“ไม่เบาเลยนะแก...” ม่านฟ้าไม่ได้มีกะจิตกะใจจะไปสนใจใครอีก สาวเจ้ากำลังคิดวุ่นกับเขาคนนั้น ทว่า
“แต่ว่าวันนั้นท่านรองฯเป็นคนเข้ามาห้ามนะ เข้าข้างแม่นั่นด้วย แล้วก็ได้ยินแว่ว ๆ เมื่อวานว่านางจะกลับมาฝึกงานเพราะท่านรองฯสั่ง”
“หือ? ...แกว่าไงนะ”
“อ้าว...แกไม่รู้เหรอ แกเป็นเลขาฯของเขานี่” ได้ยินอย่างนี้ม่านฟ้าก็หน้ามุ่ยออกมาอย่างคนน้อยใจ
“ก็สองวันมานี้เขาไม่ค่อยอะไรกับฉันเลย ไม่เรียกไม่สั่งงาน” ม่านฟ้าหน้าหงอย ยิ่งพูดก็ยิ่งน้อยใจ พอได้ยินอย่างนี้สายตาของเธอก็สอดส่องมองหาเธอคนนั้นทันที
“ได้ยินว่าเป็นลูกของคุณเดชคุณ มาถึงวันแรกก็กร่างเลย มัวแต่ถ่ายรูปเล่นโทรศัพท์ พอพี่นกไปดุก็ด่ากลับ...รอบแรกไม่เท่าไรแค่รอบสองถึงกับตบกันเลย”
“แล้วไงต่อนะ”
“หึ ตอนนั้นแกไม่ได้สนใจแบบนี้นะ” บัวรินนึกขัน ตอนแรกที่เล่าให้คนเป็นเพื่อนฟังม่านฟ้าไม่ได้อยากรู้อยากเห็นมากขนาดนี้ แต่พอได้ยินชื่อท่านรองฯสาวเจ้าก็เปลี่ยนไปในทันที
“ก็...โดนพี่นกสั่งพักงาน แกก็รู้ว่าไม่มีใครอยากยุ่งกับพี่นก แกอยู่มาตั้งแต่รุ่นปู่ของท่านรองฯ แต่เมื่อวานก็ได้ยินว่าจะกลับมาทำงานพรุ่งนี้เพราะท่านรองฯสั่ง”
“พาคินณ์สั่งเหรอ”
“อืม...ไม่รู้ว่าทำไม” ม่านฟ้าจมกับความคิดทันทีไม่ได้สนใจเสียงของเพื่อนสาวแล้ว ดวงตาคู่สวยจับจ้องมองเธอคนนั้นกระทั่งสาวสวยหันมามองเธอเช่นกัน
...อิงฟ้ารู้สึกตัวว่าถูกมอง หญิงสาวชะงักเล็กน้อยก่อนจะมองกลับด้วยสายตาไม่พอใจ
“มองไรอ่ะ”
“ก็อีนั่นมองกู”
“ไหนวะ”
“โอ๊ย!...มึงมองไปแบบนั้นมันก็หันไปแล้วน่ะสิ” อิงฟ้านึกโมโห สาวเจ้าหันไปมองเพื่อนรัก “เบื่อ ๆ”
“หึ แกก็เบื่อไปทั่วนั่นแหละ เพราะพ่อเทพบุตรของแกไม่มาไง” พอได้ยินอย่างนี้ก็ยิ่งเบื่อไปกันใหญ่ สองวันที่เขามาคลับเพื่อมาเจอเธอแต่วันนี้เจ้าตัวกลับไม่มา
“ไม่ต้องนอยด์หรอกหน่า พรุ่งนี้ก็ได้เจอเขาแล้วนี่”
“แต่ฉันอยากนี่ โอ๊ย!!...”
“หึ อยากอะไรยะ พักบ้างนะหลีมันจะพังเอา” อิงฟ้าคว่ำปากลงทันทีเมื่อเพื่อนเอ่ยแซว ก่อนที่เธอจะยกปลายนิ้วขึ้นมาดู
“ความร่านของฉันจะเก็บไว้ให้พี่เขาคนเดียวแหละ”
“โอ๊ย~ ฉันหูฟาดไปหรือเปล่า แกจะให้เขาคนเดียวได้จริงเหรอ เปลี่ยนแฟนเหมือนกับเปลี่ยนเสื้อผ้าแบบนี้”
“อีเปรี้ยว นี่มึงแอบด่ากูป่ะเนี่ย”
“หึ หยอก ๆ ทำเป็นซีเรียสไปได้” เปรี้ยวว่าไปขำไป แต่ก็ถูกสายตาของอิงฟ้าตวัดมองจนหุบปากไปในที่สุด ทั้งคู่เป็นเพื่อนซี้กันตั้งแต่ยังเรียนอยู่ที่ประเทศไทย ก่อนที่อิงฟ้าจะไปเรียนต่อต่างประเทศเพื่ออัพเกรดตัวเอง
“พอได้เจอคนที่ใช่เราก็หยุดเองป่ะ หึ แกยังไม่เจอไงเลยไม่เข้าใจ...พี่คินณ์โดนใจฉันสุด ๆ”
“จ้า โดนใจก็โดนใจระวังจะได้เป็นของเล่นของเขาล่ะ”
“อะไรของแก ของลงของเล่นอะไร ระดับอิงฟ้าเนี่ย...โน ๆ ค่ะ ของเล่นฉันไม่เป็น...ฉันจะเป็นของจริง!” อิงฟ้าว่าพลางกระแทกหางเสียงดังลั่น เธอไม่มีทางไปเป็นของเล่นของใครเป็นอันขาด
“เฮ้อ...ก็ขอให้พรุ่งนี้โชคดีก็แล้วกัน”
“ก็แหงอยู่แล้ว” อิงฟ้ายกแก้วเหล้าขึ้นชนกับคนเป็นเพื่อน เธอตื่นเต้นสำหรับวันพรุ่งนี้ จะได้ไปเอาคืนอีแก่ที่ทำงานและจะได้ทำงานใกล้ ๆ เขาคนนั้น...
เช้าวันต่อมา...
ภายในบ้านอัศวภัชรากุล ร่างท้วมของชายวัยกลางคนกำลังพลิกกระดาษหนังสือพิมพ์ในเช้าวันนี้ แม้นจะเป็นยุคออนไลน์แล้วแต่ตนก็ยังไม่ทันสมัย ทว่าขณะนั้นเองที่สายตาเหลือบมองเห็นร่างบางของลูกสาวเดินลงบันไดบ้านมาแต่เช้า
“อ้าว! ตื่นละเหรอ” ร่างบางหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงของคนเป็นพ่อเอ่ยทัก อิงฟ้ารีบวิ่งมานั่งข้าง ๆ บิดาทันที
“ไม่คิดว่าพ่อจะอยู่บ้านวันนี้” เธอสอดแขนคล้องแขนบิดาอย่างคนอารมณ์ดี ซึ่งท่าทีของลูกสาวนั้นผิดแปลกไปจากทุกวัน
“หือ...นี่บ้านพ่อ ก็ต้องอยู่บ้านสิลูก หึ ว่าแต่ลูกจะไปไหนแต่เช้า แล้วดูแต่งตัว...” เดชคุณขมวดคิ้วมุ่น มองการแต่งกายด้วยชุดเดรสกระโปรงลายดอกไม้น่ารักของคนเป็นลูก
“วันนี้ฟ้าได้กลับไปทำงานแล้วค่ะ”
“อะไรนะ!...หมายความว่าไง กลับไปทำงานที่ไหนทำไมพ่อไม่รู้ล่ะลูก” เดชคุณตกใจจนตาแทบตาถลน
“ก็บริษัทที่พ่อถือหุ้นอยู่ไงคะ” ได้ยินอย่างนั้นถึงกับพูดไม่ออก เดชคุณกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก หลายปีมาแล้วที่เขาวางแผนจะยึดอำนาจครอบครัวนั้น ลืมไปเสียสนิทว่าตนมีลูกสาว ด้วยอายุที่ห่างกันทำให้เขาไม่คิดว่าลูกสาวจะสนใจพ่อหนุ่มคนนั้นก็เลยไม่ได้คิดจะจับคู่ให้ เขาวางแผนจะฮุบบริษัทนานแล้ว ทว่าพอลงมือทำมันกลับผิดแผนไปมาก
“คุณพ่อคะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วหนูไปก่อนนะงั้น”
