้งอาจารย์หมอเจ้านางดุฉัน ด้วยคำพูดที่ทำให้ฉันนอยด์หลายวัน ‘ซุ่มซ่ามขนาดนี้ ใครให้เธอมาเรียนหมอหืม! ลืมกรรไกรไว้ในท้องผู้ป่วยจะทำยังไง’ อาจารย์ชอบพูดแบบนี้ประจำเลย แม้เขาจะว่าฉันกระนั้นคำปรามาสต่างๆ นานา ยังไม่สามารถทำลายคำว่าชอบของฉันที่มันแข็งแกร่งมาแต่ต้นได้เลย ด่าก็ด่าไปเถอะ ‘จะรักใครจะทำไม’ ฉันก็กล้าพูดมันแค่ในใจเท่านั้นแหละ เพราะความเป็นจริงขนาดสบตาเขาฉันยังไม่กล้า ฉันคิดอะไรเพลินจนกลายเป็นรั้งท้ายเพื่อน อาจารย์หมอที่สวยที่สุดในความทรงจำฉัน เขาก็เดินผ่านไปแล้วไม่ได้มีปฏิกิริยาใดๆ ไม่เหมือนฉันที่แอบขวยเขินจนตัวม้วน ถ้าให้เท้าความว่าฉันทำไมถึงชอบเขามันคงเป็นตอนนั้นล่ะนะ ตอนที่ฉันอยู่ปีหนึ่งวันปฐมนิเทศนักศึกษา ระหว่างทางจะเข้าหอประชุมฉันเห็นเจ้าแมวตัวโตสีเทาขึ้นไปบนต้นไม้แล้วลงไม่ได้ ฉันพยายามหาทางช่วยมัน วันนั้นฉันพยายามช่วยมั่นแต่เพราะใส่ทรงเอจึงปีนไม่ได้ ยื่นบ่นแมวอยู่หลายนาที อยู่ๆแลมโบกีนีสีขาวก็จอดกลางถนน แล้วเขาก็อุ้มฉันในท่านยืน เป็นจังหวะที่ทั้งงง ตกใจ และสับสนฉันไม่กล้าร้องสักแอะ ใจเต้นตึกๆ จนมันเกือบกระดอนออกมา “รีบเอามันลงมาสิ นิ่งอยู่ได้” เจ้านางเอ่ยเรียบๆ พร้อมเงยหน้าสบตาอีกฝ่ายที่ตนอุ้ม “คะ ค่ะ” แพรพิณรีบคว้าแมวตัวโตนั่นทันที และเมื่อได้มันมาไว้ในอ้อมกอด ร่างบอบบางก็ถูกวางลงบนพื้นถนนอย่างเดิม “แมวเราเหรอ” เจ้านางถามนักศึกษาตัวเล็กตั้งแต่หัวจรดเท้า ...ก็น่าจะเป็น “พึ่งเข้าปีหนึ่งใช่ไหม?” แพรพิณเองไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อนดี ยังมองหน้าคนที่ถือวิสาสะอุ้มเธอทั้งที่ยังไม่รู้จักกันเลยด้วยซ้ำ แม้จะเป็นผู้หญิงด้วยกันก็เถอะ แต่เธอก็ชอบผู้หญิงนี่นา…แน่นอนว่าเธอต้องหวงตัว “ไม่ใช่แมวหนูค่ะ แต่คุณรู้ได้ยังไงว่าหนูอยู่ปีหนึ่ง” “การแต่งตัว” คนตัวสูงเผลอจัดแจงความเรียบร้อยของคนแปลกหน้า โดยเฉพาะทรงผมที่ยุ่งเหยิง “ไม่เข้าหอประชุมรึไง อ้อ!! ถ้าไม่ใช่แมวตัวเองครั้งหน้าก็ห้ามจับนะ!! เจอเชื้อพิษสุนัขบ้าขึ้นมามันอันตราย” แล้วเขาก็จากไปพร้อมกับความค้างคาของฉัน “โอ๊ย! นี่แกข่วนฉันทำไม” ทำคุณบูชาโทษโคตรๆ ไอ้แมวตัวโตดันข่วนฉัน “งื๊อ...” ปัจจุบัน ฉันตกหลุมรักเขาตั้งแต่นั้น ตกหลุมรักตั้งแต่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะมาเป็นอาจารย์สอนฉัน เขาเป็นผู้หญิงที่แข็งแรง ตัวหอม และคงอยู่ชนชั้นที่ต่างออกไปจากฉันชัดเจน ยิ่งมองยิ่งไกลเกินเอื้อม ฉันก้มหน้าก้มตาเดินต่อ... เจ้านางเดินผ่านนักศึกษาแพทย์ตัวป่วน บุคคลที่เจอทีไรเป็นต้องมีข้าวของพังกระจาย นึกไปก็ตลกจนขำออกมาโดยไม่รู้ตัว ยกตัวอย่างเช่นเจอเธอคนนั้นที่ร้านสะดวกซื้อโดยบังเอิญช่วงปิดเทอม พอเห็นหน้ากันปั๊บถุงหูหิ้วที่ ยัยนั่นถืออยู่ก็ร่วงลงจากมือ ที่สำคัญมันหล่นลงมาทับเท้าอาจารย์สาวจนต้องกระโดดเหย่งๆ เจอคำขอโทษประจำจนชินหู เธอคงละอายสินะที่เห็นหน้ากัน ‘ก็ตลกดี...ไม่เคยพบเคยเจอ’ ฉันเดินมายังตึกผู้ป่วยเพราะอยากมาเยี่ยมใครบางคน คนไข้โคตรพยศไม่มาหาหมอจนได้เรื่อง ในที่สุดก็อาการหนักจนต้องหามส่งโรงพยาบาลและที่นี่คงใกล้มหาลัยสุดๆ แล้วมั๊ง “Hi! ตายรึยัง อุ๊ย!! ยังไม่ตายเสียดายจังงงงงงงง” สาบานว่านี่คือการทักทายผู้ป่วย เจ้าจอมมองพี่สาวด้วยแววตาระอา นับว่านี่คือคำทักทายแสนปกติของคนบ้านนี้ ไม่สิเป็นคำทักทายที่พี่สาวมีต่อน้องสาวเท่านั้นต่างหาก อิพี่เวร ใบหน้าเจ้าจอมบอกออกมาแบบนั้น แต่ยังไม่พูดไม่จา “ไหนเป็นอะไรมึงอะ บอกพี่มาสิ” “อย่ามาหยาบใส่กูนะนาง” เจ้าจอมบอกพี่ทั้งที่การหายใจผิดปกติ “เอ๊า!! ยังมีแรงด่ากูอีก WTF มากนะคะ น้องสาวสุดที่รัก” เจ้านางมองหน้าน้องสาวพร้อมคว้าโน๊ตบุ๊คข้างเตียงมาแล้วเชื่อมไวไฟ มาวิดีโอคอลหาปลายทางที่เขาสองคนก็รู้ว่าคือใคร [เจ้าจอมของแม่เป็นยังไงบ้างลูก] เสียงมารดาบังเกิดเกล้าดังพร้อมใบหน้าเป็นห่วงเป็นใยสุดซึ้ง “เป็นแค่...ไข้ค่า จอมแข็งแรงจะตาย ไม่เจ็บอะไรมากมาย” เจ้าจอมบ่นอุบ [ดูแลตัวเองนะลูก พ่อเป็นห่วง] พ่อเบียดตัวเข้ามาในจอด้วยเช่นกัน “พ่อไม่ต้องห่วงนะคะ เดี๋ยวนางจะดูแลน้องเอง” มีความตอแหลอยู่ในหน้าเจ้านางเต็มๆ “จุ๊บ!! เห็นไหมนางโคตรจะรักน้องเลย” เจ้านางกอดน้องสาวและหอมแก้มโชว์พ่อกับแม่ซะ “อี๋..........