เวลาเที่ยงตรง ณ โรงอาหารของบริษัท
“กินเยอะๆนะเจ๊”
“ฉันกินไม่ลงหรอก เอาออกไปไกลๆเลย”
มาริกาว่าพลางดันจานอาหารตรงหน้าออกห่างราวกับเป็นสิ่งของที่ไม่น่าทาน ทำให้รุ่นน้องทั้งสองต้องหันมามองหน้ากันพลางถอนหายใจออกมาด้วยความอ่อนอกอ่อนใจ
“เอาไงดีล่ะแก ดูเจ๊จะอาการหนักมากเลยนะ”
“เราต้องหาทางช่วยให้เจ้ดีขึ้น”เมธีว่าพร้อมกับคิดหาวิธีที่จะทำให้เจ๊สุดที่รักของตนกลับมาสดใสร่าเริงในเร็ววัน
“ยังไง?”
“ยังไม่รู้เหมือนกัน”
“อ้าว! ไอ้นี่ ฉันก็คิดว่าแกมีแผนการอะไรแล้วซะอีก”อารยาว่าพลางส่ายหน้าไปมา เมื่อไม่ได้อะไรจากเพื่อน
……………………………………………….
“ตาภู เห็นข่าวน้องลินดาหรือยังลูก น้องจะได้แสดงเป็นนางเอกละครเรื่องใหม่อีกแล้วนะดูสิ”
คุณนายนิดาเอ่ยถามลูกชายเพียงคนเดียว พร้อมกับเดินมาหย่อนสะโพกนั่งลงข้างๆบนโซฟาตัวหรูในห้องรับแขก
“ผมเพิ่งกลับมาจากเมืองนอกได้สองสามวันคุณแม่ก็หาเรื่องชวนปวดหัวมาให้ผมแล้วเหรอครับ”
ภู หรือ ภูดิส เจ้าของใบหน้าหล่อเหลา คิ้วคมเข้ม จมูกโด่ง นัยน์ตาคมหวาน ปากหยักสวยได้รูป ผิวขาวเนียนละเอียด รูปร่างกำยำสูงใหญ่ราวกับรูปปั้นเทพเจ้ากรีกเงยหน้าจากจอโทรศัพท์หันมาบอกกับมารดาเสียงเรียบ
“เรื่องชวนปวดหัวที่ไหนกัน นี่มันเรื่องดีๆทั้งนั้นเลยนะ อย่าลืมสิว่าน้องลินดากับลูก…”
“คุณแม่อย่าเพิ่งพูดถึงเธอตอนนี้ได้ไหมครับ แค่บริษัทที่ผมต้องรับช่วงต่อจากคุณพ่อก็ปวดหัวมากพอแล้ว ขอผมบริหารงานก่อน เรื่องอื่นอย่างเพิ่งเอามาให้รำคาญใจเลยครับ”
ภูดิสขัดขึ้นก่อนที่มารดาจะเอ่ยถึงเรื่องของเขากับดาราสาวรุ่นน้องให้มากไปกว่านั้น ตอนนี้เขาไม่อยากรับรู้เรื่องของเธอ สิ่งเดียวที่เขาสนใจหลังจากเรียนจบปริญญาโทจากอเมริกาก็คือการบริหารบริษัทอาหารแปรรูปยักษ์ใหญ่ที่บิดาได้สร้างไว้ให้คงอยู่ต่อไป
“ได้สิ แม่ยังไม่พูดถึงเรื่องน้องตอนนี้ก็ได้ ขอให้ลูกบริหารงานแทนคุณพ่อก่อนสักระยะแล้วเราค่อยมาคุยเรื่องนี้กันอีกทีดีกว่านะ”
เมื่อเห็นว่าลูกชายยังไม่พร้อม คุณนายนิดาก็ไม่คิดจะเซ้าซี้ เพราะนางรู้จักลูกชายตัวเองดีว่า ภูดิสเป็นผู้ชายที่ภายนอกดูสุภาพเรียบร้อย รอยยิ้มของเขานั้นหวานจนใครๆเห็นใจต้องละลาย แต่มันก็ปรากฏให้เห็นได้ไม่บ่อยนัก เนื่องจากเขาชอบวางตัวสุขุมนิ่งขรึมเสียมากกว่าจะแจกจ่ายรอยยิ้มให้เกลื่อนไปทั่ว แต่เวลาที่เขาโกรธขึ้นมาแล้วละก็ พายุทอนาโดต้องเรียกเขาว่าพี่เลยทีเดียว
………………………….………………….….