“เดี๋ยวสิลูก ลูกอย่าเพิ่งเข้าไปวุ่นวายกับเขาเลยนะ ทิ้งเวลาสักหน่อย” เดชคุณว่าอย่างหวั่นใจไม่รู้ว่าทางนั้นกำลังคิดทำอะไรอยู่ ขืนถูกจับได้มีหวังชีวิตของเขาจบเห่เพียงแค่นี้แน่ ๆ
“ไม่เอาอ่ะ ก็พ่อไม่ทำอะไรสักทีนิคะ บอกว่าจะไปคุยให้ก็ไม่ไปสักที แถมช่วงนี้พ่อก็ไม่สนใจหนูด้วย” เธอว่าเสียงแข็งอย่างคนเอาแต่ใจ ตั้งแต่วันนั้นที่เธอได้ยินเสียงปืนดังลั่นบ้านพ่อของเธอก็เปลี่ยนไป เก็บตัวเงียบบางครั้งก็ออกจากบ้านไม่บอกไม่กล่าวเธอ ราวกับว่ากำลังแอบทำอะไรบางอย่างที่เธอไม่รู้
“แต่ลูกพ่อ...เราออกตัวแรงมันจะดูไม่งาม”
“โอ๊ย! หนูไม่สนหรอกพ่อ เดี๋ยวมีหมาคาบไปก่อนจะทำไง บอกให้รอ ๆ อยู่ได้”
จะไม่รอได้ไง รีบไปเดี๋ยวพ่อก็โดนจับได้ เดชคุณอยากสวนกลับเต็มทีแต่ก็ไม่อยากให้ลูกสาวรู้เรื่องที่เขาไปทำไว้
“แล้วพ่อไม่ไปทำงานเหรอ พี่คินณ์บอกว่าพ่อไม่ค่อยไปทำงาน”
“หืม...ท่านรองฯว่างั้นเหรอ”
“ใช่ เฮ้อ...ไม่อยากคุยกับพ่อแล้ว หนูไปทำงานก่อน” ร่างบางลุกขึ้นก่อนจะรีบเดินออกไปโดยไม่สนใจว่าคนเป็นพ่อนั้นมีสีหน้ากังวลมากแค่ไหน
ด้วยความที่ครอบครัวของเขาถือหุ้นบริษัทนี้มานานมากแต่ไม่เคยได้รับโอกาสได้เป็นประธานกรรมการบริหารเลยสักครั้ง เหตุเพราะตระกูลเกียรติภูมิสืบทอดอำนาจคายตะคาบให้กันเป็นทอด ๆ
เดอะเกรทฟิวเจอร์กรุปเป็นบริษัทจำกัดมหาชน เข้าตลาดหลักทรัพย์ที่ต้องมีกฎหมายเข้ามาควบคุมดูแลไม่สามารถตัดสินใจกันเองได้ เพราะให้ประชาชนมีสิทธิ์ในการซื้อหุ้น มีส่วนในการร่วมลงทุน เดชคุณต้องการให้ครอบครัวเกียรติภูมินั้นขาดความเชื่อมั่นในการเป็นผู้บริหารสูงสุด เขาวางแผนให้เกิดการยักยอกเงินเดือนพนักงานโรงงานหลายร้อยคนเป็นเวลากว่าห้าปีโดยที่เจ้าตัวไม่เอาเงินสักแดงเดียว แต่โอนเงินเข้าบัญชีแพะรับบาปอย่างผู้จัดการฝ่ายผลิตที่เห็นแก่เงิน ก่อนจะวางแผนประโคมข่าวว่ามีปัญหาทุจริตในองค์กร
...เดชคุณลงมือบงการทุกอย่างเพื่อให้ครอบครัวของพาคินณ์นั้นขาดความน่าเชื่อถือในการเป็นคณะกรรมการบริหารตามกฎหมาย โยนความผิดว่าพ่อของพาคินณ์และตัวของพาคินณ์เองบกพร่องในการทำงาน และครอบครัวของเจ้านั่นจะหมดสิทธิ์ในการเป็นประธานกรรมการตามที่กฎหมายกำหนดห้ามผู้ที่มีพฤติกรรมขาดความระมัดระวังการทุจริตเพื่อรักษาผลประโยชน์ของบริษัทฯ มาบริหารงาน แม้นจะเป็นเจ้าของบริษัทแต่ก็จะไม่มีอำนาจ ได้รับแค่เงินปันหุ้นแค่นั้น
ทุกอย่างกำลังจะไปได้สวยประจวบเหมาะกับคนเป็นลูกบอกว่าสนใจรองประธานอย่างพาคินณ์ แผนที่วางไว้ก็ค่อย ๆ จมหายไปเพราะการหมั้นหมายก็ทำให้เขามีส่วนในบริษัทในฐานะพ่อตา ทว่าแผนที่วางไว้ก่อนหน้านี้กลับแดงขึ้นมาอีกครั้ง
