"พี่คะเสร็จแล้วค่ะกลับบ้านกันเถอะน้องง่วงนอนจะแย่อยู่แล้วเนี่ย" ฉันบอกพี่ชายทันทีที่เดินเขามาทักทายคุณหมอเจ้าของไข้ฉัน
"ปะกลับสิพี่ก็มีธุระต่อเหมือนกัน กะว่าจะเข้าไปดูงานสักหน่อย" สกายหันหน้ามองน้องสาวตัวเองก่อนจะหันกลับไปบอกลาคุณหมอ
"งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับคุณหมอ สวัสดีครับ"
"กลับก่อนนะคะสวัสดีค่ะคุณหมอ" ทั้งสองคนกล่าวลาคุณหมอแล้วก็เดินจากไปทันที
"ครับ" ผมมองคนที่กล่าวลาและเดินจากไป ก่อนจะพาตัวเองออกจากตรงจุดนั้นและกลับไปห้องพักของตัวเองทันที
.
"คุณหมอคะ มีเคสด่วน!" พยาบาลผู้ช่วยของผมบอกกับผมทางนี้ที่ผมเตรียมตัวจะเดินเข้าห้องพักของตัวเอง
"โอเคเดี๋ยวผมออกไปรับเองคุณก็เตรียมอุปกรณ์และอำนวยความสะดวกให้กับคุณแม่ลูกอ่อนและครอบครัวของเขาด้วยแล้วกัน" ผมบอกกับพยาบาลก่อนที่จะเปิดเข้าไปห้องพักของตัวเองเพื่อเตรียมของจำเป็นที่ต้องใช้ในการทำงาน
"ค่ะคุณหมอ" พยาบาลตอบรับแล้วเดินออกไปทันทีเพื่อไปทำงานตามหน้าที่ของตัวเองที่ได้รับมอบหมาย
.
.
ภายในรถ
"น้องมีอะไรจะถาม" เมื่อถึงรถแล้วเข้ามานั่งภายในรถฉันก็ถามพี่ชายตัวเองทันทีในเรื่องที่สงสัยและอยากรู้แต่ก็ยังมีเรื่องที่ต้องเคลียร์ก่อน
"พี่สกายคะอันนี้โทรศัพท์พี่หรือเปล่า" ฉันหยิบโทรศัพท์ของพี่สกายขึ้นมาแล้วยื่นไปตรงหน้าพี่ชายของฉันทันที
"เอ้าอยู่ที่สกาวเหรอพี่ก็หาตั้งนานว่าหายไปไหนคิดว่าต้องได้ซื้อใหม่แล้วนะเนี่ย" พี่ชายของฉันตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มโดยไม่เป็นเดือดเป็นร้อนอะไร จ้าพ่อคนรวยขี้งก!!
"พี่จะทิ้งโทรศัพท์ที่ต้องใช้ทำงานและต้องใช้ในเรื่องสำคัญเอาวางไว้เรี่ยราดไม่ได้เข้าใจไหมตัวเองทำธุรกิจไม่รู้เหรอว่ามันอันตรายแค่ไหนกับการดูดข้อมูลที่สำคัญในเครื่องได้น่ะเดี๋ยวนี้มิจฉาชีพเยอะจะตาย" ฉันบ่นให้พี่ชายของตัวเองออกมาแต่ดูเหมือนว่าคนที่ฟังจะไม่ค่อยสำนึกในการกระทำของตัวเองเท่าไหร่
"เอาน่าอย่าขี้บ่นไปเลยเป็นเด็กเป็นเล็กใช้ชีวิตไปเถอะโทรศัพท์พี่ไม่ได้มีข้อมูลอะไรสำคัญขนาดนั้นหรอก" สกายเองก็ตอบกลับน้องสาวทันทีความจริงโทรศัพท์เครื่องนี้เขาใช้ติดต่อกับญาติพี่น้องเท่านั้นไม่ได้มีอะไรสำคัญหรอก ส่วนเครื่องที่สำคัญจริง ๆ เขาไม่ได้พกมา
"แต่มันก็ใช้เงินซื้อมาอยู่ดีถึงหนูจะใช้เงินสิ้นเปลืองแต่หนูก็รักษาของอย่างดีนะคะ หนูน่าจะเกิดเป็นพี่ของพี่นะคะ มีความรับผิดชอบมากกว่าพี่ชายตัวเองอีก ชิ" ฉันมองพี่ชายตัวเองที่ไม่รู้สึกเสียดายของเลยสักนิด
"ไม่คิดว่าคนท้องจะบ่นเก่งเหมือนกันนะเนี่ย" สกายหันไปมองน้องสาวของเขาที่บ่นออกมาเป็นชุด ราวกับว่าเขาไปทำอะไรโหดร้ายหรือไปฆ่าใครตายอย่างนั้นแหละเพียงแค่วางโทรศัพท์ไว้บนกระเป๋าทิ้งไว้ตรงหน้าห้องตรวจเฉย ๆ
"พี่สกาย!" ฉันหันไปจ้องมองพี่ชายตัวเองแล้วเองเสียงดังพอให้ได้ยินว่ากำลังหงุดหงิดให้พี่ชายตัวเองอยู่
"ok ok พี่ผิดเองแล้วกันวันหลังพี่จะเก็บรักษาอย่างดีเยี่ยงชีวิตอันมีค่าของพี่" สกายบอกกับน้องสาวของเขาพร้อมกับยังตอบออกไปกวนๆหน้าตาก็ทะเล้นทำให้คนขี้โมโห โมโหมากกว่าเดิมไปอีก
"ช่างเหอะ...ว่าแต่พี่รู้จักที่ใบหม่อนด้วยเหรอ" สกาวถามออกมาโดยไม่ได้ใส่ใจอะไรทำให้คนที่เตรียมตัวสตาร์ทรถออกจากโรงพยาบาลชะงักไปทันที
"อะไร!?" สกายทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ถามออกไปโดยที่ภายในใจนั้นรู้ดี
"หนูถามว่าพี่รู้จักกับพี่ใบหม่อนด้วยเหรอ" สกาวถามคำถามเดิมซ้ำให้พี่ชายฟังอีกครั้ง
"ไม่รู้จัก..ว่าแต่เราเถอะถามพี่ทำไมรู้จักกันเหรอ" สกายตอบออกไปโดยไม่มองหน้าน้องสาว แล้วก็ขับรถออกจากโรงพยาบาลเพื่อกลบเกลื่อนอารมณ์ไหวหวั่นที่ตนเองนั้นยังมีให้กับอดีตแฟนสาวอยู่
"ก็คิดว่ารู้จักเสียอีกเห็นคุยกันอยู่นานสองนาน สรุปก็คือไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวใช่ไหมคะ" ฉันเองก็ยังคงถามต่อแม้ในใจมันจะรู้สึกทะแม่ง ๆ กับการกระทำของครั้งสองคน ระหว่างพี่ชายของฉันและพี่ใบหม่อนต้องมีอะไรมากกว่าที่ฉันรู้แน่ ๆ
ฉันผู้เป็นน้องสาวก็อยากจะทำตัวเอาใจใส่และใส่ใจพี่ชายเป็นพิเศษอยู่บ้าง แต่ทุกวันนี้ตัวเองยังเอาไม่รอดเพราะฉะนั้นพักเรื่องของพี่ชายมาเคลียร์เรื่องของตัวเองก่อนดีกว่า
"ก็ไม่รู้จักนะสิถามอะไรเยอะแยะนอนไปเลยไปไหนบอกว่าง่วงไม่ใช่เหรอถึงบ้านเดี๋ยวพี่ปลุกเอง" สกายตอบออกไปทันทีที่น้องสาวตัวเองถามจบพร้อมกับเปลี่ยนเรื่องไปเรื่อยเปื่อยเพื่อหลีกเลี่ยงการตอบคำถามที่ไม่อยากจะตอบสักเท่าไหร่
"เชื่อแล้วก็ได้ว่าไม่รู้จัก" สกาวพายักหน้าทำความเข้าใจก่อนจะปรับเบาะเอนตัวนอนทันทีเมื่อความรู้สึกง่วงเข้ามาปะทะกับอารมณ์แปรปรวนของฮอร์โมนคนท้องอ่อน ๆ
.