อย่ามาหอมแก้มกูนะ รังเกียจ แอะๆ ถุ้ย” เจ้าจอมถูกแก้มอย่างแรง “พ่อดูสิ จอมดุนางอีกแล้ว แต่ไม่เป็นไรนางทนได้” มีความกระซิกๆ อ้อนพ่อกับแม่ ด้วยมารยาแปดล้านเล่มเกวียน “พ่อกับแม่ต้องยกมรดกให้นางหมดเลยนะ ไม่ต้องให้จอมหรอก จอมมันใจร้าย” ฮี่ๆ ๆ แกล้งนิดๆ หน่อยๆ ก็เอา “พ่อเชื่อเหรอ จอมว่าพี่นางมันโคตรตอแหลเลยอะ” เจ้าจอมฟ้องพ่อรัวๆ [พ่อกับแม่ว่าเราสองคนไม่น่าจะเป็นไรมากนะ พ่อเห็นเราสองคนน่ารักกันแบบนี้ค่อยโล่งอกหน่อย] เพราะรู้ว่าเจ้านางชอบแกล้งเจ้าจอมเป็นทุนเดิม พ่อเลยอดขำไม่ได้ที่จะเห็นลูกสาวกลมเกลียวกันในแบบที่พวกเขาเป็น ทั้งคู่นั้นชอบเล่นกันแรงๆแต่โกรธกันได้ไม่นาน [แม่กับพ่อไปละนะ ฝากเจ้านางดูแลน้องดีๆ ด้วยนะลูก] รอยยิ้มเต็มเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยน จอดับลงไปพร้อมกับรอยยิ้มร้ายกาจของพี่สาว เจ้าจอมรู้ดีว่ามันต้องเกิดอะไรสักอย่าง ยิ้ม...นี้มันต้องทำในสิ่งที่โคตรเลวร้ายแน่ๆ แอ๊ด.....ได้เวลาให้ยาแล้ว...สิ “สวัสดีค่ะพี่ภาค พี่ภาคเป็นเจ้าของไข้น้องสาวนางเหรอคะ” เจ้านางถามพี่หมอภาคหรือทัศภาคซึ่งเป็นอาจารย์คนละวิชา เธอรู้จักเขาเพราะงานอบรมอะไรสักอย่าง และรู้มาอีกว่าฝ่ายนั้นชอบตนมากอีกด้วย เจ้านางรีบโปรยยิ้มบาดใจจนชายหนุ่มนิ่งงัน “ครับ อ้อ...นี่น้องเจ้านางเองเหรอครับ มิน่านามสกุลคุ้นๆ” “ใช่ค่ะ นี่น้องนางเอง ชื่อเจ้าจอม” เจ้านางยิ้มหวานให้น้องสาว ส่งสัญญาณให้คนมือแข็งทำตัวดีๆหน่อย “สวัสดีค่ะ” เจ้าจอมรีบปรนตไหว้ “น้องสวยเหมือนนางเลยนะเนี๊ย” หมอภาคเอ่ยเอาใจ แค่คงไม่รู้ว่าเจ้าจอมเคืองหูโคตรๆ แต่ยังนิ่งมองพฤติกรรมขี้อ่อยของพี่สาว “ของคุณค่ะ นี่ยาของจอมใช่ไหมคะ เดี๋ยวนางฉีดให้น้องเองนะ” ฉันมองเจ้าจอมอย่างมีเมตตา “พี่ภาคไปหาคนไข้คนอื่นต่อเถอะค่ะ” “เอางั้นเหรอครับ” ชายหนุ่มยังลังเล แต่คนไข้ในมือก็แทบล้น ไหนจะต้องพานักศึกษาราวน์วอร์ดอีก “ค่ะ อาการจอมดีขึ้นแล้ว พูดได้แล้ว คงไม่เป็นอะไรมากแค่ให้ยานางรับช่วงแทนก็ได้” เจ้านางหลับตาส่งวิ๊งค์ให้อีกฝ่ายจนรับรู้ว่าทัศภาคหายใจติดขัด