ตอนที่1. มาถึง

1287 คำ
“มาถึงแล้วเหรอริต้า”             หญิงสาวเสียงใสทักทายทันทีที่เห็นร่างเพื่อนสาวเดินเข้าในห้องทำงานของเธอ ซึ่งเต็มไปด้วยหนังสือเก่ามากมายและหลายเล่มที่ชำรุดทรุดโทรมรอการซ่อมแซม สาริศาถอดแว่นกันแดดออกแล้วยิ้มทักทายเพื่อนรักที่สวมผ้ากันเปื้อนสีเขียวอ่อนสีเดียวกับผ้าปิดจมูกของเธอ             “งานยุ่งเหมือนเคยนะ” สาริศาทักพิชชาแล้วมองไปรอบๆ ห้องเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ซ่อมหนังสือ             “รับช่วงต่อจากคุณตาอ่ะ” พิชชาถอดผ้าปิดจมูกออกแล้วขยับแว่นสายตากรอบหนาของตัวเอง “ดูรูปเธอในนิตยสารแล้วรู้สึกว่าผอมมาก แต่ตัวจริงอวบกำลังดีเชียว”             “นี่เธอชมหรือด่าฉันอ้วนเนี้ย” สาริศาหัวเราะออกมา เธอไม่ค่อยได้หัวเราะแบบนี้กับใครนัก             “ชมซิจ๊ะ” พิชชาหัวเราะร่วนแล้วปลดผ้ากันเปื้อนออก “ไม่เจอกันสองเดือนแล้วมั้ง”             สาริศาไหวไหล่น้อยๆ “วันนี้หาซื้ออะไรอร่อยๆ ไปกินที่บ้านแม่ฉันนะ”             “อ้าว...ไหนว่าจะพาแม่ออกไปกินข้าวนอกบ้านไง”             “แม่เปลี่ยนใจไม่อยากออกไปข้างนอกนะซิ” สาริศาถอนหายใจหนักๆ “ฉันก็อยากพาแม่ออกไปสูดอากาศข้างนอกแล้วก็ได้กินของอร่อยๆ”             “แม่คงไม่อยากให้เธอเจอทัพนักข่าวละมั้ง” พิชชาแตะไหล่เพื่อนอย่างให้กำลังใจ เธอรู้ดีว่าเพื่อนสาวมักมีข่าวคาวตามหน้าหนังสือพิมพ์บันเทิงอยู่บ่อยๆ ซึ่งมันไม่เป็นความจริงเลย “ฉันไม่เข้าใจเธอเลยจริงๆ ข่าวมันใส่สีตีไข่ขนาดนั้น ทำไมเธอไม่แก้ข่าวหรือตอบโต้อะไรไปบ้าง”             “ช่างมันเถอะ” สาริศายิ้มให้เพื่อนรัก “แค่คนในครอบครัวเชื่อใจว่าฉันไม่ได้เป็นแบบนั้นก็พอแล้ว”             พิชชายกมือขึ้นเท้าเอว นึกอยากต่อว่าเพื่อนรักอีกแต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่โต้ตอบอะไรก็เปลี่ยนใจ “เอาเถอะๆ ฉันก็เริ่มหิวแล้ว เราไปหาซื้ออะไรอร่อยๆ แล้วไปกินที่บ้านแม่ดีกว่า”             พิชชาเดินไปเก็บอุปกรณ์ต่างๆ ราวสิบนาที แล้วสองสาวก็ควงแขนกันมาที่รถของสาริศา มุ่งหน้าไปร้านอาหารเจ้าประจำที่เธอโทรสั่งรายการไว้แล้ว  และอีกเพียงสี่สิบนาทีต่อมาทั้งคู่ก็มาถึงบ้านชั้นเดียวหลังเล็กที่คุณพรพิมลพักอยู่ สาริศายืนมองดูบ้านอยู่นานราวครึ่งนาที เธอหลับตาลงอย่างปวดร้าว