เวลา 07.00 แก้วกานดาและทรายหอม เดินทางมาถึงโรงแรมเพื่อทำงานเป็นวันแรก หัวหน้างานชอบใจพนักงานใหม่ทั้งสองคนมาก แก้วกานดาสูง 175 ซม.ส่วนทรายหอมสูง 173 ซม. ถือว่าสูงมาก จากที่จะสองสาวสมัครมาเพื่อทำงานเสริฟ กลายเป็นว่าผู้จัดการให้ทั้งสองคนอยู่แผนกต้อนรับไม่ต้องทำหน้าที่เสริฟเหตุผล เพราะหุ่นดีและหน้าตาสวยทั้งสองคน และที่สำคัญ เพราะทั้งสองพูดและสื่อสารภาษาอังกฤษได้ ยิ่งได้ใส่ชุดพนักงานต้อนรับยิ่งดูสวยงาม แก้วกานดาสวยแบบไทยแท้ ส่วนทรายหอมสวยแบบลูกครึ่งจีน ทั้งสองคนรู้สึกโล่งใจ จุดที่ทำงานอยู่ด้านหน้าประชาสัมพันธ์ คอยต้อนรับลูกค้าและแนะนำรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับโรงแรม
วันแรกช่วงเช้าเป็นการทำการเข้าใจกับลักษณะงานที่ทำ ลองชุด โชคดีที่ทั้งสองคนได้เข้างาน และเลิกงานพร้อมกัน ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แก้วกานดาขยัน ทำให้ทรายหอมขยันไปด้วย ลูกคุณหนูแต่ทำทุกอย่าง
ช่วงบ่ายทั้งสองคนได้ทดลองทำงานจริง สองสาวทำได้ดี แม้จะตอบคำถามเกี่ยวกับรายละเอียดของโรงแรม ตกหล่นไปบ้าง แต่ถือว่าการทำงานครึ่งวัน เป็นที่พอใจของหัวหน้างาน และลูกค้า ทั้งสองคนไม่ได้แต่งหน้า แค่ทาปากบางๆ รวบผมนิดหน่อยแค่นั้นก็ดูดีมากแล้ว
แก้วกานดาผิดขาวเหลืองหน้าเข้มคิวเข้ม ตาคม ผมหยักศก จมูกโด่ง ปากเป็นรูปกระจับ เครื่องหน้าสวยไม่ใช่คนสวยที่สุด บางครั้งเทห์ บางครั้งก็ดูอ่อนหวาน บางครั้งก็ดูนิ่งๆแต่แข็งแรง สวยแบบไทยแท้ ท่าทางคล่องแคล่วหูตาไว ลักษณะระมัดระวังตัวตลอดเวลา อาจเป็นเพราะว่าเคยชินกับการอยู่คนเดียว ต้องช่วยเหลือตัวเองทุกอย่าง ทำจนเป็นนิสัยไม่เชื่อคนง่าย มั่นใจในตัวเองแต่ไม่ก้าวร้าว
ทรายหอมผิวขาวอมชมพู เครื่องหน้าสวยคนละแบบกับแก้วกานดา ทรายหอมสวยเหมือนลูกครึ่งจีนไทย ทั้งสองคนยืนคู่กันสวยแตกต่างแล้วแต่คนชอบ คล่องทั้งคู่ สมัยก่อนทรายหอมเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเองเลย ทั้งเรื่องเรียนและการพบปะพูดคุยกับผู้คน แต่พอมีเพื่อนเป็นแก้วกานดา เธอก็ซึมซับเอานิสัยของเพื่อนมา ซึ่งเป็นการดีจากที่เชื่อคนง่าย เอาแต่ใจ ไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง รักความสบายปัจจุบันกลับตรงกันข้าม ทำงานได้ทุกอย่างเหมือนแก้วกานดา ไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นลูกคุณหนูเลย
“แก้วหาอะไรกินก่อนไหม เราแวะกินก๋วยเตี๋ยวกันก่อนกลับห้องดีไหมแก้ว”
“ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องล้างจาน ถึงห้องจะได้อาบน้ำนอนเลยวันนี้แก้วเลี้ยงนะได้ทิปมาหลายบาท”
“ไม่ต้องเลี้ยง ทรายก็ได้เหมือนกันต่างคนต่างจ่ายดีแล้ว เราเก็บเงินไว้ซื้อด้ายมาถักกระเป๋าดีกว่า”
“จริงอ่ะ ถ้าเราได้ทิปแบบนี้ทุกวันก็ดีเนาะ แต่ปวดขาชิบเลย นานๆได้ใส่ส้นสูงเดิน”
“ ไม่ชินเหรอ ที่เราใส่ไปเรียนก็คัทชูนะ”
“ก็คู่นี้มันสูง ไม่เข้าใจเหมือนกันนะ เราสองคนก็สูงอยู่แล้วทำไมเขายังให้ใส่สูงอีก”
“คงเห็นว่าลูกค้าฝรั่งสูงๆเยอะมั้ง พี่เขาคงเป็นห่วงเราไม่อยากให้เราแหงนหน้ามองลูกค้า”
"คิดบวกดีกว่านะ จริงๆงานก็ไม่ลำบากอะไร แค่ตอบคำถามลูกค้าให้ได้ ได้แต่งตัวสวย ได้ทำงานในห้องแอร์ฺ "
"มันก็จริง แต่แก้วว่าแก้วได้กลิ่นบุหรี่ตลอดเลยทราย แก้วไม่รู้ว่าอาการภูมิแพ้ของแก้วมันจะกำเริบเมื่อไหร่"
"ทรายไม่อยากคิด อย่ากำเริบเลยมันน่ากลัว อย่าเพิ่งพูดเลยแก้ว หาอะไรกินก่อนดีกว่า ค่อยไปคุยกันที่ห้อง"
สองสาวแวะกินก๋วยเตี๋ยวร้านดัง ไม่ห่างจากที่ทำงานมากนัก แก้วกานดากับทรายหอมเดินมาจากโรงแรม ซึ่งไม่ไกลจากร้านก๋วยเตี๋ยว กินเสร็จก็เดินไปขึ้นรถไฟฟ้ากลับคอนโด ร้านก๋วยเตี๋ยวร้านนี้เป็นห้องแอร์ ร้านใหญ่ อร่อย คนเยอะ ทั้งสองคนเดินเข้าไปภายในร้าน รู้ว่ามีหลายคนแอบมองเธอทั้งสองคน ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ
ผู้หญิงสาวรูปร่างสูง หุ่นดีอยู่ในชุดพนักงานต้อนรับของโรงแรม สวยทั้งคู่ชุดที่สวมใส่เข้ารูปทำให้เห็นว่าทั้งคู่หุ่นดีมาก ทรายหอมเฉยๆ กับการที่มีคนมาอง แก้วกานดาไม่เฉยเหมือนเพื่อน เธอระวังตัวตลอดเวลา หลังจากได้โต๊ะแล้ว แก้วกานดาสั่งเส้นเล็กแห้ง และเส้นเล็กน้ำ อย่างละ 2 ถ้วย ทั้งคู่ชอบเหมือนกัน ระหว่างนั้นทรายหอมตอบลูกค้าในเพจกระเป๋า พอใจกับออเดอร์มาก
“แก้วมีลูกค้าเข้ามาสั่งกระเป๋าเพียบเลยในเพจ ช่วงที่ทำงานไม่มีเวลาดูโทรศัพท์เลยอ่ะ ทำไงดี จะทำทันไหมเนี้ย”
“นั่นซิเราจะทำทันไหม เดี๋ยววันหยุดเราไปหาซื้อด้ายกันดีกว่า กลับจากทำงานค่อยถักไปเรื่อยๆ ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าเปิดเทอมจะเอาเวลาไหนมาถัก แก้วไม่น่ามาสมัครงานเลยไม่งั้นเราเอาเวลาไปถักกระเป๋าขายดีกว่าเนอะทราย”
“ไม่เป็นไรหรอก เราจะสู้ไปด้วยกัน ไม่เป็นไรหรอกน่า มีทรายอยู่ทั้งคนไหนๆเราก็เป็นหุ้นส่วนกันแล้วนี่ ต้องช่วยกันนะ”
“ทรายเอาน้ำอะไรดีแก้วอยากกินเป๊ปซี่ แก้เผ็ด”
“ได้ เอาด้วย สองขวดเล็กนะ”
แก้วกานดาลุกไปที่ตู้แช่เครื่องดื่มที่วางอยู่ด้านในสุดของร้าน เพื่อหยิบเครื่องดื่มเอง ทุกคนก็ทำแบบนั้น ที่ร้านมีเด็กเสริฟไม่มาก และเขียนว่า เครื่องดื่ม “กรุณาช่วยเหลือตัวเอง”
“อุ้ย....ขอโทษค่ะไม่ทันได้มอง เจ็บมากไหมคะ”แก้วกานดาตกใจเธอเปิดประตูตู้แช่หยิบขวดเครื่องดื่มได้แล้ว ถอยหลังเพื่อที่จะปิดประตูตู้เครื่องดื่มให้เหมือนเดิม รู้สึกว่าตัวเองถอยไปชนคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเพื่อรอต่อคิวหยิบเครื่องดื่ม
“ซุ่มซ่าม ไม่ดูตาม้าตาเรือ”เสียงสบถเบาๆ
แก้วกานดาถอยออกมาจากหน้าตู้เครื่องดื่ม ปล่อยให้ผู้ชายคนที่เธอถอยหลังชนเข้าไปหยิบขวดเครื่องดื่ม เธอว่าเธอสูงแล้ว ผู้ชายคนนี้สูงกว่าเธอมาก ตัวใหญ่เขาใส่เสื้อเชิ้ตยีนต์ พับแขนขึ้นมาถึงข้อศอกเผยให้เห็นลายสักเต็มแขน ไม่รู้ว่าสักจริงหรือสักปลอม แต่น่ากลัว เธอไม่เคยชอบเลย ตัวเขาใหญ่มาก ไม่ค่อยเคยเห็นผู้ชายไทยตัวสูงใหญ่แบบนี้ น่าจะประมาณ 185-190 ซม.ได้ เขาใส่แว่นตา เขาพันแขนเสื้อขึ้นมาถึงข้อศอก ลายสักของเขาน่ากลัว เธอค่อยชอบนักมันดูน่ากลัว มากกว่าสวยงาม เห็นแค่ข้างหลังก็น่ากลัวแล้ว ดูเขาไม่พอใจจากที่ได้ยินคำพูดของเขาเมื่อกี้ เธอก็โทษแล้วนี่ ไม่รับก็ช่างปะไร หญิงสาวหันหลังกลับไปหาทรายหอมที่โต๊ะ
หญิงสาวเพิ่งเกตว่าผู้ชายตัวใหญ่หนวดเฟิ้มสักลายเต็มแขนสองข้างนั่น นั่งอยู่โต๊ะใกล้กันกับเธอ และนั่งตรงข้ามกับเธอด้วย เขามากับผู้ชายอีกคนนั่งหันหลังชนกับทรายหอม ไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองไหม รู้สึกว่าผู้ชายคนนั้นจ้องมองเธอตลอดเวลา หญิงสาวรู้สึกไม่ดีผู้ชายสองคนนี้ เขามาตั้งแต่เมื่อไหร่ เมื่อตอนที่เธอมานั่งก็ยังไม่เห็นเลย หรือว่าเธอไม่ได้สังเกตุแสดงว่าเขามานั่นก่อนที่เธอกับทรายหอมจะเข้ามาเหรอ งั้นก็แสดงว่าเขาเห็นเธอกับเพื่อนตลอดเวลา แก้วกานดารีบกินก๋วยเตี๋ยวที่เหลือ รีบจ่ายเงิน และรีบออกมาจากร้าน มารอรถไฟฟ้าเดินทางกลับคอนโด แต่ก็ไม่วายแอบดูว่าผู้ชายสองคนนั้นจะตามออกมาหรือเปล่า ตามประสาคนขี้ระแวง
“มีอะไรเหรอแก้ว ดูตื่นๆตั้งแต่อยู่ในร้านก๋วยเตี๋ยวแล้วเจอใครเหรอ ”
“เดี๋ยวถึงห้องก่อนแก้วจะเล่าให้ฟัง”แก้วกานดารู้สึกกลัว เธอไม่เคยมีอาการแบบนี้มาก่อน ทั้งที่ไม่เห็นสายตาของผู้ชายคนนั้น แต่เสียงและรูปร่างของเขาลายสักนั่นอีก น่ากลัวมาก ใจของเธอคิดไปว่า หรือเขาจะเป็นคนของลุงกับป้า
“เล่ามาแก้วเจออะไรมา ทำไมดูไม่ปกติเลยแก้วไม่เคยกลัวอะไรนี่นา ทำไมอยู่ๆเป็นแบบนี้ เจออะไรมาเหรอแก้ว คนของลุงกับป้าเหรอ จริงไหมแก้ว”
“ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเมื้อกี้ ตอนที่แก้วเดินไปหยิบเครื่องดื่มที่ตู้แช่ แก้วถอยหลังมาชนผู้ชายคนหนึ่ง เขาดุแก้วด้วย ว่าซุ่มซ่ามไม่ดูตาม้าตาเรือ เสียงของเขามันมีพลังมาก ตัวใหญ่มีหนวด ที่แขนมีลายสักทั้งสองข้างเลย แล้วรู้ไหม เขานั่งอยู่โต๊ะติดเราเลย หันหน้ามาหาแก้ว ผู้ชายที่มากับเขานั่งหันหลังให้ทราย แก้วรู้สึกว่ากลัว ไม่ชอบคนมีลายสัก ไม่รู้ว่าแก้วคิดไปเองไหม เขาใส่แว่นสีดำ แต่เขาจ้องมองแก้ว แล้วที่สำคัญแก้วได้กลิ่นบุหรี่จากตัวเขาด้วย กลัวอ่ะทราย เป็นผู้ชายที่มีบุคลิกน่ากลัวมาก เหม็นกลิ่นบุหรี่จากตัวเขามาก แก้วเกือบจามแล้ว”
“แก่ไหมหรือหนุ่ม”
“น่าจะสัก 30—35 ประมาณนี้ถ้าเดาไม่ผิดนะที่แรกแก้วเข้าใจว่าเขาเป็นต่างชาติเพราะเขาสูงมาก แต่เขาสบถเป็นภาษาไทยชัดเจนเลย”
“ไม่น่ามีอะไรหรอกมั้งแก้ว เขาก็อาจเป็นคนแก่ใจร้อน แล้วที่เขามองก็คงมองเหมือนคนอื่นมองเรา ดูชุดที่เราใส่ซิอย่างกับจะไปเดินแบบ แถมเราสองคนก็สวยมาก คงมองปกติไม่มีอะไรหรอก อย่าคิดมากดึกแล้วไปอาบน้ำแล้วนอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องไปทำงาน โอย....อยากถักกระเป๋าจังเลย”
แก้วกานดามองตามทรายหอมเดินเข้าห้องไป แปลกใจตัวเอง อยู่ๆก็นึกกลัวผู้ชายคนนั้นขึ้นมา พรุ่งนี้ไม่แวะกินก๋วยเตี๋ยวแล้ว ซื้อข้าวมากินที่ห้องดีกว่า เดี๋ยวเผื่อเจอตานั่นอีก ตอนนี้เธอไม่รู้หรอกว่าเขาเป็นคนของใคร หญิงสาวเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวอาบน้ำ ถึงจะทำงานแค่ครึ่งวันแต่เธอกับทรายหอมก็เดินตลอด ปวดขามากด้วย มันจะคุ้มกับเงินเดือนไหมเนี้ยแก้วกานดา คิดกลับไปกลับมาเรื่อง ทำงานที่โรงแรม ห่วงลูกค้ากระเป๋าด้วย กลัวว่าจะไม่มีเวลาทำงาน นาฬิกาบอกเวลาสี่ทุ่มครึ่ง สุดท้ายหญิงสาวก็หลับไปด้วยความอ่อนเพลีย
“พี่ธาดามีอะไรหรือเปล่าครับ เมื่อกี้ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวดูหน้าไม่สบอารมณ์เลย ก๋วยเตี๋ยวไม่อร่อยเหรอครับ”
“เปล่าไม่มีอะไรหรอก คืนนี้พี่ไปนอนที่คอนโดด้วยนะขี้เกียจกลับบ้าน ไม่อยากตอบคำถามแม่”
“ได้เลยครับพี่ พรุ่งนี้ผมไม่มีงาน มีอีกทีก็อาทิตย์หน้าประชุมผู้บริหารที่โรงแรมใกล้ๆนี่”
“งานไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม เดี๋ยวพี่ต้องไปพม่า จะไปด้วยกันไหมถ้าจะไปก็เคลียร์งานนะ ไปแค่อาทิตย์เดียว”
“ไปทำไมครับ”
“พลอยที่ส่งมามีปัญหา พี่สงสัยคนทางโน้นตุกติกหรือเปล่า ดูยอดสามเดือนที่ผ่านมาน้อยมาก มันย้อนแย้งกับพลอยที่ขายออกไป สงสัยว่าทำไมได้เงินน้อย”
“ได้ครับพี่ เดี๋ยวผมจะรีบเคลียร์งาน แล้วเราไปด้วยกัน”