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป…
“เราไม่อยากให้เจ๊เป็นแบบนี้เลย พวกเราสองคนขอให้เ**กลับมาเป็นคนใหม่ที่สดใส ร่าเริงเหมือนเดิมได้ไหมคะ เราอยากเห็นเจ๊คนเดิมกลับมา”
อารยาอ้อนวอนเพื่อนสาวรุ่นพี่ที่ดูเหมือนยังคงซึมหนัก ไร้ชีวิตชีวา ราวกับคนที่วิญญาณหลุดลอยไปจากร่าง
“จะให้ฉันกลับไปร่าเริงได้ยังไงในเมื่อฉันอกหักตอนอายุสามสิบปี และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชาตินี้จะหาผัวได้อยู่หรือเปล่า”
มาริกาตอบกลับด้วยเสียงเอื่อยๆ ขณะที่ทอดกายนอนหงายอยู่บนเตียงพลางกวาดสายตามองเพดานอย่างคนไร้จุดหมาย
ช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ สองรุ่นน้องมาขออยู่เป็นเพื่อนเธอ เพราะไม่อยากให้เธออยู่ตามลำพังเกรงจะเศร้าหนัก แต่ก็ดูเหมือนว่าทั้งสองจะช่วยอะไรไม่ได้มากกว่าถามโน้นถามนี่ไม่หยุด
“อ้อเจ๊…เราขอเสียมารยาทถามอะไรอย่างได้ไหม”
เมธีที่กำลังนั่งอยู่หน้ากระจก ขณะที่มือก็สะบัดแปรงแต่งหน้าไม่หยุด หันมาถามเพื่อนสาวรุ่นพี่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นตามนิสัย
“ถามอะไร?”
“คือเราอยากรู้เหตุผลที่ผู้จัดการขอเลิกกับเจ๊อะ คบกันมาตั้งสี่ห้าปีไม่น่าจะเลิกกันง่ายๆแล้วไปควงยายพลอยสวยแบบนั้นได้เลย เพราะนางนั่นสวยน้อยกว่าเจ๊ตั้งเยอะ”
“เหตุผลก็คือฉันไม่ยอมมีเซ็กส์กับเขาไง”
มาริกาตอบอย่างไม่ต้องเสียเวลาคิด เพราะก้องเกียจเคยขอเธอหลายครั้งแต่เธอก็ปฏิเสธไป จนกระทั่งวันนี้ดูเหมือนพลอยสวยจะสามารถเติมเต็มสิ่งที่เขาต้องการมานานให้ได้เลยเป็นเหตุให้เธอถูกเท
“อย่าบอกนะว่าทุกวันนี้เจ๊ยังซิง!”
ทั้งสองคนถึงกับอ้าปากค้าง เพราะไม่อยากจะเชื่อว่าคนสวยแซ่บ อย่างมาริกาจะยังคงชิงได้จนถึงอายุสามสิบปี
“อืม…เพราะหวงความซิงไงถึงโดนบอกเลิก”
“สมควร”
“ฉันผิดด้วยเหรอที่หวงความซิง ไม่ยอมมีเซ็กส์ก่อนแต่งงาน ที่ฉันทำก็เพื่อเขาเลยนะ ฉันตั้งใจจะมอบให้เขาเป็นของขวัญในวันแต่งงาน จะได้เป็นความภูมิใจของกันและกัน”
“เจ๊ค่ะ ผู้ชายสมัยนี้ชอบผู้หญิงที่เก่งเรื่องเซ็กส์ มีประสบการณ์ค่ะ เขาไม่เห็นคุณค่าของพรหมจรรย์เท่ากับประสบการณ์หรอกนะยะ”
เมธีเถียงหัวชนฝาเพราะเชื่อแบบนั้น ซึ่งอารยาผู้ไม่เคยมีแฟนก็พยักหน้าเห็นด้วยอีกคน เพราะถึงเธอจะยังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน แต่เรื่องแบบนี้เธอก็ไม่ขาด
“เจ๊ต้องเปลี่ยน!!”
