วรารีรีบปล่อยมือออกจากปมผ้าขนหนูก่อนจะรีบผละออกจากอีกฝ่าย พลางมองแล้วครุ่นคิดว่าชายหนุ่มตรงหน้าเธอเป็นใครกัน ทำไมถึงมาอยู่ในห้องเธอได้ แต่มองยังไงก็นึกไม่ออก นั่นเพราะเขาไม่ใช่ญาติฝ่ายไหนของเธอเลยน่ะสิ
“พิม! พี่ลืมบอกไป...” ธีภพรีบเปิดประตูเข้ามาอย่างรีบร้อน แต่เหมือนว่าเขาจะมาช้าไปก้าวหนึ่ง
“ทำไมถึงมีคนอื่นมาอยู่ในห้องพิมคะพี่ตะวัน” วรารีเอ่ยถามพี่ชายอย่างงุนงง
“คุณเจสไปแต่งตัวก่อนเถอะครับ เดี๋ยวผมจะอธิบายตรงนี้เอง” ธีภพหันไปบอกกับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างหลังวรารีด้วยความรู้สึกผิด
“ครับ” เขาตอบรับสั้นๆ ก่อนจะปรายตามองหญิงสาวตัวเล็กตรงหน้าพลางอมยิ้ม “ยินดีที่ได้รู้จักนะ” พูดจบชายหนุ่มก็เดินเข้าห้องน้ำไปอีกครั้ง
วรารียืนงงทำอะไรไม่ถูก คิ้วบางขมวดเป็นปม พลางหันมองตามแผ่นหลังขาวของคนที่เธอเพิ่งได้สัมผัสหน้าท้องขาวเนียนชุ่มน้ำเมื่อครู่ แก้มใสแดงระเรื่อเมื่อนึกถึงสิ่งที่เธอไทำลงไปกับชายแปลกหน้าที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก คงไม่ต่างกับคนที่อยู่ในห้องน้ำที่กำลังยืนส่องกระจกมองหน้าตัวเองที่กำลังอมยิ้มให้กับความน่ารักของวรารี
เขาชื่อ ‘ธาวิน’ เพื่อนสมัยเรียนเรียกเขาสั้นๆ ว่า ‘เจส’ จนชื่อนี้กลายเป็นชื่อเล่นของเขาซะแล้ว ธาวินเป็นสถาปนิกหนุ่มมากฝีมือด้านการออกแบบ เขาเป็นนักเรียนนอกลูกครึ่งอเมริกัน แต่เกิดและโตอยู่ที่เมืองไทย เขามีใบหน้าเรียวได้รูป จมูกโด่งเป็นสัน คิ้วหนาสีดำอมน้ำตาล นัยน์ตาสีฟ้าเป็นประกายโดดเด่น ริมฝีปากหยักสวยของชายหนุ่มยังชี้ชวนให้ใครต่อใครอยากลิ้มรสดูสักครั้ง
นับได้ว่าเป็นเสือร้ายที่สามารถสยบผู้หญิงมากมาย เพียงแค่เขายิ้มเล็กๆ ที่มุมปาก หญิงสาวมากมายก็พร้อมพลีกายให้เขาอย่างไม่ต้องเปลืองแรง ไม่แปลกใจเลยที่ธาวินจะเป็นผู้ชายในอุดมคติของสาวๆ หลายคน
ธาวินรู้จักกับแฟนสาวของธีภพ ซึ่งตอนนี้เธอกำลังจะเลื่อนมาเป็นว่าที่ภรรยาของธีภพ เขาถูกไหว้วานให้มาช่วยออกแบบและซ่อมแซมบ้านเพราะมันค่อนข้างจะทรุดโทรม ซึ่งตัวเขาเองเป็นสถาปนิกที่สามารถออกแบบได้ทั้งภายนอกและภายใน รวมทั้งมีความรู้เรื่องการจัดสวน ชายหนุ่มจึงแนะนำให้ทาสีใหม่และทำสวนเล็กๆ หน้าบ้านเพิ่ม บังเอิญวันนี้เขาว่างพอดีเลยอาสามาช่วยเอาต้นไม้มาปลูกในสวนเอง ทว่าสถาปนิกหนุ่มเผลอทำเสื้อตัวเองเลอะดิน เจ้าบ้านอย่างธีภพจึงให้เขาขึ้นมาอาบน้ำในห้องนอนของน้องสาวที่ไม่มีใครใช้ เพราะห้องน้ำข้างล่างเพิ่งจะทาสีใหม่ไปหมาดๆ ยังไม่แห้งสนิทดี
ร่างสูงก้าวลงจากบันไดชั้นสอง มองไปยังห้องโถงด้านล่างที่มีธีภพและวรารีกำลังนั่งคุยกันอยู่บนโต๊ะรับประทานอาหาร พี่น้องคู่นี้มีหน้าตาที่คล้ายกันมาก แถมน้องสาวยังสวยกว่าที่เขาจินตนาการไว้ซะอีก ชายหนุ่มส่ายหน้าปัดความคิดของตัวเองที่กำลังเผลอคิดไม่ดีกับลูกค้า งาน งาน งาน! เขาย้ำกับตัวเองในใจก่อนจะนั่งบนเก้าอี้ไม้ที่มีเจ้าบ้านสองคนกำลังนั่งอยู่ก่อนแล้ว ธาวินเข้าออกบ้านหลังนี้มาได้สักพักแล้ว หรือจะว่าง่ายๆ ก็คือตั้งแต่เริ่มซ่อมแซมบ้านหลังนี้เลยก็ว่าได้ จนตอนนี้ชายหนุ่มสามารถทำตัวสบายๆ ราวกับเป็นบ้านของตนเอง แถมยังคุยถูกคอกับธีภพอีกต่างหาก
“เมื่อกี้ฉันขอโทษด้วยนะคะ แค่ตกใจ” วรารีพูดอย่างรู้สึกผิด เมื่อครู่พี่ชายได้เล่าทุกอย่างให้เธอฟังหมดแล้ว เธอดันไปเสียมารยาทกับแขกของพี่ซะได้
“ครับ” ธาวินตอบเพียงสั้นๆ เหมือนไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของหญิงสาวสักเท่าไหร่ ทว่าความจริงแล้วกลับตรงกันข้าม เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อต่างหาก เพราะดันเผลอไปจับมือของเธอเข้าให้ในตอนนั้น แต่ถ้าหากย้อนเวลากลับไปได้เขาก็จับมือของเธออยู่ดี เพราะโดยนิสัยส่วนตัวของเขาแล้วเป็นคนที่ชอบทำอะไรตามใจตัวเอง ไม่ค่อยแคร์คนอื่นสักเท่าไหร่
“คุณเจสครับ ผมชอบฝีมือของคุณมาก หลังจากแต่งบ้านเสร็จผมขอวานให้คุณช่วยออกแบบบ้านอีกหลังเพิ่ม คุณจะสะดวกไหมครับ?” ธีภพเอ่ยถามด้วยความสนใจ เพราะฝีมือของธาวินทำให้เขาอดที่จะทึ่งไม่ได้ ไม่แปลกที่คิวงานของเขาจะรัดตัว หากไม่ได้นิศาแนะนำให้เกรงว่าเขาคงไม่เจอสถาปนิกฝีมือดีแบบธาวินแน่ๆ
“บ้านที่จะใช้เป็นเรือนหอเหรอครับ” พูดจบธาวินก็เปลี่ยนท่านั่งเป็นไขว่ห้างอย่างสบาย ก่อนจะแอบเหลือบมองวรารีที่ทำหน้านิ่งเหมือนกำลังคิดเรื่องอะไรอยู่ในใจ
“ใช่ครับ นิศาคงบอกรายละเอียดกับคุณแล้วสินะ” ธีภพเอ่ยถึงว่าที่ภรรยาของตนพลางยิ้มนิดๆ
“ครับ ผมว่างอยู่พอดี จะรับงานนี้นะครับ”
“ขอตัวก่อนนะคะ พิมขอตัวไปเดินเล่นก่อนนะพี่ตะวัน” วรารีพูดแทรกขึ้น เพราะเธอไม่รู้จะอยู่ตรงนี้ไปทำไม เธอไม่ค่อยอยากจะฟังเรื่องเรือนหออะไรสักเท่าไหร่ มันรู้สึกเจ็บจี๊ดในใจอย่างบอกไม่ถูก
“แป๊บนึงสิ” ธีภพพูดพลางกดไหล่น้องสาวเบาๆ ยื้อให้เธออยู่ต่อ “พี่ว่าจะให้เราช่วยจัดการเรื่องออกแบบเรือนหอกับคุณเจสเขา พอดีพี่ต้องไปจัดการเรื่องอื่น เรายังไม่ได้ทำงานใช่ไหม? มาช่วยพี่หน่อยสิ”
“อ๋อ ...” วรารีลากเสียงยาวอย่างครุ่นคิด เธอรู้สึกลำบากใจอยู่ไม่น้อยที่ต้องมาได้ยินคำว่าเรือนหอ คำว่าแต่งงาน คำว่ารัก เพราะเธอไม่อยากได้ยินมันอีกแล้ว
“หรือว่าเราไม่สะดวก” ธีภพเอ่ยเสียงเศร้าเมื่อเห็นใบหน้าของน้องสาวดูไม่มีความสุข
“เปล่าค่ะ พิมยินดีช่วยค่ะ” วรารีปั้นหน้ายิ้ม “ขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะคะ” หญิงสาวพูดจบก็เดินออกมาทันที เธอเหนื่อยกับการเดินทาง และเหนื่อยใจ ไม่อยากคุยกับใครในตอนนี้