ธาดา กรวิภาค ชายหนุ่มเจ้าของธุรกิจค้าเพชรพลอย และธุรกิจอีกหลายอย่าง เขาสืบทอดกิจการจากพ่อและแม่ ตระกูลของเขาเป็นคนไทยแท้ ค้าขายพลอยมานานหลายรุ่น จนกระทั่งมาถึงรุ่นของเขา หันมาทำเพชรเพิ่ม หน้าตาของเขาไม่น่าทำธุรกิจสวยงามเลย ธาดารูปร่างสูงใหญ่เขาชอบสักลายมาตั้งแต่เด็กรุ่นๆแล้ว แต่ไม่ถึงขนาดสักเต็มตัวที่แขนของเขาไม่ได้สักจริงแต่มองเหมือนรอยสักจริง ที่มีจริงก็แค่ที่แผ่นหลังเป็นลายนิดหน่อยพอสวยงามเท่านั้น ชอบแต่ไม่ได้สักจริง เขาเป็นลูกชายคนโต มีธานินทร์ เป็นน้องชายคนเล็ก ธาดาอายุ 35ปี ส่วนธานินทร์ 32 ปี ทั้งสองคนช่วยกิจการของครอบครัว ยังโสดทั้งคู่
3 ปีแล้วที่คู่หมั้นของธาดา หนีเขาไปแต่งงานกับเศรษฐีดูไบ รักกันมาตั้งแต่เขาเรียนมหาวิทยาลัย กระทั่งเขาเรียนจบไปทำงานที่ต่างประเทศ เพื่อที่จะได้อยู่ใกล้ๆกับคู่หมั้นทำงานได้ 2ปี ธาดาต้องกลับเมืองไทย เพราะน้องชายดูแลงานคนเดียวไม่ไหว พ่อกับแม่เขาแก่มากแล้วต้องการพักผ่อน ช่วงที่เขากลับมาทำงานที่เมืองไทย โสรญา คู่หมั้นของเขาประกาศแต่งงานแบบสายฟ้าแลบกับมหาเศรษฐีดูไบ ทิ้งเขาไปแบบไม่มีเยื่อใยเลย
แน่นอนเขาการหมั้นหมายของเขากับโสรญา ผู้ใหญ่ไม่ได้เห็นชอบด้วย พ่อของโสรญาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงใหญ่ แม่ของเธอเป็นคุณหญิง ครอบครัวของหญิงสาวไม่ชอบเขาที่เป็นพวกพ่อค้าธรรมดาๆ เขาถูกกีดกันมาโดยตลอด แต่เขารักโสรญา พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่ด้วยกัน แต่โสรญาอ้างว่าพ่อกับแม่เธอขอร้องให้แต่งาน แค่นั้นสำหรับคำตอบที่มีให้เขา
ธาดาเสียใจโกรธ เขาคิดว่าผู้หญิงเห็นแก่ได้เห็นแก่ตัวทุกคน ไม่มีรักจริงในโลกใบนี้ เขาตั้งหน้าตั้งตาทำงาน ปีนี้เข้าปีที่สี่แล้วที่โสรญาแต่งงาน เขาได้ข่าวจากเพื่อนว่าหญิงสาวตั้งท้องเป็นลูกชาย นั้นยิ่งทำให้สามีรักและหลงมาก เหมาะสมด้วยกันทั้งสองฝ่าย เขาตัดใจได้แต่ก็ไม่ได้มองหาผู้หญิงคนใหม่เลยครองตัวเป็นโสดมาจนทุกวันนี้ทุ่มเทให้กับงาน สาบส่งเรื่องความรัก
ธานินทร์เข้าใจพี่ชาย ธาดาเป็นคนจริงจังกับชีวิตรักใครรักจริง เกลียดใครก็เกลียดจริง ดูท่าว่าจะยากที่จะมีผู้หญิงคนใหม่ ปกติพี่ชายเขาก็ติดนิสัยหยาบกระด้างอยู่แล้ว ที่ยอมอ่อนให้โสรญาเพราะรักคำเดียว โสรญาทำให้ธาดาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เปลี่ยนจากคนเกเรมาเป็นคนที่ตั้งใจทำงานสร้างอนาคต และโสรญาก็ทำให้ธาดากลับมาเป็นเหมือนเดิม เพราะเธอทิ้งเขาไปอย่างไม่มีเยื่อใย
พี่ชายของเขาเสียใจมากผิดหวัง คร่ำครวญถึงแต่โสรญา ดื่มหนักสูบบุหรี่จัดมาก ถึงจะขี้เมา แต่พี่ชายเขาก็ทำงาน และเป็นที่ปรึกษาที่ดีของเขา มีกันแค่สองคน ทำให้รักกันมาก สี่ปีมาแล้วพี่ชายเขาไม่มองผู้หญิงคนไหนเลย คงเข็ดกับความรัก