อาการขัดเขินชัดจนอ่านออกง่ายดายเสียเหลือเกิน “งั้นพี่ไปนะครับ วานเจ้านางรับเคสต่อด้วย” ทันทีที่ทุกคนออกไปหมด เจ้านางก็เดินอย่างสง่าไปหาเข็มฉีดยา แค่ฉีดให้สบายมาก โดสยาก็เต็มเข็มอยู่แล้วไม่ต้องทำอะไรเยอะแยะ เจ้าจอมเป็นคนที่ดื้อมากถึงมากที่สุด ป่วยก็ไม่ชอบมาหาหมอจนกระทั่งเป็นลมล้มพับ ยอมรับเลยว่าเจ้าจอมพูดยากพอๆกับตน เพราะแบบนี้ถึงแกล้งได้สนุกมากกว่าทุกคน ยิ่งเถียงยิ่งมันส์ รสชาติชีวิต... “ยื่นแขนมา อย่าให้พูดยากนะเว้ย อยากเจ็บตัว” เจ้านางเค้นเสียงขู่แต่น้องสาวก็ได้หากลัวไม่ นี่สิเจ้าจอมของแท้ ชั่วจังหวะกะพริบตา เจ้านางกระชากแขนน้องสาวมาล็อกไว้ “อย่าดิ้นนะ เข็มหักคาแขนเจ็บมากกว่าเดิมอีก” ยิ้มขำ ชอบจังเวลาเห็นหน้าน้องสาวขัดขืน มันทำให้สะใจเหมือนเป็นผู้ชนะ “โอ๊ย!!! เบาๆ เบา กูบอกให้เบานะนาง” เจ้าจอมโวยวายใหญ่เมื่อถูกเข็มฉีดยาแทงทะลุเนื้อเยื่อ ใจจริงอยากถีบพี่สาวให้กระดอนติดฝา แต่ไม่หือเพราะกลัวคำขู่เป็นจริง “หูว..ปวดฉิบหาย” “โอ๋ๆ น้องพี่เจ็บไหมคะ” นั่นใบหน้าตอแหลออกโรงอีกแล้ว เจ้านางยื่นหน้าไปหอมแก้มเจ้าจอมอีกข้างแล้วหัวเราะสะใจ “กูบอกว่าอย่าหอมกู” เจ้าจอมโวยวาย “แต่เดี๋ยวนะ ปกติหมอให้พยายาลฉีดใส่น้ำเกลือ มึงทำไมมาฉีดใส่แขนกู” “ก็กูอยากฉีด กูหมั่นไส้ มีปัญหาไหมล่ะ สมน้ำหน้า หว่า...พึ่งฉลาด” เจ้านางหัวเราะรวนแม้จะโดนน้องสาวปาหมอนใส่ “นางมึงแกล้งกู โอ๊ย...อิพี่เหี้ย!!” “อ้าวอิน้องควาย กูก็รอให้มึงทักก่อนฉีดอยู่ไง” มีความยิ้มจนแก้มจะแตก “มึงเป็นหมอไม่มีจรรยาบรรณ” จอมยังสบถต่อ “อ้าวกูบอกหรือยังว่า...กูไม่มีมันตั้งแต่แรกแล้วนะ” “กูจะฟ้องพ่อ ดูแลดีบ้านป้ามึงสิ ทรมานคนไข้” “เฮ้ยป้าเราตายไปแล้ว เรียกเยอะระวังเจอผีนะ นี่โรงพยาบาลด้วย” เจ้านางยังตีรวนไปเรื่อยๆ ชอบเหลือเกินที่เห็นเจ้าจอมดีดดิ้น “อุปส์!! พี่ต้องไปแล้วนะคะ น้องสาว ขอให้หลับฝันดีมีผีรอบกาย” “...” เจ้าจอมหน้าง้ำขึ้นทันที แทบอยากจะลงจากเตียงไปบีบคอคนที่นั่งอยู่โซฟา ยังทำตัวสบายใจเฉิบอยู่ได้ “เป็นหมอภาษาอะไรของแม่ง!ก็ไม่รู้”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม