บทที่ 3 ความบังเอิญแสนเย็นชา

1786 คำ
บทที่ 3 ช่วงเย็นแดดร่มลมตกตรงนี้เป็นที่ประจำของฉัน ดาดฟ้าตึก S มันไม่สูงมากแต่ก็พอนั่งรับลมเย็นได้ ตรงนี้มีแทงก์น้ำสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่อยู่ ฉันนั่งพิงรอดูแสงสุดท้ายของพระอาทิตย์ก่อนมืดดับ “แพรพิณเมื่อไหร่จะรวย” ฉันใช้เวลาอ่านหนังสือเป็นส่วนใหญ่ การเป็นเด็กทุนถ้าเรียนเกรดไม่ถึงทุนฉันจะถูกตัด เงินหรือก็ไม่ค่อยจะมีกับเค้า การเที่ยวเล่นจึงเป็นเรื่องไกลตัวมาก ถ้าอยากผ่อนคลายคงเป็นการนั่งชมวิวที่นี่เพราะมันทั้งฟรีและไม่มีข้อห้าม บางครั้งเวลากดดันมากๆฉันชอบมานั่งตรงนี้ แล้วบ่นมันออกมาคนเดียว ว่าไปแล้วห้องฉันไม่มีใครเรียนแล้วเกรดต่ำกว่า 3.50 ทั้งนั้น ช่วยกันเรียนกับแข่งกันเรียนมันมีเส้นบางๆ กั้นอยู่บางครั้งฉันก็ทั้งเหนื่อยและโดดเดี่ยว ‘เหงา ว้าเหว่ ไม่มีใครแล้ว’ เพื่อนในนี้ก็มีหลายรูปแบบเฉกเช่นที่อื่น และลูกท่านหลานเธอก็มากมี ฉันงงเหมือนกันว่าตัวเองมาทำอะไรที่นี่ วันแรกๆ ที่เข้าเรียนฉันอยากซิ่วจะแย่แต่เพราะเขา อาจารย์หมอเจ้านาง ฉันรอเรียนกับเขาจนถึงปีสามเชียวนะ เขาคงเป็นแรงบันดาลใจเดียวที่ทำให้ฉันอยากเป็นหมอ ‘ฉันเป็นหมอเพราะอยากใกล้ชิดหมอ แฮร๊!!’ “อาจารย์เจ้านางคะ ทำไมอาจารย์ถึงหน้าบึ้ง เมื่อไหร่อาจารย์จะมองหนู” ชูตุ๊กตาแมวสีเทาตัวเล็กๆ ขึ้นมาพูดคุย นี่คือตัวแทนอาจารย์ในจินตนาการของเธอ “เมื่อไหร่คะ เมื่อไหร่อาจารย์จะพูดดีๆ เลิกบุหรี่ แล้วอาจารย์ชอบผู้ชายใช่ไหมคะ หรืออาจารย์ชอบผู้หญิง แต่ไม่ว่าอาจารย์จะชอบใครหนูก็ยังชอบอาจารย์อยู่ดี” เริ่มเสียงอ่อยในท้ายประโยค “ตอบมาเซ๊!! ตอบมาว่าชอบผู้หญิงหรือชอบผู้ชาย ไม่ตอบใช่ไหม? จะบีบคอให้ตายไปเลย นี่ๆ ๆ ๆ ๆ” ลงมือบีบคอตุ๊กตาแมวหนักๆ แต่ยังไงก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา “ก็มันเป็นตุ๊กตานี่นา ตอบกลับไม่ได้” แพรพิณตาละห้อย “อาจารย์ตอบหนูมาเซ๊!!” เขย่าแล้วเขย่าอีกก็ยังไม่มีวี่แวว พอพูดเหนื่อยแล้วแพรพิณก็นั่งพิงผนังปูนแล้วพักสายตา 19.50 น. พูว......ไม่ตื่น พูว....ตื่นยาก พูว....หลับหรือซ้อมตาย “แค็กๆ แค็กๆ” ฉันลืมตาตื่นเพราะรู้สึกสำลักควัน พอเปิดเปลือกตาเต็มๆก็พบว่ามีบางคนอยู่ตรงนี้ด้วย “อา อาจารย์เจ้า-นาง แค็กๆ” รีบเช็ดหน้าตา พร้อมกับน้ำลายที่ไม่รู้ว่ายืดตั้งแต่เมื่อไหร่ “อืม...ฉันเอง” เจ้านางมองสาวน้อยหน้าใสอย่างพิจารณา พร้อมถอดหายใจแรงๆ หน้าคมเข้มยิ่งเข้มมากกว่าเดิมเมื่อดวงตาทรงอำนาจถลึงใส่อีกฝ่ายจนเธอก้มหน้า “ทำไมมืดละ” หันรีหันขวาง เบาๆ อย่างเกรงใจ “มานั่งทำบ้าอะไรอยู่ตรงนี้ จะนอนทำไมไม่ไปนอนที่ห้อง” ออกอาการดุ เพราะการกระทำเช่นนี้มันอันตรายมาก ถ้าประตูปิดจะทำยังไง ไม่ต้องอยู่บนดาดฟ้าทั้งคืนหรอกหรือ? “หน้าตาน่ากลัวทำตัวน่าเกลียดอีกนะเราน่ะ” อาจารย์สาวถอนหายใจอีกครั้ง ในมือยังคืบบุหรี่มวลเดิมไม่วาง และไม่สนว่าใครจะห้ามหรือไม่ “หนู คือว่า เผลอหลับไปนะคะ” ฉันยังก้มหน้า “แค็กๆ แค็กๆ” พูว.....ควันสีขาวลอยเคว้งไปตามแรงเป่า ทิศทางของมันกรุ่นล้อมรอบตัวแพรพิณราวหมอกขาว ทว่าอันตรายยิ่งกว่าเพราะมันไม่ได้บริสุทธิ์น่าสูดขนาดนั้น ยิ่งเห็นอีกฝ่ายไอ เจ้านางยิ่งยื่นหน้าและเป่าควันใส่ใกล้เรื่อยๆ พูว.............. ‘นิสัยเสียจริงๆ ด้วย’ ใช้มือปัดป่าย “อาจารย์มันไม่ดี แค็กๆ” พอจะลุกอาจารย์หมอกลับตรึงไหล่ฉันไว้แล้วพ่นควันแสบจมูกนั่นใส่ฉันอีก “อาจารย์ปล่อยหนูนะ มันไม่ดี!!” “อ่อ....” เจ้านางหยุด แต่ไม่ได้หยุดเพราะคำพูดคนตรงหน้า แต่เพราะปฏิกิริยาโต้ตอบกลับมาต่างหาก คุณหมอฝึกหัดดันไอจนคอแหบคอแห้ง น้ำตาแตกด้วยมั๊งถ้าดูไม่ผิด “โทษที ก็เธอมันน่าแกล้ง” เอ่ยเสียงเรียบแล้วลุกขึ้นยืน “กลับหอไปได้แล้ว ไปสิจะนั่งให้ยุงหามลงไปรึไง” พูดต่อเมื่อเห็นว่าที่คุณหมอฝึกหัดยังนั่งจุมปุ๊กอยู่ที่เดิม “ยังไม่ไปอีก จะรอให้ราชรถมาเกยรึไง” “อาจารย์ทำไมอารมณ์ชอบเสียจังเลยคะ” ไม่รู้ว่าฉันทำอะไรผิด หรือขวางหูขวางตาเขามากมาย ดูเขาพูดแต่ละคำมันทำร้ายจิตใจกันเหลือเกิน ฉันเดินกลับลงไปอย่างที่อาจารย์เจ้านางบอก เดินคอตกมาที่ประตู และเมื่อลงบันไดมาถึงประตูทางเข้าไปในอาคาร แกร็กๆ แกร็กๆ “มันล็อก หึย...ไม่นะ ต้องไม่เป็นแบบนี้สิ” “เวลานี้ 20.20 น. จะไม่ให้มันเป็นแบบนี้แล้วต้องให้มันเป็นแบบไหน” เจ้านางไม่ได้มีสีหน้าตระหนกผิดกับแพรพิณที่สั่นเป็นเจ้าเข้า ฉันทำอะไรไม่ถูกเมื่อเจออาจารย์ถอนหายใจใส่รัวๆ แบบนอนสตอป เขาคงเกลียดฉันแล้วสินะ ขณะที่ฉันกำลังทำอะไรไม่ถูก อาจารย์ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรหาใครสักคน “คือว่านางติดอยู่ดาดฟ้าตึก S รบกวนพี่ช่วยมาเปิดให้หน่อยได้ไหมคะ?” ฉันโทรหาเจ้าหน้าที่ประจำตึก “อย่าบอกใครนะคะ นางไม่อยากให้ใครรู้” ฉันรู้ว่ามันต้องเป็นเรื่องใหญ่ถ้ามีคนติดอยู่ในตึกแบบนี้ ร่างสูงมองไปรอบๆแล้วถอยกลับไปนั่งลงยังบันได “จะยืนอยู่อีกนานไหม ไม่ปวดขาไง?” ฉันว่านักศึกษาคนนี้ขี้กลัวเกินไปรึเปล่า พอสังเกตมือเธอก็เห็นตุ๊กตาแมวเน่าตัวหนึ่งที่สกปรกรกรุงรัง หน้าของมันบี้จนแทบดูไม่ออกว่าเป็นแมว “เราชอบแมวเหรอ” “คะ ค่ะ ชอบค่ะ” อยากตอบว่าชอบคนที่อุ้มฉันเพื่อช่วยแมวมากกว่า อยากตอบแบบแน๊! “ทำไมมันขี้เหร่จัง” “มันขี้เหร่และปากหมามากค่ะ อาจารย์” อ๊า...ขอด่าทางอ้อมบ้างเถอะ ฉันมองอาจารย์หมอเจ้านางที่มองมาอย่างไม่เข้าใจ เขามองฉันแปลกๆ หรือฉันพูดอะไรผิด “ด่ามันหรือด่าใคร?” “ด่ามันนี่แหละค่ะ” “ประหลาดจริงนะเรา คุยกับตุ๊กตา มันมีชื่อรึเปล่า” ฉันก็ชอบคุยกับอะไรแบบนี้แหละนะ บางครั้งที่มีเรื่องเครียดแล้วเราไม่อยากทุ่มอารมณ์ใส่ใครก็พูดกับตุ๊กตาโลมาเหมือนกัน “มันชื่อสีหมอกค่ะ” ฉันกัดปากแล้วนั่งลงบันไดขั้นชั้นล่างถัดจากอาจารย์เจ้านาง แปลกจังเวลาเขาไม่สูบแล้วกลิ่นไม่ติดตัวสักนิดเลย แถวตัวยังมีกลิ่นสดชื่นของเปลือกสนอ่อนๆอีก ทั้งสดชื่นและอยากเข้าใกล้เข้าไปอีก “อาบน้ำให้มันหน่อยสิ ถ้ามันพูดได้มันคงจะบอกว่า ‘ฉันอยากอาบน้ำแล้วนะ’ ใช่ไหมสีหมอก” หึ๊ๆ คิกๆ ๆ ๆ “หัวเราะอะไร ยัยเด็กน่าเกลียด” “อาจารย์ทำไมชอบดุหนูจังเลย หนูออกจะน่ารักมองดีๆ สิค๊า” ฉันมีโอกาสอ้อนเขาแล้ว ฉันเริ่มแซะเข้าไปใกล้สูดกลิ่นน้ำหอมของเขา “ขยับไปห่างๆ” พูดพร้อมใช้นิ้วชี้ จิ้มไปที่ขมับอีกฝ่าย ออกแรงดันให้ห่างเพราะยัยเด็กตัวเล็กเข้ามาใกล้ในรัศมีอันตราย ‘เด็กหน่อเด็ก ไม่ได้เกรงกลัวภัยอันตรายใดๆ เลยรึไง’ ฉันก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูน กับผู้ชายจูบได้แต่ไม่มีอารมณ์ แต่ถ้าเป็นเพศเดียวกันละก็…เลยเถิดนะจะบอก เดี๋ยวหาว่าไม่เตือน เอ๊อ!!! “อาจารย์หอมจังเลยค่ะ หนูอยากอยู่ใกล้” “อือ อือ ทำอะไร