.
แชท
ใบหม่อน: จากนี้ไปเราขอให้สกายมีความสุขมากๆนะ
"มันไม่มีความสุขตั้งแต่เธอบอกเลิกแล้ว"
ใบหม่อน: ถึงเราจะเลิกกันแล้วหม่อนก็อยากเป็นเพื่อนที่ดีของสกายเสมอ
"เพื่อนบ้าอะไรจะเอากันทุกคืน!"
ใบหม่อน: ขอบคุณที่เข้ามาเป็นความสุขของใบม่อนคนนี้ถึงแม้ว่าเราจะงี่เง่า
"ใช่งี่เง่ามากแต่ก็น่ารักเสมอ"
และข้อความที่ส่งมาอีกมากมายสกายทำได้แต่อ่านแล้วก็พูดออกมาไม่ได้พิมพ์ตอบกลับข้อความที่ใบหม่อนได้ส่งมาให้เขาเลยแม้แต่ตัวอักษรเดียว
"คิดถึง" หลังจากที่กระจายพูดจบคนที่นอนหลับอยู่ในรถยนต์ก็ตื่นมาทันได้ยินเสียงบนของพี่ชายตัวเอง
"ถึงบ้านแล้วเหรอคะ ว่าแต่คิดถึงใครอ่ะ" สกาวลืมตาตื่นขึ้นมาก็ถามพี่ชายออกมาแล้วยื่นหน้าไปทำหน้าตาทะเล้นเอ่ยแซวทันที
"ไม่ใช่เรื่องของเด็กทำไมชอบยุ่ง" สกายมองสายตาดุน้องสาวอย่างไม่จริงจังนักกับการกระทำของสกาวที่ติดเล่นเกินไปหน่อยก็เถอะ
"นี่น้องไงยุ่งไม่ได้เหรอ" ฉันบอกกับพี่ชายตัวเองทันทีที่บ่นมาให้พร้อมกับสงสัยตาแกรมดุราวกับว่าคนอย่างสกาวจะกลัวนักหนิ ไปก็ได้ชิ!
"จะรีบไปไหนสกาวของยังไม่ได้ขนลงจากรถเลยนะ มาช่วยกันขนของลงจากรถเดี๋ยวนี้เลยอย่ามาตีเนียน" สกายที่เปิดประตูรถลงมาพร้อมกับน้องสาวก็รีบเอ่ยพูดขึ้นมาทันที
"อะไรเล่า ก็คนมันง่วงนี่นาตอนเย็นค่อยมาขนออกก็ได้จะรีบไปไหนอีกล่ะ" สกาวที่เดินขึ้นไปถึงบันไดหน้าบ้านแล้วต้องมุ่ยน่ามองพี่ชายด้วยความอารมณ์เสียทันที
"ไม่ได้เดี๋ยวพี่จะต้องไปทำธุระต่อรีบมาช่วยพี่ขนเลยเร็ว ๆ" สกายรีบเดินไปจับมือน้องสาวแล้วลากเบา ๆ มาช่วยกันขนของหลังรถหลังทันที
"ชิ จะไปไหนอีกเพิ่งกลับบ้านไม่ใช่หรือไงจะออกไปอีกแล้วเหรอธุระเยอะเหลือเกินนะพ่อนักธุรกิจพ่อมหาเศรษฐีพ่อคนรวยขี้งก!" ฉันบ่นให้พี่ชายตัวเองทันทีที่ถูกลากจูงมาเพื่อมาขนของที่ฉันช้อปและใช้เงินพี่ชายไปในวันนี้
"เดี๋ยวก็ให้คนเองเลยนี่ของของใครก็ขนลงสิจ๊ะ" สกายหันไปบอกน้องสาวตัวเอง โดยไม่ได้สนใจคำประชดประชันของเธอเลยสักนิดแถมยังบ่นและช่วยขนเอาไปไว้ในบ้านให้อีก เกิดเป็นพี่ชายก็ไม่ได้แย่แค่รับหน้าที่คนรับใช้น้องสาวไปในตัว
"หมดหรือยังเนี่ย" สกาวเดินถือถุงช้อปปิ้งของตัวเองเข้ามาในบ้านพร้อมกับเอวตัวหันไปมองด้านหลังที่มีพี่ชายเดินตามมาเธอก็ถามโดยใช้การบ่นออกไปนั่นแหละ
"หมดแล้วจะให้พี่เอาไปไว้ในห้องเธอเลยไหมหรือจะเอาไว้ตรงนี้ก่อน" สกายที่ถือถุงพะรุงพะรังเข้ามาในห้องนั่งเล่นก็วางถุงพวกนั้นลงที่พื้นทันที
"เอาไว้ตรงนี้ก่อนแล้วกันหนูง่วงแล้วจะไปนอนไม่อยากให้ของพวกนี้มันรกในห้องค่อยมาขนขึ้นห้องตอนเย็นแล้วกัน" สกาวก็บอกออกไปทันทีก่อนจะลากสังขารตัวเองเข้าห้องนอนเพื่อพักผ่อนเพราะตอนนี้สภาพร่างกายเหมือนว่าจะหลับได้ตลอดเวลา
ส่วนสกายก็ย่างเท้ากลับไปหน้าบ้านเพื่อขับรถไปทำธุระส่วนตัวต่อโดยไม่ได้สนใจอะไรเพราะที่อยู่ของเขานั้นปลอดภัย สำหรับน้องสาวที่นอนอยู่ในบ้านคนเดียวอยู่แล้วระบบป้องกันภัยหนาแน่นเลยไม่ได้รู้สึกเป็นห่วงมากนัก
.
.
.
18:00
"อืม~ อืม~" ร่างบางนอนบิดร่างกายตัวเองไปมาหลังจากพักผ่อนเป็นเวลานานหลายชั่วโมงก็เริ่มรู้สึกตัวตื่น
"กี่โมงแล้วเนี่ย" ถามกับตัวเองก่อนจะมองหาโทรศัพท์มือถือเพื่อดูเวลานอนที่ล่วงเลยมา
"18:00 น แล้วเหรอทำไมยังรู้สึกง่วงจังเลยนะ"
"หาว~ อยากนอนต่อ" สกาวตื่นมาก็นอนเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่บนเตียงนอนยังไม่ลุกไปไหน หลังจากนั้นไม่กี่นาทีเพียงแค่เธอวางโทรศัพท์ลงและเตรียมจะลุกไปอาบน้ำก็มีเสียงแจ้งเตือนแชทดังขึ้นมา
แชทไลน์
ทักษ์ครับ: ผมมีวันหยุดช่วงประมาณวันเสาร์กับอาทิตย์คุณสะดวกวันไหน เรามีเรื่องต้องคุยกัน
ทักษ์ครับ: ไม่สิผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ
สกาวเห็นหน้าจอมือถือของคนที่ทักมาก็ต้องรู้สึกว่าหัวใจหวั่น ๆ ไม่ได้กลัวหมอแต่กลัวความจริงเรื่องที่เธอได้กระทำผิดพลาดนั้นเปิดเผยต่างหาก
มันเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบและอารมณ์ปรารถนาของตัวเธอเองทั้งนั้น ไม่รู้ว่าในวันนั้นอะไรเกิดโดนจิตโดนใจให้เธอต้องกระทำตัวอย่างไม่สมเหตุสมผล และไม่เหมาะสมกับการที่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาอย่างดี