ทั้งสองลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกัน เมื่อเห็นว่าความคิดของสาวรุ่นพี่นั้นยังคงโบราณอยู่มาก
“เปลี่ยนยังไง?”
“อันดับแรกเลย เจ๊ต้องมีประสบการณ์”
เมธีเป็นคนเสนอ ทว่าคนฟังกลับย้อนถามเสียงดังลั่น พร้อมส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เห็นด้วย
“จะให้ไปลองกับใคร ไม่เอาด้วยเหรอก”
“เรื่องนี้ไม่ต้องหวง เดี๋ยวเราจะพาเจ๊ไปชี้ตัวเอาเองว่าอยากได้แบบไหน หรือคนไหนเป็นคนช่วยเปิดประสบการณ์ครั้งแรกให้กับเจ๊”
“ที่ไหน?”
แม้จะไม่เห็นด้วย แต่ก็แอบรู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งใหม่ๆที่เพื่อนรุ่นน้องบอกไม่ได้
“บาร์โฮส!”
“บาร์โฮส?”
มาริกาเด้งตัวลุกขึ้นนั่งอย่างอัตโนมัติเมื่อได้ฟังสิ่งที่เพื่อนรุ่นน้องแนะนำ เธอเคยได้ยินแต่คนเขาพูดมาว่าที่นั่นมีแต่หนุ่มหล่อ หุ่นล่ำ แต่ก็ไม่เคยเห็นกับตาตัวเองสักที
“ถูกต้องแล้วเจ๊ ที่นั่นมีแต่ผู้ชายหน้าตาดีๆ แถมหุ่นแซ่บน่ากิน รับรองเจ๊ต้องถูกใจ”
เมธีฟันธงอย่างมั่นอกมั่นใจ เพราะตนก็ไปใช้บริการบ่อยๆ
“มาค่ะเจ๊ เดี๋ยวเราสองคนจะจับเจ๊แปลงโฉมเอง”
พูดจบ สองเพื่อนรุ่นน้องก็ฉุดมืออีกฝ่ายมาที่หน้ากระจก ก่อนที่จะช่วยกันจัดการแปลงโฉมให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
“จะว่าไปแล้วลุกนี้ฉันก็ดูสวยดีนะ”
มาริกาหมุนตัวอยู่ตรงหน้ากระจก หลังจากที่ถูกสองรุ่นน้องจับแปลงโฉมร่วมชั่วโมง จากคนหมดอาลัยตายอยากกลายเป็นสาวเซ็กซี่ ร้อนแรง แลดูมีความมั่นใจสูงเหมือนมาริกาคนเดิม
ร่างอรชรในชุดเดรสรัดรูปเปิดไหล่สีดำสั้นเหนือหัวเข่า อวดส่วนโค้งส่วนเว้าได้อย่างชัดเจน ดวงตากลมโต จมูกเชิดรั้นนิดๆ และริมฝีปากอวบอิ่ม รวมอยู่ในกรอบหน้ารูปไข่ถูกแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางราวกับมืออาชีพ ทรงผมที่เคยรวบตึงไว้เป็นหางม้าอยู่ทางด้านหลัง ตอนนี้ถูกปล่อยให้กระจายเต็มแผ่นหลังเเลดูเซ็กซี่ เก๋ไก แปลกตา
“ไม่ใช่แค่สวยธรรมดานะเจ๊ แบบนี้ทั้งสวยทั้งแซ่บเลยต่างหาก”
อารยาส่งเสียงสนับสนุน พร้อมกับจ้องร่างอรชรตรงหน้าด้วยสายตาที่ชื่นชมอย่างไม่คิดปิดบัง
“คืนนี้ถ้าเจ๊ไม่เสียตัว เราจะไม่กลับ”
เมธีประกาศลั่นก่อนที่ทั้งสามจะพากันออกจากคอนโด ทิ้งความเศร้าไว้เบื้องหลัง