เขาก้าวขึ้นบันไดด้วยจังหวะสม่ำเสมอ ขึ้นมาจนสุดทางก็ต้องผ่านห้องของสาวน้อยร่วมบ้าน คิดอยากจะเคาะประตูเรียกคนข้างใน แต่ก็ต้องหยุดไว้แค่คิด ยังไม่ทันจะเดินไปที่ห้องตนเอง ประตูก็เปิดออกกะทันหัน ทำเอาธารนทีวางหน้าไม่ถูก เช่นเดียวกับนิรดาที่ทำหน้าสงสัยปนตกใจที่เห็นชายหนุ่มมายืนนิ่งอยู่หน้าห้อง
“พี่เพิ่งกลับมาถึง”
“ค่ะ” เธอรับคำเขางงๆ บอกเพื่อ?
“มีอะไรกินบ้าง ยังไม่ได้กินข้าวเย็นเลยครับ”
“หนูไม่รู้ค่ะ ยังไม่กินก็ไปกินสิคะ มาบอกหนูทำไม” สาวน้อยว่าสะบัดๆ อย่างไม่สนใจ ก่อนจะเดินผ่านเขาลงบันไดก็ต้องร้องว้ายเสียก่อน เมื่อข้อมือถูกดึงเอาไว้
“ไม่น่ารักเลย พี่มาเหนื่อยๆ แทนที่จะพูดกับพี่ดีๆ” เขาพูดอะไรแปลกๆ แบบที่นิรดาไม่คุ้นชิน กระนั้นก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้
“ไม่ต้องมายุ่งกับนุ่ม” เธอยังโกรธเขาไม่หาย เรื่องอะไร? เยอะแยะ ทั้งเรื่องยัยน้ำเต้าทอง เอ๊ย ยัยน้ำตาล เรื่องรุ่นพี่มาจีบเยอะ ไหนจะเรื่องที่ยัยน้ำตาลเคยประกาศใส่หน้าแม่พวกสาวๆ อีกว่าเจ้าหล่อนเป็นแฟนเขา ไม่มีเหตุผลว่าทำไมต้องโกรธ โกรธก็คือโกรธ ก็แค่นั้น
นิรดาสะบัดข้อมือออกจากการเกาะกุมของเขา ความตั้งใจที่จะลงไปในครัวหาน้ำดื่มเป็นอันพับเก็บไป สาวน้อยเข้าห้องแล้วไม่ลืมล็อกประตู แม้ก่อนหน้านั้นจะล็อกบ้างไม่ล็อกบ้างก็ตาม เธอไม่อยากเห็นหน้าเขา
ธารนทีถอนหายใจเบาๆ เค้ารางความยุ่งยากเริ่มมีมาให้เห็น เดิมทีเขาคิดว่าแม่คิดมากเกินไป แต่ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกแล้วว่ามีอะไรบางอย่างที่ทำให้สาวน้อยคนนี้เริ่มดื้อออกฤทธิ์ ทั้งที่ตอนมาแรกๆ เธอก็แค่ดื้อเงียบๆ ไม่ได้มีวาจาห้วนห้าวเช่นนี้ ออกจะเงียบๆ ไม่พูดด้วยซ้ำ
เอาเถอะ เขาคงต้องขอจับตาดูไปก่อน เริ่มจากพรุ่งนี้ละกัน ก่อนออกไปทำงานขอแวะปลุกคนตื่นสายสักหน่อย อย่างน้อยการได้บอกกล่าวตักเตือนก็ยังดีกว่าปล่อยปละละเลย
เช้าวันต่อมา
ธารนทีอยู่ในชุดแต่งกายเตรียมพร้อมสำหรับไปทำงานเช่นทุกวัน ปกติเวลาเข้างานของเขาคือแปดโมงเช้า แต่วันนี้เขาจะออกไปเร็วกว่าปกติจึงตื่นตั้งแต่ตีห้าครึ่ง ทำภารกิจต่างๆ เสร็จก็ราวๆ เจ็ดโมงเช้า ออกไปหาข้าวกินที่ฟาร์มได้ วันนี้ตั้งใจจะปลุกสาวน้อยให้ตื่นแต่เช้า เผื่อว่าแม่ของเขาจะเอ็นดูเธอขึ้นมาบ้าง
ร่างสูงสง่าก้าวเดินด้วยจังหวะสม่ำเสมอไปที่ห้องของสาวน้อยที่อยู่ข้างๆ ยกมือเคาะประตูราวสองสามครั้ง แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ เลยถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไป
เจ้าของห้องยังนอนอุตุอยู่บนเตียงในสภาพคลุมโปงจนมองไม่เห็นร่าง ธารนทีส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ เฮ้อ ทำไมถึงกลายมาเป็นแบบนี้ไปได้นะหนูนุ่ม ตอนแรกก็เกือบจะดีแล้วแท้ๆ
คิดว่าจะเรียกปลุกให้เธอรู้สึกตัวและลุกขึ้นมาด้วยว่าเวลานี้ก็เจ็ดโมงกว่าเข้าไปแล้ว แต่ครั้นนึกได้ว่าเมื่อกี้เคาะประตูเสียงดังเธอก็ยังไม่ยอมตื่น เลยคิดว่าไม่เรียกแล้วก็ได้ ใช้วิธีอื่นน่าจะเหมาะกว่า
มือหนาค่อยๆ เอื้อมไปจับผ้าห่มที่คลุมหัวคนบนเตียง จังหวะที่เขากำลังจะดึงมันออกมาก็ปรากฏว่ามีแรงดึงรั้งต่อต้านไว้ นั่นทำให้คิ้วเข้มขมวด คงไม่ได้ละเมอดึงผ้าห่มไว้เองหรอกมั้ง
“หนูนุ่ม ตื่นหรือยัง” เอ่ยก่อนจะกระชากผ้าห่ม แต่แรงที่เขาใช้ก็เพียงทำให้ผ้าห่มร่นลงมากองที่เอวคอดของสาวน้อยเท่านั้น
แต่แค่นั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขาโมโห ด้วยว่าคนที่ทำสถานการณ์เหมือนนอนตื่นสายอยู่ในชุดแต่งกายสำหรับอยู่บ้านเรียบร้อยแล้ว หาใช่ชุดสำหรับใส่นอนแต่อย่างใด หรือว่าเธอใส่ชุดนี้นอนตั้งแต่เมื่อคืน?
