“แต่ก็ใส่ออกนอกประเทศได้ก็แล้วกัน นั่นอย่าเผลอใส่ ออกนอกประเทศล่ะ” อัยรินทร์ชี้ไปยังกระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพงที่อีกฝ่ายสะพายอยู่ ดูยังไงก็รู้ว่าของปลอม
“อี...อี” สายป่านแทบจะเข้าไปกระชากหัวอีนังรุ่นน้องเด็กเมื่อวานซืนมาตบแต่เพราะข้างกายของมันมีอีกะเทยหมีควายขวางอยู่
“ป้าไม่มีเรียนเหรอถึงมาหาเรื่องเด็ก” จีจี้ที่ทนฟังต่อไม่ได้ถึงกับต้องไล่คนที่เดินเข้ามาหาเรื่องเพื่อนเธอ อยากจะบอกว่ากูเป็นตุ๊ดตบผู้หญิงเนี่ยกูไม่ได้รู้สึกผิดเลยสักนิด
“ใครเป็นป้ามึง!”
“ป่านพอเถอะ” เพื่อนของรุ่นพี่ปีสามเห็นแววแล้วไม่เข้าท่าจึงดึงแขนเพื่อนออกไป
“อย่ายุ่ง!” สายป่านสลัดแขนเพื่อนพร้อมหันไปมองหน้า อัยรินทร์อย่างเหลืออด
“ถ้าโดนเสี่ยเขี่ยทิ้งเมื่อไหร่มึงอย่าซมซานมาขอข้าวบ้านกูกินแล้วกัน”
“อ๋อ เพิ่งรู้ว่าสิ่งที่โกงคนอื่นเขามาเรียกว่าบ้านได้ด้วย หึ! อย่างมึงกับพ่อมึงควรจะเรียกว่าอะไรดี เห็บหมัดไหมนะ ที่เกาะมากับหมาขี้เรื้อนที่ปู่กูเก็บมาเลี้ยง แล้วพอแข็งแรงถึงได้มาแว้งกัดผู้มีพระคุณ”
อัยรินทร์ยังใช้สายตาเหยียดกับสายป่าน ปู่เธอให้ย่าของสายป่านเข้ามาอยู่ที่บ้านพร้อมลูกติด ทุกอย่างในตอนแรกเหมือนจะดีแต่จริง ๆ แล้วกำลังมีตะขาบตัวใหญ่ซุกอยู่ใต้พรมที่คอยจะแว้งกัดเจ้าของให้ตายในทันที
“ไม่มีหลักฐานอย่ามากล่าวหา”
“หึ! บาปกรรมหนีไม่พ้นหรอก ระวังตัวไว้บ้างก็ดี” อัยรินทร์ยิ้มที่ไม่ส่งถึงดวงตาให้คนที่ยืนหัวโต๊ะ
“ป้า หน้าป้าหมองนะคะ ดูแล้วคงกรรมหนา” วาดเมษาพูดยิ้ม ๆ มองหน้า คนหน้าเทาไม่รู้ว่าหมองคล้ำเพราะพักผ่อนน้อยหรือเพราะเลือกรองพื้นผิดเบอร์ เพื่อนก็ช่างกระไรไม่รู้จักเตือนเพื่อน
“อีบ้า!” สายป่านด่าออกมาเสียงดังจนคนทั้งร้านหันมามองไม่เว้นแม้แต่เขา อาชวินมองภาพนั้นแล้วยิ้มดีเหมือนกันอย่างน้อยเด็กของเขาก็สู้คน นึกว่าจะปล่อยให้ยายนั่นโขกสับ
สายป่านเดินออกไปจากร้านคาเฟด้วยอารมณ์ขุ่นมัว เธอจะเปิดโปงอีอัยย์ วันก่อนเธอเห็นมันขึ้นรถหรูไปกับใครไม่รู้ และเมื่อหลายวันต่อมาก็เจอมันลงจากรถหรูอีกคัน ถ้าอีอัยย์มันไม่รับงานเอนฯ มันก็ต้องเป็นเด็กเสี่ย ดูท่าทางแล้วคงมีหลายคนด้วย คอยดูนะเธอจะเปิดโปงให้มันไม่มีที่ยืนในสังคม
“ใครเหรอมึงอีป้านั่น” จีจี้ถามขึ้นเมื่อยายป้าโรคจิตเดิน ออกจากร้านไป
“ลูกสาวคนที่โกงพ่อ” อัยรินทร์พูดด้วยความเจ็บใจ พวกมันใช้ความไว้ใจ ใช้ความรักที่พ่อมีให้ทำร้ายครอบครัวของเธอ
“โคตรตอแหล เห็นหน้าอีป้านั่นเครื่องวัดความตอแหลของกูทำงานไม่หยุดเลยมึง” จีจี้พูดพร้อมสะบัดบ๊อบทิพย์พร้อมเกี่ยว ผมยาวที่ไม่มีอยู่จริงด้วยท่าทัดหูทิพย์
“มหา’ลัยตั้งกว้างทำไมต้องเจอกัน” อัยรินทร์บ่นให้เทวดา ทำไมใจร้ายให้เธอมาพบเจอกับคนแบบนั้นด้วย ยิ่งคิดยิ่งโมโห
“เล่ามาสาว พวกกูจะได้ช่วยมึงเกลียด” จีจี้มองหน้าเพื่อน
อัยรินทร์นึกเรื่องราวที่ผ่านมาแล้วเมื่อสี่ปีก่อน การเป็นคุณหนูของเธอสิ้นสุดลงตอนนั้นสินะ เธอในวัยสิบสี่ปีกับพี่ชายใน วัยที่ยังไม่เต็มสิบแปดปี ยังเป็นผู้เยาว์ทั้งสองคน
“พีกับอัยย์ไม่ต้องกังวลนะเดี๋ยวอาจัดการให้” คำพูดของ ผู้เป็นอาหรือญาติเพียงคนเดียวของผู้เยาว์ทั้งสอง
หลังจากงานศพของพ่อแม่สองพี่น้องต้องเซ็นเอกสารหลายอย่างจนเธอและพี่ชายก็ไม่รู้ว่าเอกสารอะไรนักหนา ผู้เป็นอาบอกแค่เพียงว่าตอนนี้อาต้องมาเป็นผู้จัดการมรดกของพ่อแม่เพราะทั้งสองยังเป็นผู้เยาว์
เริ่มแรกพีรพลก็ไม่เอะใจอะไรจนเวลาล่วงเลยมาสามสี่เดือน จนเขาเข้ามหาวิทยาลัยปีหนึ่ง หลายอย่างเริ่มไม่ปกติ จนกระทั่งมารู้ตัวก็ต่อเมื่อผู้เป็นอาสั่งให้ย้ายออกจากบ้านที่อยู่ เหตุผลเพราะบ้านหลังนี้ถูกยึดไปแล้ว
“อาทำไมบ้านถึงโดนยึด” เสียงของพีรพลสั่นเทาด้วยความเสียใจและความโมโห
“พี อาขอโทษจริง ๆ นะ เพราะบริษัทของเราขาดสภาพคล่องตั้งแต่พ่อเราตาย อาก็พยายามแล้วแต่มันยากจริง ๆ” คำพูดรู้สึกผิดของอาทำให้หลานทั้งสองยิ่งเสียใจ เสียใจที่ช่วยอะไรไม่ได้ สุดท้ายทั้งสองจึงยอมออกไปเช่าบ้านหลังเล็ก ๆ อยู่กันสองคนพี่น้อง
พีรพลเริ่มทำงานตั้งแต่เข้าเรียนปีหนึ่ง เงินที่เขากับอัยรินทร์มีเพียงพอที่จะเรียนให้จบแต่ทุกอย่างมันไม่แน่นอน เขาอยากให้น้องได้เรียนที่ดี ๆ เหมือนอย่างที่เขาได้เรียน
น่าแปลกใจที่เงินปันผลของบริษัทที่บอกว่าขาดทุนกลับทำรายได้อย่างดี พีรพลเริ่มอ่านงบการเงินเป็นในตอนที่เขาอายุสิบเก้าและเมื่อรู้ว่าอะไรเป็นอะไรบ้างแล้ว
“พี ทำไมทำแบบนี้” เสียงของ ธีรกิต หรืออากิตของเด็ก ทั้งสองดูเย็นชาอย่างไม่เคยได้ยิน
พีรพลยื่นฟ้องต่อศาลขอเป็นผู้ปกครองอัยรินทร์เพราะตอนนี้เขาอายุครบยี่สิบปีบริบูรณ์ ทรัพย์สินทุกอย่างของอัยรินทร์เขาจะขอเป็นผู้จัดการเองและแน่นอนว่าสร้างความไม่พอใจให้กับผู้เป็นอาอย่างมาก
ตอนนั้นทั้งพีรพลและธีรกิตทะเลาะกันรุนแรง คำพูดหนึ่งที่ทำให้ อัยรินทร์จำจนถึงวันนี้
“หรือว่าผมต้องรื้อการตายของพ่อแม่ดี” คำพูดของพีรพลที่หยุดทุกการกระทำของธีรกิต ผู้เป็นอาออกจากบ้านเช่าหลังเล็กของทั้งสองคนไปแล้ว แต่คนที่ยังตะลึงกับเรื่องที่ได้ยินยังยืนนิ่งด้วยความสงสัย ที่ไม่กล้าสงสัย
“พี่พี”
“พี่แค่สงสัยอัยย์ เรายังไม่มีหลักฐาน” การตายของพ่อแม่อาจไม่ใช่แค่อุบัติเหตุ