ก่อนหน้านี้เธอเคยมีบ้านหลังใหญ่ในหมู่บ้านหรูกลางกรุง แต่สภาพปัจจุบันช่างแตกต่างจากภาพในความทรงจำเหลือเกิน             “หอมกลิ่นกับข้าวจังเลยพี่ริต้า-พี่พิชชา”             “วันนี้กวินอยู่บ้านเหรอ” สาริศาตื่นจากภวังค์ หลานชายตัวโตยกมือไหว้เธอกับเพื่อนแล้วรีบช่วยรับถุงกับข้าว             “ช่วงนี้สอบเสร็จแล้วฮะ แต่พรุ่งนี้ผมไปทำงานพิเศษ ตอนนี้ได้งานพิเศษที่ร้านกาแฟใกล้ๆ บ้านเรานี่แหละ”             “ขยันจังเลย”  พิชชาชมด้วยความจริงใจ กวินอายุเพียงแค่18ปี แต่รูปร่างสูงใหญ่ ที่สำคัญเขาคอยดูแลคุณพรพิมลแม่ของสาริศาเป็นอย่างดี ทำให้สาริศาคอยเบาใจที่ต้องอยู่คนละที่กับแม่             “คุณลุงไม่อยู่ใช่ไหม” สาริศาถามย้ำเพื่อความสบายใจของตัวเอง เลี่ยงที่จะเจอพ่อเลี้ยงได้เป็นเรื่องดีที่สุด ไม่อย่างนั้นเธออาจจะนึกอยากเป็นฆาตกรก็ได้             “ครับพี่ริต้า...ออกไปตั้งแต่เมื่อวานยังไม่เห็นเข้ามาเลย”         กวินจัดการจัดอาหารใส่จานเรียบร้อย “ข้าวสุกพอดีเลยครับ พี่ริต้าไปพาคุณป้ามาทานข้าวเลยดีกว่า”             สาริศาเดินไปที่ห้องนอนของแม่  มารดาของเธอกำลังนั่งแปรงผมอยู่  เพราะอาการเจ็บป่วยทำให้เส้นผมบางลงจนน่าตกใจ  ร่างกายก็ผายผอมลงแต่กระนั้นก็ยังแย้มยิ้มเมื่อเห็นลูกสาวเข้ามา             “แม่กำลังจะเดินไปอยู่พอดีเลย”             “หนูช่วยประคองค่ะ” สาริศาเข้าไปประคองแม่แล้วค่อยๆ เดินมาที่โต๊ะอาหาร “มีแต่ของโปรดของแม่ทั้งนั้นเลยค่ะ แม่ต้องกินข้าวเยอะๆ นะคะ”             “หนูก็เหมือนกันนะลูก” คุณพรพิมลเอ่ยอย่างห่วงใย “หนูผอมไปนะลูก”             สาริศาหัวเราะแล้วเลื่อนเก้าอี้ให้ผู้เป็นแม่นั่ง  “แฮรี่บอกว่าถ้าน้ำหนักหนูเพิ่มอีกขีดเดียวต้องเป็นเรื่องแน่ๆ”             “ตายจริง! ขนาดนั้นเชียวเหรอลูก” คุณพรพิมลมีสีหน้ากังวล             “คุณแม่อย่าไปเชื่อยัยริต้าเลยค่ะ” พิชชากลับหัวเราะออกมา “ใครจะกล้าปฏิเสธนางแบบอันดับหนึ่งของเอเชียได้ล่ะค่ะ”             “เว่อร์ไปยัยพิชชา”  สาริศาส่ายหน้าไปมา “ตักข้าวให้แม่ได้แล้ว กวินก็มาทานพร้อมกันด้วยซิ”             “ครับพี่ริต้า”             สาริศา พิชชา และกวินต่างนั่งล้อมคุณพรพิมลเพื่อรับประทานอาหาร แม้จะเป็นอาหารง่ายๆ แต่ก็เป็นของโปรดที่ถูกปากคุณพรพิมลเป็นอย่างยิ่ง