ประธานบริษัทคนใหม่อย่างพาทิศล่วงรู้แผนของเขาทุกอย่าง ทำให้เจ้าตัวรีบสั่งปลิดชีพทว่าอีกฝ่ายกลับหนีรอดไปได้ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้หายตัวไปไหน ซึ่งการหายตัวไปของพาทิศทำให้สองพี่น้องอย่างพาคินณ์ พาวินท์ ตามเรื่องนี้อย่างหนัก แผนที่อยากให้ลูกสาวหมั้นหมายกับพาคินณ์จึงต้องพักไปก่อน เกรงว่าอีกฝ่ายจะจับสังเกตตนได้
เดชคุณอยากพักทุกอย่างไว้เสียก่อน เขายังไม่อยากเดินเกมอะไรหลังจากที่หมากในเกมของเขาถูกพาคินณ์เก็บเรียบไปหมด ทั้งเรื่องการทำให้ครอบครัวนี้ขาดความเชื่อมั่น ทั้งเรื่องการหมั้นหมายของลูกสาว เขาไม่อยากจะเดินเกมอะไรมาก ทว่าตอนนี้ก็คงไม่ทันเมื่อลูกสาวกำลังเดินเข้าไปในถ้ำเสือด้วยตัวของเธอเอง
ฝ่ามือหนาของเดชคุณกำเข้าหากันแน่น ไม่รู้ว่าพาคินณ์รู้เรื่องอะไรบ้าง ภาวนาให้เจ้าตัวไม่รู้ ถ้าไม่รู้เขานี่แหละจะเป็นพ่อตาที่คุมทุกอย่างไว้ในมือด้วยตัวเอง แต่ก็ไม่อยากหวั่นใจกับความฉลาดของพาคินณ์ ได้แต่ภาวนาให้ลูกสาวทำพ่อหนุ่มคนนั้นหลงหัวปักหัวปำ
เวลาต่อมา…
...ม่านฟ้าไม่ได้กลับบ้านเพราะเมาเกินกว่าจะกลับ เจ้าของร่างบางนอนคอนโดฯของเพื่อนและมาทำงานพร้อมกัน
“แกไหวป่ะเนี่ย...”
“ไม่ไหวก็ต้องไหวแหละ ฉันจะไปคุยกับเขาเรื่องนั้น”
“โอเค สู้ว่ะ” บัวรินชูกำปั้นให้กับเพื่อน ทว่าก่อนที่ม่านฟ้าจะเดินแยกไปนั้น “เดี๋ยว…เติมลิปหน่อยไหม ปากแกซีดมาก...”
“หึ...ขอบใจนะ” ไม่ว่าเปล่า บัวรินหยิบเอาลิปสติกมาทาปากให้กับคนเป็นเพื่อน ก่อนจะเดินแยกไปอีกทางตามแผนกงานของตัวเอง
...ม่านฟ้าในชุดเสื้อแขนยาวคอกระเช้าสีขาว เธอแต่งตัวเรียบร้อยเหมือนกับทุกครั้ง ผมสีน้ำตาลเกล้าขึ้นไม่ปล่อยให้รกรุงรัง เผยโครงหน้ารูปไข่ คิ้วโก่งดังคันศรธนูของเธอนั้นเป็นเอกลักษณ์ โครงหน้าของสาวเจ้าสวยตามฉบับสาวไทยแท้ เว้นเสียริมฝีปากที่เจ่อขึ้นตามปลายจมูกที่รั้นยกสูง บ่งบอกว่าเธอเป็นสาวเอาแต่ใจพอสมควร ม่านฟ้าเดินขึ้นลิฟต์ของผู้บริหาร หญิงสาวค้อมศีรษะให้กับพนักงานหลายคนที่กล่าวทักทายระว่างทางเดินมาขึ้นลิฟต์
ติ๊ง!
เสียงแจ้งเตือนลิฟต์ปลุกร่างบางให้หลุดจากภวังค์ เธอเดินออกจากลิฟต์เมื่อมันเคลื่อนมาถึงที่หมาย
ม่านฟ้าเดินเข้าห้องพักวางกระเป๋า ก่อนจะเดินไปหยุดที่หน้าหัองทำงานของท่านรองฯ เธอสูดลมหายใจเข้าปอดลึก หญิงสาวคิดจะมาถามเขาเรื่องที่เจ้าตัวพูดกำกวมราวกับไปทำอะไรกับผู้หญิงมา ฝ่ามือบางวางแนบบานประตูขนาดใหญ่ เธอไม่เคาะประตูเพราะคิดว่าเขาคงไม่ให้เข้า ม่านฟ้าถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไป
แอ๊ดดดด…
“โอ๊ะ…มีคนมา” เสียงแจ้วของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นเมื่อเห็นเธอ ม่านฟ้าตัวแข็งทื่อก้าวขาไม่ออกเมื่อพาคินณ์หมุนเก้าอี้หันมามองเธอ ผู้หญิงที่นั่งอยู่บนตักเขาคือเธอคนนั้น
คนเมื่อคืน
“ใครสั่งให้เธอเข้ามา”