“นี่ฉันปฏิเสธนิดเดียวทำไมต้องด่ากันยาวยืด ที่ฉันบอกว่าคุณจะไปอยู่บ้านฉันไม่ได้ก็เพราะว่าแม่ของฉัน...ท่านไม่เข้าใจหรอกนะคะว่าทำไมจู่ ๆ จะมีผู้ชายแปลกหน้าไปอยู่กับท่าน”
เขาทำหน้าไม่ยี่หระ “ง่ายจะตายไป แค่บอกว่าเราสองคนเป็นแฟนกัน”
“ไม่ได้ค่ะ!” หล่อนยืนยันเสียงแข็งขึ้นมา “วัฒนธรรมไทยน่ะ ผู้หญิงกับผู้ชายต้องเป็นผัวเมียกันซีคะถึงจะอยู่ด้วยกันได้”
“ถ้าอย่างนั้นเราก็เป็นผัวเมียกัน”
“บ้า! คุณต้องบ้าไปแล้วจริงๆ ฉันกับคุณไม่มีพิธีการแต่งงานด้วยซ้ำ แล้วแม่ฉันจะเชื่อได้ยังไงว่าเรา...เอ้อ...เป็นผัวเมียกัน”
ยิ่งพูดก็ยิ่งกระดากปากเป็นบ้า แต่ที่บ้ายิ่งกว่าคือคนแปลกหน้าที่คุกคามข่มขู่หล่อนทุกวิถีทาง วิคเตอร์เลิกคิ้วสูง นัยน์ตาคมคู่นั้นฉายแววสำนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“ถ้าไม่มีพิธีการแต่งงานล่ะ อะไรที่จะช่วยยืนยันว่าเราสองคนเป็นผัวเมียกันอย่างถูกต้อง อ้อ...หลักฐานการเป็นผัวเมียนี่หมายถึงต้องจดทะเบียนสมรสกันใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นผมจะพาคุณไปจดทะเบียนสมรสกันวันนี้”
“คุณเป็นคน...ประสาทที่สุดเท่าที่ฉันเคยพบมาเลย”
“บ้ากว่านี้ผมก็ทำมาแล้ว เรื่องแค่นี้ทำไมจะทำไม่ได้”
“แต่การจดทะเบียนระหว่างคนไทยกับชาวต่างชาติมันมีขั้นตอนยุ่งยาก ทำวันนี้ไม่มีทางเสร็จหรอกนะคะ”
“อย่าคิดว่าผมไม่รู้อะไรซีคุณครูที่รัก มีบริษัทรับจ้างจัดการการจดทะเบียนเยอะแยะไป แค่ผมบอกให้คนของผมหาพวกออแกนไนเซอร์มาจัดการให้ทุกอย่างก็เรียบร้อยใช้เวลาไม่เกินสามวันด้วยซ้ำ”
อะไรมันจะสะดวกง่ายดายปานนั้น...ใช่...เดี๋ยวนี้ทุกอย่างล้วนแต่สะดวกไปหมดเพราะมีบริษัทช่วยจัดการให้คู่สมรสชาวไทยและชาวต่างชาติแบบครบวงจรอย่างที่เขาว่ามาจริง ๆ อิงธารนึกเจ็บใจ ทำไมต้องมีบริษัทพวกนั้นด้วยก็ไม่รู้ ไม่อย่างนั้นหล่อนคงหาวิธีการหลบเลี่ยงที่จะไม่ให้เขาเข้าบ้านของหล่อนได้
“คิดอะไรอยู่หรือครับคุณครู”
วิคเตอร์ถามขณะเบียดตัวเข้าหาหญิงสาวซึ่งกลิ่นหอมที่ไม่ใช่กลิ่นน้ำหอมราคาแพงแต่อบอวลเหมือนแป้งเด็กอ่อนจากตัวของหล่อนมันดึงดูดเขาได้อย่างน่าประหลาด อิงธารเม้มปากแน่นสนิท
“ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าคุณจะไปจัดการเรื่องของคุณซะให้เสร็จเสียก่อนแล้วค่อยไปที่บ้านของฉัน...อย่างนั้นใช่ไหมคะ?”
เขาไหวไหล่ “ผมจะไปบ้านของคุณวันนี้”
“ไม่ได้นะคะ!”
“จะให้ผมไปดี ๆ หรือว่า...”
“ก็ได้ค่ะ...แต่ว่า...ตอนนี้ฉันกำลังจะ...หายใจไม่ออกอยู่แล้ว”
หล่อนจำนนในที่สุดแต่ก็พยายามผลักหน้าอกเขาออกห่างเพราะวิคเตอร์เบียดจนอกกว้างของเขาชิดหน้าอกนุ่มของหล่อนแทบจะหลอมเป็นเนื้อเดียว ชายหนุ่มเหยียดมุมปาก น่าแปลกแท้ที่เขาไม่อยากขยับออกห่างแต่ก็ต้องผ่อนเบาตัวเองลงหลังจากแสดงความหยาบเถื่อนกับอิงธารที่รีบถอนลมหายใจทันควันเมื่อเขาเลื่อนตัวห่างออก แต่ที่ห่างนั้นมันก็แค่ขยับตัวเขาออกไปนิดเดียว ห่างจากหล่อนแค่คืบเท่านั้น
อิงธารไม่ได้รู้สึกสบายขึ้นแม้แต่น้อย ตรงข้ามหล่อนยิ่งเครียดจัดเพราะไม่รู้ว่าจะตั้งรับกับปัญหาที่กำลังจะลุกลามใหญ่โตนี้อย่างไรดี หล่อนคิดไม่ตกเพราะที่จริงแล้วก็ไม่ได้พบอิงอรมานานหลายเดือน และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้เจอพี่สาว เพราะถ้าหากวิคเตอร์จะไปอยู่ที่บ้านหล่อนจริง ๆ คงเป็นเรื่องหนักอึ้งพอดู แต่ปัญหาใหญ่ตอนนี้คือจะบอกกับแม่ของหล่อนเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้ว่าอย่างไรดี
“ลินดัน...ออกรถ...กลับไปที่โรงเรียนของเธอ”
วิคเตอร์ออกคำสั่งโดยที่ไม่ยอมละสายตาคมวับไปจากใบหน้าหวานจัดของหญิงสาว รสละมุนเหมือนน้ำต้อยของดอกไม้ป่ายังฉ่ำอยู่บนปลายลิ้นของเขา ชายหนุ่มสลัดความนึกคิดนั้นพ้นจากหัวไม่ได้แต่หน้าตายังคงบึ้งตึงใส่อิงธารที่แววตาคู่นั้นฉายความหวั่นวิตกชัดเจน คนขับของวิคเตอร์พารถกลับไปยังโรงเรียนอีกครั้ง และเมื่อไปถึงอิงธารก็รีบเปิดประตูรถลงไป หล่อนคิดว่าจะจะได้หายคอหายใจแต่ที่ไหนได้วิคเตอร์กลับตามหล่อนลงไปและเดินตามจนถึงหน้าห้องพักครู หญิงสาวหันมาทำตาเขียวใส่และส่งเสียงลอดไรฟัน
“นี่คุณ...จะตามฉันมาทำไม กลับไปก่อนเถอะค่ะ ฉันไม่หนีไปไหนหรอกนะ”
“ผมจะรอจนกว่าคุณจะเสร็จหน้าที่ที่โรงเรียน”
“ไม่ได้นะคะ”
“ผัวจะมารอเมียที่ทำงานนี่มันผิดตรงไหนไม่ทราบ”
“ฉันยังไม่ได้เป็นอะไรกับคุณ”
“อ้าว!...อิง...กลับมาแล้วเหรอจ๊ะ วันนี้มีอะไรพิเศษถึงได้ออกไปทานอาหารข้างนอกล่ะ...อ้าว...อุ๊ย!”
เจ้าของเสียงที่ดังข้างหลังซึ่งเป็นหญิงสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกับอิงธารต้องชะงักเมื่อก้าวออกมาจากห้องพักแล้วเห็นเพื่อนของหล่อนยืนอยู่กับชายชาวต่างชาติตัวโต อิงธารหันกลับไปและทำหน้าแทบไม่ถูกก่อนจะกล่าวว่า
“จิ๊บ...อ้า...เอ้อ...นี่คุณวิคเตอร์นะ เขาเป็น...”
“ผมเป็นแฟนของคุณครูอิงธารครับ และเราสองคนกำลังจะจดทะเบียนสมรสกัน”
คำตอบของชายหนุ่มทำเอาจิตรา เพื่อนครูของอิงธารอ้าปากค้าง หล่อนเอามือปิดปากแทบไม่ทัน แต่แล้วความตกใจก็เปลี่ยนเป็นประหลาดใจระคนยินดี