“นี่อะไรกัน ตื่นแล้วทำไมไม่ยอมลงไปข้างล่าง จะได้กินข้าว” เสียงที่เคยอบอุ่นทุ้มละมุนเริ่มแข็ง แต่คนฟังหาได้เกรงกลัว
“เรื่องของหนู” ตอบสะบัดๆ พร้อมกับเชิดหน้าไปทางอื่น นั่นสร้างความหงุดหงิดให้คนอายุมากกว่าไปกันใหญ่
ธารนทีกระโจนไปบนเตียง ไม่ได้คิดอกุศลเขาเพียงอยากพิสูจน์ความเชื่อของตัวเอง
“ว้าย! นี่ อย่าเข้ามานะ” นิรดาร้องวี้ดว้ายเมื่อเขาขึ้นมาอยู่บนเตียงเดียวกันกับเธอ แถมยังจับล็อกข้อมือน้อยไว้ทั้งสองข้าง พร้อมกับดันร่างเล็กบางให้เอนนอนราบกับเตียง
“พี่จะทำอะไร อย่านะ!” ต่อว่าเขาเสียงเขียวหน้าตาตื่น ตั้งแต่มาอยู่ก็เพิ่งเคยเห็นเจ้าของบ้านหื่นก็วันนี้
ธารนทีไม่ตอบโต้ อยากจะพูดจะคิดอะไรก็เชิญตามสบาย เขาว่าเขาใจดีกับเด็กคนนี้มากเกินไปแล้ว ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงมาหาช้าๆ นิรดาตาโตด้วยความคาดไม่ถึงว่าเขาจะบ้ากามกับเธอ จึงดีดดิ้นโวยวายยิ่งกว่าเดิม
“อ๊าย!! ไอ้พี่น้ำบ้า ไอ้หน้าจืด โรคจิต ปล่อยหนูนะ ไม่!!!” เธอหลับตาปี๋เมื่อจมูกโด่งคมกดลงบนผมหอมนุ่มสลวย ไม่เพียงแค่นั้นตรงลำคอขาวผ่องก็โดนจมูกของเขาสัมผัสแผ่วเบาเช่นกัน ตรงหัวไหล่กลมกลึงทั้งสองข้างก็ด้วย
“พี่ได้กลิ่นสบู่ กับแชมพู แล้วผมหนูก็ยังหมาดๆ เหมือนเพิ่งสระ หนูทำแบบนี้ทำไม”
หา? พิสูจน์กลิ่นหรอกเหรอ ไอ้เราก็นึกว่าจะทำอะไร อุตส่าห์เล่นใหญ่ร้องซะดัง!
นิรดายังอ้าปากค้าง แม้เขาจะถอยห่างออกไปแล้ว แต่เธอก็ยังไม่หายจากอาการตกตะลึง ตามมาด้วยความวิตกกังวลเล็กๆ ในเมื่อเขารู้ทันแบบนี้แล้วเธอก็คงใช้มุกนี้ไม่ได้อีกแล้วสิ ก็เธอไม่อยากลงไปข้างล่างแต่เช้าแล้วต้องเจอหน้าเขานี่
“อย่าทำแบบนี้อีก พ่อกับแม่เราเขาจะเสียใจนะ ไม่แคร์ว่าใครจะมองตัวเราไม่ดีก็แคร์พ่อกับแม่เราหน่อย ไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากให้ลูกทำตัวแย่แล้วต้องโดนตำหนิหรอกนะ”
ธารนทีทิ้งท้ายไว้แค่นั้น ก่อนจะเดินหายออกไปจากห้อง ทิ้งให้คนโดนเขาดุเป็นครั้งแรกทำหน้าตาบูดบึ้งพร้อมกับทุบผ้าห่มไปมาราวกับจะระบายอารมณ์...