เสียงหัวเราะพูดคุยระหว่างพิชชาและสาริศาทำให้คุณพรพิมลมีสีหน้าแช่มชื่นขึ้นจนกวินสังเกตได้             กวินมาอาศัยอยู่กับคุณพรพิมลราวๆ หกปีก่อน ขณะนั้นเขาอายุเพียงสิบสองปีแต่ก็ตัดสินใจเก็บเสื้อผ้าที่มีเพียงไม่กี่ชุดใส่เป้เดินทางจากอยุธยามาหาญาติคนเดียวที่ป้าเลยเล่าให้ฟังที่กรุงเทพฯ แม้ตอนนั้นเขาจะเป็นเพียงเด็กชายตัวเล็กซ้ำยังกำพร้าพ่อและแม้ต้องมาอาศัยกับป้า แต่ทั้งสองก็ยากจนไม่เงินทาองส่งเสียให้เราร่ำเรียน จนทำให้เขาต้องลองเสี่ยงมาขอความช่วยเหลือจากคุณพรพิมล ด้วยความเมตตาของคุณพรพิมลทำให้เขาได้กินดีอยู่ดีและได้ร่ำเรียนหนังสืออย่างที่ตั้งใจหวัง เขาพยายามช่วยเหลืองานบ้านทุกอย่างเพื่อเป็นการตอบแทนพระคุณที่คุณพรพิมลมีต่อเขา แต่เมื่อในครอบครัวมีเหตุวุ่นวายจนพี่สาริศาหรือริต้าต้องขายบ้านหลังใหญ่โตมาซื้อหลังเล็กๆ แบบนี้                        ‘สัญญานะว่ากวินจะดูแลคุณแม่ให้ดีที่สุด” สาริศาเอ่ยขึ้นในวันที่ต้องไปเรียนต่อต่างประเทศ พี่มองกวินเป็นเหมือนน้องชายคนหนึ่ง กวินจะดูแลคุณแม่แทนพี่สาวคนนี้ได้ไหม’             ‘ครับพี่ริต้า ผมให้สัญญา ผมจะดูแลคุณแม่ให้ดีที่สุดครับ’  กวินรู้สึกดีใจที่ได้รับการยอมรับจากครอบครัวที่แสนอบอุ่นนี้ ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องพ่อเลี้ยงละก็...ทุกอย่างในบ้านคงสงบสุขมากกว่านี้เป็นสิบเป็นร้อยเท่าแน่ๆ เขาเองก็เข้าใจดีในความจำเป็นที่ทำให้พี่สาริศาของเราต้องไปอยู่คอนโดแทนที่จะได้อยู่ใกล้ชิดคุณแม่พรพิมล             พ่อเลี้ยงชีกอแถมถูกพี่พนันเข้าสิงแบบนั้น อยู่ห่างเป็นดีที่สุด กวินเองก็เคยนึกสงสัย ทำไมคุณพรพิมลยังอดทนต่อสามีคนนี้เสียเหลือเกิน เขายอมรับว่าแรกๆ ที่ได้รู้จักคุณอานนท์ เขาช่างเป็นคนดีเสียจริงแต่เวลาผ่านไปไม่นานนัก ทุกอย่างก็กลับจากหน้ามือเป็นหลังมือ คุณพรพิมลก็ตรอมใจแต่ทำเหมือนยอมรับโชคชะตาและมักพร่ำเสมอว่ามันเป็นเรื่องของเวรกรรม             “ได้เวลาเสิร์ฟของหวานแล้วจ๊ะกวิน”                      เสียงพิชชาทำให้กวินตื่นจากภวังค์ กวินตอบรับแล้วรีบลุกขึ้นไปยกถ้วยของหวานที่เตรียมไว้มาเสิร์ฟทุกคน             “ได้ยินว่ากวินทำงานพิเศษช่วงปิดเทอม จะเอาเงินไปทำอะไรหรือจ๊ะ” พิชชาถามพลางตักลอดช่องน้ำกะทิเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม