“จำไว้ด้วยว่าผมเป็นคนทำงานจริงจัง ตั้งแต่ทำธุรกิจผมไม่เคยโกงใครแม้แต่เหรียญเดียว เพราะฉะนั้นอย่าได้ริอาจมาทำในสิ่งที่ผมไม่ชอบ นั่นคือการโกหกปลิ้นปล้อน และผมก็จะไม่มีวันยอมปล่อยให้ไอ้คนที่มันโกงผมลอยนวลไปได้อย่างเด็ดขาด!”
สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นจริงจังอีกครั้ง นัยน์ตาสีสนิมเหล็กข้นขุ่นจนทำให้อิงธารเสียววาบ ท่าทางเขายังโกรธแค้นมากและดุดท่าทีวิคเตอร์เป็นคนจริงจัง เขาคงไม่ได้มาที่นี่เพื่อคิดว่าแค่จะข่มขู่ หล่อนไม่รู้ว่าเขามีความคิดอะไรมากกว่านั้น
“คุณจะทำอะไรถ้าเจอพี่อร”
“บอกไว้เลยว่าผมจะไม่ส่งตัวพี่สาวของคุณให้ตำรวจ”
“หมายความว่ายังไง”
“มีสมองก็น่าจะคิดได้ว่าผลของการหลอกลวงคนอื่นโดยเฉพาะคนที่มีอิทธิพลมาก ๆ มันจะเป็นยังไง”
“คุณทำแบบนั้นไม่ได้นะ!”
“คุณคิดว่าผมจะทำอะไร”
“ถึงคุณจะมีอิทธิพลมาจากไหนแต่ถ้ามาฆ่าคนตายในเมืองไทยถึงเป็นนักธุรกิจพันล้านคุณก็หนีตำรวจไม่รอด”
“เรอะ...ฮ่าๆๆๆๆ”
“เป็นบ้าไปแล้วเหรอวิคเตอร์ คุณหัวเราะทำไม”
“ผมหัวเราะที่คุณยังจะมีหน้าเอาตำรวจมาขู่ผมนี่ไง จะบอกให้นะว่าฆ่าคนตายโดยเฉพาะไอ้คนที่มันไม่น่าไว้ชีวิตให้รกโลกรกสังคมเพราะความเลวของมันน่ะเป็นโทษสถานหนักที่สมควรยิ่งกว่าสมควร”
“ฉันจะไปแจ้งตำรวจเดี๋ยวนี้”
“ทั้งที่ผมยังไม่เจอเอ็มม่าอย่างนั้นเหรอ...เลือกเอาก็แล้วกัน”
วิคเตอร์ลุกขึ้นขวางอิงธารซึ่งกำลังจะออกจากโต๊ะทำงานของหล่อนด้วยความรุ่มร้อนใจ หญิงสาวชะงักขณะเม้มปากแน่นอย่างอัดอั้น หล่อนมองเห็นความเคียดแค้นปะทุขึ้นในดวงตาวาววับของเขา วิคเตอร์เหยียดปาก
“บางทีการที่ผมกักตัวเอ็มม่าไว้ถ้าเจอเธอเมื่อไหร่มันก็ดีกว่านี่ไม่ใช่หรือ...หรือว่าคุณอยากให้ผมส่งตัวพี่สาวของคุณให้ตำรวจจัดการกันล่ะ นั่นยิ่งแย่กว่าเพราะผมจะเอาเรื่องเอ็มม่าให้ถึงที่สุด ให้ติดคุกแบบไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดเลยทีเดียวล่ะ”
“พอเถอะค่ะ!” อิงธารน้ำตาร่วง “ฉันจะไม่ต่อรองอะไรกับคุณอีก แต่กรุณา...อย่าทำร้ายครอบครัวของฉัน”
ร่างสูงไหวไหล่ เขาไม่พูดอะไรอีกนอกจากหลีกทางให้หญิงสาวเดินออกไปจากห้องนั้นเพื่อทำหน้าที่ของหล่อนตามปกติทั้งที่ตอนนี้สำหรับอิงธารทุกอย่างไม่มีอะไรที่จะกลับไปเป็นปกติเหมือนเก่าอีกต่อไปแล้ว กระทั่งเลิกงาน เมื่ออิงธารกลับมายังห้องพักก็ต้องพบความประหลาดใจที่เห็นวิคเตอร์ยังนั่งอยู่ที่นั่น แต่เขาไม่ได้นั่งคนเดียว มีเพื่อนร่วมงานของหล่อนหลายคนนั่งล้อมเขาและต่างพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติเหมือนสนุกสนาน ท่าทางวิคเตอร์เหมือนคนมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีมากทั้งที่สำหรับหล่อนแล้วเขาคือซาตานร้ายในคราบเทพบุตร และเมื่อจิตราเห็นหล่อนกลับมาก็รีบลุกขึ้นแล้วพูดทั้งยิ้มกว้างว่า