เพื่อนเล่นรึไง” ยิ่งฉันขยับหนียัยเด็กติงต๋องนี่ก็ขยับตามตอนนี้ฉันเหมือนแมวกลัวหนูตัวใหญ่ในคลิปที่เจ้าจอมส่งมาให้ดูเลย กรรม ยัยเด็กนี่!! “อาจารย์คะ หนูชอบอาจารย์” ไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงพูดมันออกมา อาจเพราะเห็นอาจารย์เจ้านางทำตัวอ่อนโยน ทั้งที่ปกติอาจารย์แกจะสวยเลิศเชิดหยิ่ง ราวนางพญาบนปราสาทสูง วันนี้กลับกลายเป็นอ่อนโยนคุยกับตุ๊กตาดูน่ารักจนอยากบอกความในใจออกมา “อ้อ ชอบก็ชอบ แล้ว-ไง” “ไม่ได้ชอบแบบลูกศิษกับอาจารย์นะคะ” “เอิ่ม...” คราวนี้ฉันมองหน้ายัยเด็กน่าเกลียด เสื้อกาวน์เธอเปรอะเปื้อน ใบหน้ามอมแมมนิดๆ ตลกดี “รู้ตัวไหมว่าพูดอะไรออกมา” “หนูชอบอาจารย์ค่ะ ชอบมาก ชอบมานาน ถ้าไม่ได้พูดคงอกแตกตาย” สาวน้อยพูดเนิบๆ พร้อมเอียงอาย “แต่ถ้าพูดก็ต้องยอมรับผลของมันให้ได้” “หนู....” ฉันหลุบตาต่ำ เหมือนคำสารภาพของฉันจะเป็นหมัน อาจารย์หมอไม่มองหน้าฉันด้วยซ้ำ “หรือเพราะหนูเป็นผู้หญิงคะ” “อืม ก็ใช่” ยัยนี่จะรู้ตัวไหมว่ากำลังหาเหาใส่หัวโดยไม่รู้ตัว ‘ฉันค่อนข้างเลวไปถึงเลวมาก’ เพื่อนบอกมา แต่ฉันก็ ดอนท์ แคร์ แกร็กๆ “อ้าวอาจารย์ ผมไม่รู้ว่าอาจารย์ยังอยู่บนนี้ผมขอโทษนะครับ ขอโทษจริงๆ” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยโค้งตัวหลายครอบ “ขอบคุณนะคะ นี่ค่ะน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ อย่าบอกใครนะเดี๋ยวเป็นเรื่อง นางโดนดุแย่เลย” ฉันมักใช้ใบหน้ายิ้มแย้มหลอกล่อคนอื่นเสมอว่ามีไมตรีจิตทว่ากลับมีระยะห่างให้แต่ละคนชัดเจน ฉันยืนแบงก์พันให้คุณยามพร้อมขอบคุณจากใจ “ไม่เป็นไรครับ” “รับเถอะนะคะ นางเกรงใจ” “ครับๆ ขอบคุณครับ” “เอ๊า! จะนั่งอยู่ตรงนั้นอีกนานไหมล่ะ ไปได้แล้ว” ฉันหันกลับมามองยัยเด็กประหลาดที่มือของเธอยังกำเจ้าสีหมอกตุ๊กตาแมวเน่า “ค่ะ อาจารย์” อาจารย์เจ้านางไม่ตอบฉันเลยสักคำ เราเดินแยกทางกันอีกแล้วโดยที่เขาไม่แม้จะเหลียวหลังกลับมาสักนิด ฉันได้แต่มองเจ้าสีหมอกแล้วกอดมันเดินไปตามทางเท้า ‘หนูควรถอดใจหรือไปต่อดี หนูยังไม่เตรียมกับใจที่แตกสลายเลยนะคะ อาจารย์ปฏิเสธหนูเร็วจัง ฉันคิดแบบนี้แล้วกลับหอนอน เศร้าใจจัง ปวดใจนิดๆ เนอะ’
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม