พริมาไม่ทำพลาดให้ท่านประธานสุดฮอตผู้ควบตำแหน่งคู่หมั้นต้องหงุดหงิดอีก เธอนั่งรอให้เขาเปิดประตูรถ แต่คราวนี้คุณปุณณ์กลับยืนนิ่งๆ ไม่แสดงความเป็นสุภาพบุรุษอย่างที่เธอคาดหวัง ซึ่งเธอเองก็ต้องแกล้งทำเป็นไม่สนใจ และลงจากรถด้วยตัวเอง
“อืม ไม่โป๊เท่าไหร่”
“คะ? คุณปุณณ์ว่ายังไงนะคะ”
“ที่ไม่เปิดประตูให้เพราะอยากรู้ว่าเดรสของพริมสั้นไปหรือเปล่า เมื่อกี้เห็นแค่ต้นขาขาวๆ ไม่มากไปกว่านั้น พี่ก็เลยบอกว่าไม่โป๊ยังไงล่ะ”
ใบหน้าเปื้อนยิ้มของปุณณ์ทำให้คนมองรู้สึกร้อนวูบวาบทั่วแผ่นหลัง ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์เลยสักหยด มือเรียวลูบหัวไหล่ของตัวเองเบาๆ เริ่มรู้ตัวว่าตัดสินใจผิดที่ใส่เดรสเกาะอกสีครีมกับรองเท้าส้นสูงสีเข้าชุดกัน แต่อย่างน้อยเธอก็ปล่อยผมยาวปิดบังไหล่เนียนเอาไว้
“จับแขนพี่ไว้สิคะ รูฟท็อปที่นี่บันไดค่อนข้างชัน เดี๋ยวพริมจะเดินลำบาก”
“ขอบคุณค่ะ” พริมาไม่ปฏิเสธ เธอเคยมาที่นี่ครั้งหนึ่งแล้ว จึงจำได้ดีว่าบันไดขึ้นไปยังชั้นบนสุดค่อนข้างลำบากสำหรับผู้หญิงใส่ส้นสูง หากรู้ว่าเขาจะพามาที่นี่ เธอคงสวมรองเท้าที่เดินง่ายกว่านี้
“พี่ชอบนะคะเวลาพริมปล่อยผมยาว ดูเซ็กซี่เร้าใจกว่าเวลามวยผมตั้งเยอะ แต่ถ้าใส่แว่นสักนิดก็น่าจะ…”
“พริมไม่ได้สายตาสั้น ทำไมต้องใส่แว่นด้วยล่ะคะ”
“เวลาอยู่บนเตียงพี่ชอบโรลเพลย์ อยากให้พริมสวมแว่นแล้วดุพี่ดังๆ ลงโทษพี่แรงๆ”
“พี่ปุณณ์! มันใช่เวลามาพูดเรื่องแบบนี้ไหมคะ เดี๋ยวคนอื่นก็ได้ยินหรอก!”
พริมาอายจนหน้าแดงไปหมด ไม่คิดมาก่อนว่าเขาจะกล้าพูดจาลามกในขณะที่คนเดินผ่านไปมา หมดมาดนักธุรกิจชื่อดังที่สื่อกำลังให้ความสนใจโดยสิ้นเชิง
“เลิกงานแล้วจะหวานกับว่าที่เมียยังไงก็ได้นี่นา”
“แต่บางเรื่องก็ไม่ควรพูดในที่สาธารณะนะคะ”
พริมาบ่นอุบ ทว่าเปลี่ยนสีหน้าทันทีที่เห็นคนคุ้นตารออยู่ที่โต๊ะตัวสูง เธอกล่าวทักทายเขาอย่างน่ารัก รอยยิ้มที่หาได้ยากในเวลางาน ประดับเต็มดวงหน้าสวยเก๋ จนคนที่มาด้วยถึงกับกลั้นหายใจไปชั่วขณะ
นอนกอด… จะรอดไหมนะ
“เดี๋ยวพี่สั่งเครื่องดื่มแล้วจะตามไปนะ” ปุณณ์ต้องตกลงเรื่องบางอย่างกับพนักงานเสิร์ฟ เพื่อป้องกันตัวเองไม่ให้สนุกจนทำแผนที่วางเอาไว้พังทลาย จึงขอให้คู่หมั้นคนสวยล่วงหน้าไปที่โต๊ะก่อน
“สวัสดีค่ะคุณก้องภพ สบายดีนะคะ” พริมาทักทายนักธุรกิจหนุ่มนิสัยดี ซึ่งเป็นเพื่อนของเจ้านายที่หนีไปดูแลภรรยา แทบไม่ได้เข้าบริษัทเลยก็ว่าได้
เธอเคยออกมาเที่ยวกับกลุ่มลูกค้าและก้องภพแทนปราชญ์ในช่วงที่คุณปุณณ์ไปดูงานที่เชียงใหม่ จึงรู้จักมักคุ้นกับทุกคนอยู่บ้าน โดยเฉพาะก้องภพและนักธุรกิจหนุ่มใหญ่อย่างคุณมนตรีที่ได้ชื่อว่าปากร้ายที่สุด
“คุณพริมสวยเหมือนเดิมเลยนะครับเนี่ย” มนตรียิ้มทักทาย แต่พริมารู้ดีว่าเขาแค่ต้องการมีส่วนร่วมในโปรเจกต์สำคัญของทรีพี พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ ไม่ได้อยากผูกมิตรกับผู้ช่วยอย่างเธอเลยสักนิดเดียว
ปราชญ์สั่งไว้ว่าให้ตัดมนตรีออกจากตัวเลือก ซึ่งพริมาที่ทราบเหตุผลแล้วก็เห็นด้วยอย่างมาก ไม่ใช่เธอเป็นพวกไม่ชอบให้โอกาสใคร แต่มองอย่างไรคุณมนตรีก็เป็นผู้ชายประเภทที่ชอบดูถูกผู้หญิงไม่เลิกอยู่ดี มองจากสายตาที่เขาจ้องเธอปานจะกินก็พอจะพิสูจน์อะไรได้หลายอย่างแล้ว
“จริงๆ คุณปราชญ์นี่ตาถึงนะครับ ผู้หญิงของคุณปราชญ์เนี่ยทั้งสวยแล้วก็เก่งทุกคนเลย ผมละอิจฉา”
มนตรีเห็นว่าอีกฝ่ายแค่ทักกลับตามมารยาท ไม่ยอมสนทนากับเขาเหมือนอย่างที่คุยกับก้องภพ จึงอดแซะด้วยคำพูดที่สื่อความหมายกำกวมไม่ได้ ทว่าผู้คนยังไม่ทันได้ตีความตามที่เขาต้องการ เสียงนุ่มทุ้ม ทว่าเด็ดขาดอย่างมากก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน
“ถ้าหมายถึงรสรินทร์ เชิญคุณมนตรีอิจฉานายปราชญ์ได้ตามสบายเลยนะครับ แต่ถ้าต้องการสื่อถึงพริมา… รบกวนอิจฉาให้ถูกคนด้วย เพราะว่าเธอคือคู่หมั้นของผม”
“พริมาเนี่ยนะครับ คู่หมั้นคุณปุณณ์”
ก้องภพถามซ้ำเบาๆ เริ่มตลกในวาสนาของตัวเองที่ชอบใครก็มีเจ้าของไปหมด ทั้งรสรินทร์และพริมาถูกสองพี่น้องตระกูลทิวานันท์จับจองไปหมดแล้ว
“ครับ เรารู้จักกันมานานแล้ว กี่ปีแล้วนะพริม”
“คุณปุณณ์…” พริมาหน้าซีด เธอรู้ว่าเขากำลังไม่พอใจเพราะหน้าหล่อประหารบึ้งตึงจนน่ากลัว และเธอไม่มีทางเลือกนอกจากทำให้เขาใจเย็นลง
“เก้าปีแล้วค่ะ ตอนนั้นพริมยังเด็กเลยได้แต่ชื่นชมความเก่งของคุณปุณณ์อยู่ไกลๆ ไม่กล้าเข้าใกล้หรอกนะคะเพราะคุณปุณณ์ดุมาก”
พริมาเสริมด้วยว่าพอเรียนจบปริญญาโทก็ไปช่วยงานคุณปราชญ์ และเพิ่งได้มีโอกาสทำความรู้จักกับคุณปุณณ์จริงๆ ก็สองปีให้หลังนี่เอง
หลังจากเล่าเรื่องอย่างสั้นๆ แล้ว พริมาก็เปลี่ยนไปคุยเรื่องงานอย่างเป็นธรรมชาติ โดยเลือกหัวข้อที่ไม่ทำลายบรรยากาศ เช่นการเลือกพรีเซนเตอร์มาร่วมโปรเจกต์คอนโดมิเนียมหรูสำหรับครอบครัว
มุกตลกของเธอทำให้ลูกค้าหลายคนยิ้มกว้าง ปุณณ์ที่สังเกตอยู่เห็นดังนั้นก็เริ่มรู้สึกคันยุบยิบในหัวใจ ไม่อยากให้คู่หมั้นคนสวยยิ้มให้ใครอื่นนอกจากตัวเอง
“จริงๆ พริมอยากได้คู่รักดาราอย่างคุณโมไนยกับคุณดรีมมากเลยนะคะ แต่ทั้งคู่บอกว่าตกลงกับที่อื่นเอาไว้แล้ว” พริมาได้ติดต่อเพื่อยื่นข้อเสนอดูแล้ว ปรากฏว่าทางนั้นปฏิเสธแทบจะในทันที
“คุณดรีมที่พูดถึง ใช่ดาริกาหรือเปล่า” ปุณณ์ถามขณะรับแก้วเครื่องดื่มจากพนักงาน ก่อนหย่อนสะโพกนั่งลงบนเก้าอี้ตัวสูงที่ว่างอยู่เพียงตัวเดียว โดยไม่ลืมรั้งร่างของพริมาให้เข้ามายืนข้างๆ แสดงความเป็นเจ้าของต่อสายตาหลายคู่ที่จ้องจะกลืนกินเธอทั้งตัว
“ค่ะ แต่เรายังมีตัวเลือกอื่นอีกเยอะแยะเลยนะคะ พริมตั้งใจว่าจะเสนอบอร์ดอาทิตย์หน้า อีกอย่างพอคิดดูดีๆ คุณดรีมกับคุณโมไนยยังคบหากันแค่ในฐานะแฟน เราต้องเลือกคู่ที่ดูเป็นแฟมิลี่มากกว่านี้ ถึงจะเข้ากับกลุ่มเป้าหมาย…”
พริมาซ่อนความอึดอัดที่ถูกคู่หมั้นรั้งตัวให้ยืนใกล้ๆ และคะยั้นคะยอให้เขาเติมเครื่องดื่มเรื่อยๆ แต่สุดท้ายตัวเองกลับเป็นฝ่ายที่เริ่มยืนไม่ไหวเสียก่อน
เครื่องดื่มหลายแก้วบวกกับความเมื่อยล้าจากการยืนบนส้นสูงเกือบสองชั่วโมงทำให้เธอลืมตัว เอนสะโพกพิงต้นขาแข็งแรง มองดูเหมือนกำลังนั่งตักคนตัวใหญ่ก็ไม่ผิดนัก
“พริมนั่งไหม เดี๋ยวพี่ยืนให้เอง” ปุณณ์กระซิบข้างใบหูเล็กเสียงแหบพร่า เขาถูกสะโพกของเธอเบียดจนแทบจะคุมตัวเองไม่ได้ โชคดีที่คนเยอะและตัวเขาเองก็สวมกางเกงสีเข้ม หลักฐานน่ารำคาญจึงไม่โผล่มาประจานความหื่นกระหาย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้รู้สึกอายเพราะขนาดของลูกชายน่าภาคภูมิใจมากเลยทีเดียว
“ไม่เป็นไรค่ะ พริมเป็นแค่เลขานะคะ จะมานั่งแทนท่านประธานได้ยังไง อุ๊ย! ขอโทษค่ะ พริมลืมตัว”
เธอยิ้มหวานก่อนขยับตัวออกห่างจากต้นขาแข็งแรงที่เอนสะโพกพิงอยู่ก่อนหน้า ทว่าปุณณ์กลับกอดเอวบางเอาไว้แน่น ก่อนกระซิบประโยคหวามใจที่ทำให้คนเจ้าแผนการถึงกับยิ้มไม่ออกเลยทีเดียว
“ตั้งใจอ่อยให้พี่ใจแตก เพื่อที่จะได้ไล่พี่ทีหลังใช่ไหมพริม คอยดูแล้วกันนะว่าใครจะเป็นคนทนไม่ไหว คืนนี้พี่จะเป็นฝ่ายปล้ำพริมก่อน หรือว่าพริมจะเป็นคนเริ่ม…”
กล่าวจบก็นักธุรกิจหนุ่มสุดฮอตก็โอบเอวคู่หมั้นสาว ขออนุญาตกลับบ้านไปพักผ่อน โดยไม่สนใจสายตาคนมองว่าเวลาเพิ่งจะสามทุ่มเท่านั้นเอง
เรื่องบางอย่างรอไม่ได้จริงๆ