“ฮั่นแน่...ว่าที่เจ้าสาวของเรามาละ ดูสิคะ อิงเขินจนหน้าแดงเลยอ่ะ”
จิตราเข้ามาดึงแขนเพื่อนให้เข้าไปร่วมวงสนทนา อิงธารเห็นว่าวิคเตอร์นั่งอยู่กับเพื่อนครูหญิงชายอีกสองสามคนซึ่งต่างอยู่ในวัยใกล้เกษียณ หนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้นว่า
“แหม...หนูอิงมีแฟนเป็นฝรั่งแถมจะจดทะเบียนสมรสกันไม่เห็นจะมีใครรู้เลย”
“อิง...เอ้อ...ไม่ได้คิดจะปกปิดหรอกนะคะ เพียงแต่ว่าอยากจะให้แน่ใจเท่านั้น”
“คงไม่ต้องดูกันนานแล้วล่ะ คุณวิคเตอร์เขาเป็นคนน่ารักมากเลยนะ เขาพูดไทยได้เกือบชัด แถมยังหัดใช้เสียงวรรณยุกต์ให้เหมือนพวกเรา น่ารักจริงๆ”
น่ากลัวล่ะไม่ว่า...อิงธารนึกอย่างเจ็บใจ ยิ่งเห็นรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าคมคร้ามก็ยิ่งทำให้หล่อนนึกเกลียดเขามากยิ่งขึ้น ผู้ชายอะไรแสดงละครเก่งยิ่งกว่านักแสดงรางวัลออสการ์ ถ้ามีรางวัลให้หล่อนนี่ล่ะจะเป็นคนขว้างใส่เขาให้หน้าหงาย แล้วหญิงสาวก็จำต้องนั่งร่วมวงสนทนา ปั้นหน้าราวกับว่าหล่อนกับวิคเตอร์เป็นคู่รักกันจริงจัง แต่นี่มันแค่เริ่มต้นเพราะปัญหาใหญ่ที่ยังคอยอยู่ข้างหน้าคือการที่อิงธารต้องขบคิดว่าจะทำยังให้แม่ของหล่อนยอมรับการแต่งงานอย่างกะทันหันระหว่างหล่อนและเขาได้ในวันนี้
“บ้านของคุณอยู่ที่นี่หรือเอ็มมี่?”
วิคเตอร์เอ่ยถามเสียงเย็นลงขณะคนขับรถของเขาพารถเก๋งคันหรูเลี้ยวเข้าไปในรั้วบ้านไม้สองชั้นติดลำคลองเล็ก ๆ เขตชานเมืองกรุงตามที่อิงธารบอกเส้นทางมายังบ้านหลังนี้ และเมื่อคนขับจอดรถลงสนิทที่หน้าบ้านซึ่งโอบล้อมด้วยต้นไม้แปลกตา ไม้ดอกไม้ประดับสวยงามอิงธารจึงตอบว่า
“ใช่ค่ะ...นี่บ้านฉันเอง”
“อืม...มันก็ดูร่มรื่นดี สงบ ติดแม่น้ำซะด้วย ดูน่าสบายดีนะ”
“ถ้าคุณไปพักโรงแรมจะสบายมากกว่านี้นะคะ ที่ที่สบายอย่างโรงแรมห้าดาวมันเหมาะกับพวกมหาเศรษฐีอย่างคุณ”
“ผมชินแล้วกับบรรยากาศอย่างนั้น แต่บรรยากาศแบบนี้สิที่ผมยังไม่เคยลอง คืนนี้ผมคงหลับสบายแน่ ๆ”
“รับปากฉันก่อนสิคะวิคเตอร์”
“หืมม์?”
บทที่ 7
ชายหนุ่มเลิกคิ้วกับคำพูดของหญิงสาว เขาก้มลงมองมือเรียวเล็กที่จับแขนของเขาไว้แน่น
“มีอะไรเอ็มมี่? จะให้ผมรับปากคุณเรื่องอะไร”
“อย่าบอกแม่ฉันเป็นอันขาดเรื่องของพี่อร อย่าบอกท่านว่าพี่อรทำอะไรไว้บ้างเพราะแม่ไม่ค่อยแข็งแรง ฉันกลัวว่าท่านจะรับไม่ได้ถ้าหากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่สาวของฉัน”