คริสเตียนเดินกลับมาหาคาร่า และยืนห่างจากเธอหนึ่งฟุต ส่วนคาร่าก็ไม่กล้าจะคุยกับเขา ขณะที่มองหน้าเขาตรงๆ เธอจึงก้มหน้าลงมองที่พื้น แล้วโฟกัสกับรองเท้าของเขาแทน
ทว่าคริสเตียนกำลังมีความคิดอื่น เขาจับคางของคาร่าให้เงยหน้าขึ้น และบังคับให้เธอมองที่ใบหน้าของเขา แต่คาร่ากลับปฏิเสธที่จะมองเข้าไปในดวงตาสีฟ้าที่เย็นยะเยือก เธอแค่มองไปยังแก้มของเขาแทน
“มองตาฉัน แล้วบอกเหตุผลดีๆ มาสิ ว่าทำไมฉันถึงควรปล่อยให้พวกเขาอยู่ที่นี่ต่อกระต่ายน้อย” คริสเตียนสั่งให้เธอพูด
คาร่าจึงรวบรวมความกล้าและมองเข้าไปในดวงตาของเขา เธอลอบกลืนน้ำลายที่หนึ่งก่อนจะเอ่ยพูดออกไป
“โมนิก้าเป็นเพื่อนคนแรกที่ฉันมี และฉันชอบเธอมาก ฉันรู้สึกสบายใจเมื่ออยู่กับเธอ... ส่วนดาวิเด้กับกาสปาโร พวกเขาไม่เคยทำให้ฉันรู้สึกอึดอัด”
“...”
“ฉันไม่รู้ว่าฉันจะรู้สึกแบบเดียวกันกับบอดี้การ์ดคนอื่นๆ ที่คุณจะหามาแทนได้ไหม” คาร่าอธิบายตามความจริง
ขณะที่คริสเตียนก็มองเข้าไปในดวงตาเธอ ซึ่งสะท้อนถึงความซื่อสัตย์ เขาไม่เคยเห็นใครจริงใจกับเขาขนาดนี้มาก่อน เพราะคนอื่นๆ มักมีอะไรที่ซ่อนเร้นอยู่เสมอ
เขารู้สึกดีเมื่อได้เห็นใบหน้าที่ซื่อสัตย์ของเธอ ใจที่เย็นยะเยือกของเขา ก็ค่อยๆ ละลายไปทีละเล็กทีละน้อย ก่อนเขาจะมองไปที่บอดี้การ์ดที่ยืนแข็งทื่ออยู่ตรงหน้า แล้วเอ่ยขึ้นว่า
“ครั้งนี้ฉันจะปล่อยพวกนายไป หากฉันพบว่าผมบนหัวของเธอขาดหายไปแม้แต่เส้นเดียว ฉันจะฆ่าพวกนายทิ้ง... ไปรับโทษที่ห้องลงทัณฑ์ แล้วเวลาปฏิบัติหน้าที่ ห้ามเล่นกันเหมือนเด็กๆ อีก”
คริสเตียนเอ่ยพูดอย่างเย็นชา ทั้งคาร่า และบอดี้การ์ดทั้งหมด จึงพยักหน้ารับโทษอย่างจริงจัง แล้วคริสเตียนก็มองไปที่โมนิก้าต่อ
“กระต่ายน้อยของฉันชอบเธอมาก ฉันเลยยอมให้เธออยู่ที่นี่ต่อ แต่ถ้าเธอทำให้กระต่ายน้อยของฉันอึดอัดหรือไม่สบายใจ ฉันจะไม่ผ่อนผันให้อีก” เขาขู่โมนิก้าซึ่งเธอก็พยักหน้ารับเช่นกัน
“ล้างมือแล้วมากินข้าวกับฉัน” คราวนี้คริสเตียนเอ่ยบอกคาร่าคาร่าก็มองมาที่เขาด้วยความตกใจ
‘เขาพิจารณาคำวิงวอนของฉันจริง ๆ’ เธอคิดอย่างมีความสุข แล้วรอยยิ้มก็ผุดขึ้นบนใบหน้าสวย ทำให้เธอดูสดใสขึ้นมาทันที พร้อมลักยิ้มทั้งสองข้างก็ปรากฏขึ้นบนแก้มของเธอ
คริสเตียนตกตะลึงกับรอยยิ้มที่ไร้เดียงสาและดูจริงใจอยู่ขณะ ก่อนเขาจะแตะไปยังแก้มที่มีรอยบุ๋มของเธอแล้วเดินจากไป ทำให้ทุกคนตกตะลึง ขนาดฟรังโก้ยังสั่นสะท้านอยู่ไม่หาย
‘เจ้านายเปลี่ยนการตัดสินใจของเขาจริงๆ เหรอ?’
ฟรังโก้เห็นดวงตาของคริสเตียนอ่อนแสงลงเล็กน้อย เมื่อเวลาที่เขามองคาร่า ฟรังโก้คิดและแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง อึ้งจนลืมเดินตามหลังเจ้านายไป
“ฟรังโก้!!” เสียงเย็นชาของคริสเตียนเรียกออกมาดังๆ จนฟรังโก้สะดุ้งโหยง พอได้สติก็รีบวิ่งไปหาคริสเตียนด้วยความรวดเร็ว
คริสเตียนเข้าไปในห้องทำงานแล้ว และได้คลายเนกไท กับถอดเสื้อสูทออก ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ตัวใหญ่หลังโต๊ะทำงานของเขา เขาปลดกระดุมแขนเสื้อแล้วพับมันขึ้นสองทบ
ขณะฟรังโก้ยังคงมึนงง ‘มีอะไรผิดปกติกับเจ้านาย? ทำไมเขาถึงได้ทำตัวแตกต่างไปจากปกติ เวลาที่อยู่ต่อหน้าคาร่า? เป็นเพราะเธอคือน้องสาวของแดนหรือเปล่า? ... แต่เขาอยู่ที่นั่นเมื่อคริสเตียนพบเธอครั้งแรก มันไม่มีอะไรเลย นอกจากความเยียบเย็นในสายตาและน้ำเสียงของเขา... แต่วันนี้เขาได้แสดงเศษเสี้ยวของความอ่อนโยน เมื่อพูดคุยกับเธอ... มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่?’ ฟรังโก้คิดคนเดียวด้วยความสับสน
ส่วนคริสเตียนต้องการทิ้งเสื้อสูทที่เปื้อนโคลนของเขา ถึงจะแพงแค่ไหนแต่ในเมื่อมันเปื้อนเขาก็ต้องทิ้งมัน แต่เมื่อเขามองเห็นรอยมืออันสมบูรณ์แบบของเธอบนนั้น ด้วยเหตุผลแปลกๆ บางอย่าง เขาจึงอยากจะเก็บไว้ ดังนั้นเขาจึงพาดไว้หลังเก้าอี้เพื่อให้โคลนแห้งสนิท รูปร่างรอยมือของเธอจึงยังคงเดิม
ฟรังโก้สังเกตเห็นคริสเตียนจ้องมองเสื้อตัวนั้น เขาจึงเข้าใจเจตนาของเจ้านายผิดไป
“เดี๋ยวผมจะส่งไปที่ร้านซักแห้งให้นะครับ” ฟรังโก้เอื้อมมือจะไปหยิบเสื้อสูท แต่ต้องหยุดชะงักด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาของเจ้านาย
“อย่าแตะต้องมัน!”
ทำให้ฟรังโก้ต้องกระโดดถอยหนีด้วยความตื่นกลัว ‘เมื่อกี้ฉันกำลังทำอะไร? ... ฉันแค่อยากช่วย’ ฟรังโก้คิดอย่างสับสน
แล้วเขาก็ค่อยๆ สังเกตวิธีที่เจ้านายจัดเก็บเสื้อสูท คงเพื่อต้องการไม่ให้รอยเปื้อนที่เป็นรูปมือของคาร่าจางหายไป
‘บ้าไปแล้ว เจ้านายต้องการเก็บมันไว้จริงๆ น่ะเหรอ แน่นอนว่าเจ้านายจะต้องโกรธถ้าฉันส่งไปที่ร้านซักแห้งแน่ ๆ’ ฟรังโก้เข้าใจในไม่ช้า
ในห้องนั่งเล่น โมนิก้า คาร่า ดาวิเด้ และกาสปาโร ยังคงมองดูประตูห้องทำงานที่เพิ่งปิดสนิทของเจ้านาย
พวกเขายังไม่อยากเชื่อเลยว่าเจ้านายจะปล่อยพวกเขาไป เพียงเพราะคาร่าขอให้เขาทำ
นี่ควรจะเป็นช่วงเวลาที่สำคัญมากในชีวิตของพวกเขา เพราะพวกเขาไม่เคยคิดว่า จะได้เห็นวันที่เจ้านายเป็นฝ่ายยอมจำนนต่อใครสักคน ด้วยข้ออ้างหรือคำร้องขอ
ในทางกลับกัน คาร่าไม่ได้ตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่อย่างเข้าใจ เธอเลยคิดว่าคริสเตียนคงแค่ใจดีและเข้าใจเธอ เขาจึงยอมปล่อยเพื่อนของเธอไป
แต่เธอไม่เคยรู้และเดาได้เลยว่า นี่เป็นครั้งแรกสำหรับเขา และคนรอบข้างเขาด้วย
ดาวิเด้และกาสปาโรเข้าใจได้ทันที ว่าคาร่ามีความสำคัญต่อเจ้านายของพวกเขามาก... มากกว่าที่พวกเขาเคยคิดก่อนหน้านี้ และพวกเขาชอบกระต่ายน้อยไร้เดียงสาของเจ้านายมาก เพราะหญิงสาวปกป้องพวกเขาซึ่งไม่มีใครเคยทำมาก่อน
ส่วนโมนิก้ายังคงสับสนกับสิ่งที่เพิ่งเกิด ‘เจ้านายเป็นห่วงคาร่า ทั้งที่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ตัว’ แต่เธอฉลาดพอที่จะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องระหว่างคนทั้งสอง ‘มาทำตัวให้เป็นปกติกันดีกว่า’ โมนิก้าตัดสินใจ
ในท้ายที่สุดก็ไม่มีใครเอ่ยพูดอะไรกับคาร่า แต่พวกเขาก็เข้าใจ ว่าคาร่านั้นซื่อสัตย์ ไร้เดียงสา และสำคัญสำหรับเจ้านายของพวกเขา
“คุณฮิลล์ไม่ได้แย่เหมือนแด๊ดของฉัน เขาเป็นคนดีและมีเหตุผล” คาร่าพูดออกมาอย่างดีใจ
ดาวิเด้ได้ฟังก็ร้อง “ฮะ!?” ออกมาเสียงดัง
‘เจ้านายของพวกเขาเนี่ยนะ..เป็นคนดีมีเหตุผล?’ แค่คิดเขาก็ขนลุกแล้ว
‘คริสเตียนทำให้ทุกคนที่พบเขา กลัวนรกได้ ทั้งที่ยังมีชีวิต ครั้งเดียวที่เขาเป็นคนมีเหตุผล ก็คือตอนนี้... แค่นั้น นั่นก็เพราะคาร่าที่ทำให้เขามีเหตุผลขึ้นมาได้’ ดาวิเด้คิดอย่างสับสน
คาร่ามองดูสามคนรอบตัวเธอ ซึ่งมีท่าทีตลกๆ เพราะพวกเขาคงจะกลัวสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น
“งั้น... ฉันจะไปแจ้งลุงมาร์คนะ ว่าคุณฮิลล์จะรับประทานอาหารกลางวันกับเรา”
คาร่าพูดอย่างมีความสุขแล้วเดินไปที่ครัว ปล่อยให้ทั้งสามคนนิ่งเงียบต่อไป เหมือนจมน้ำลายด้วยความไม่เชื่อในสิ่งที่พึ่งพบเห็น
หลังจากที่คาร่าจากไป พวกเขาทั้งสามก็มองหน้ากันเงียบๆ ก่อนพยักหน้าราวกับจะบอกว่ามันเกิดขึ้นจริง ๆ
หลังจากที่คาร่าแจ้งกับมาร์คว่าคริสเตียนจะรับประทานอาหารกลางวันในวันนี้ มาร์คก็เริ่มเหงื่อออกวันนี้เขาจึงต้องใส่ใจในการเตรียมอาหารมากเป็นพิเศษ
หลังจากเตรียมอาหารเสร็จ พวกเขาก็รอให้คริสเตียนลงมาร่วมทานอาหารกลางวันด้วย
โมนิก้าที่ยังคงกลัวคริสเตียนอยู่ ยืนห่างออกไปรวมกับทุกคน ดาวิเด้และกาสปาโร ก็เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในห้องว่างด้านหลัง ห้องครัวซึ่งมักจะถูกใช้งานโดยพวกบอดี้การ์ดทั้งหลาย
คาร่าก็กำลังรอให้คริสเตียนมาร่วมโต๊ะกับเธอด้วย เธอยืนบิดตัวไปมาอย่างกังวลใจ พร้อมฝ่ามือที่ชื้นไปด้วยเหงื่อ กระทั่งคริสเตียนเดินเข้ามาในพื้นที่รับประทานอาหาร และนั่งที่หัวโต๊ะ เป็นโต๊ะยาวที่สามารถรองรับคนได้ประมาณ 20 คน ก่อนเขาจะมองมาที่คาร่า
“นั่ง!” เขาพูดพร้อมพยักหน้าไปทางเก้าอี้ด้านขวามือของเขา
คาร่าจึงนั่งบนเก้าอี้ที่ถูกระบุอย่างเก้ๆ กังๆ เช่นเดียวกับชื่อ ‘กระต่ายตัวน้อย’ ที่เขาชอบเรียกเธอ เพราะพบว่าช่วงเวลาที่เธอดูเงอะงะมันน่ารักดี แถมเขายังชอบที่เธอสวมใส่กางเกงยีนกับเสื้อยืด มากกว่าเดรสแบบผู้หญิงคนอื่น ที่พยายามจะดึงดูดความสนใจจากเขา
ฟรังโก้ยืนอยู่ข้างหลังคริสเตียน พลางถือแฟ้มเอกสารอยู่ในอ้อมแขน ก่อนมาร์คจะเริ่มเสิร์ฟอาหารให้พวกเขาทันที
คริสเตียนชอบอาหารรสเผ็ด ทว่าคาร่าไม่สามารถทานมันได้ รวมถึงอาหารที่มีเครื่องเทศมากๆ แต่วันนี้มาร์คไม่มีสิทธิ์ที่จะทำอาหารอะไรที่คาร่าชอบได้เลย เพราะมีคริสเตียนร่วมรับประทานด้วย
เมนูที่มาร์คเตรียมจึงมีสลัดผักโขมถั่วชิกพี และแซนด์วิชไก่ย่าง ทว่าแม้แต่สลัดก็ยังมีรสจัด เพราะมาร์คได้โรยผงพริกไทยดำมากเกินไป
มาร์คจึงเป็นห่วงคาร่าผู้น่าสงสาร ที่ทานอะไรไม่ได้มาก แถมตอนนี้ดวงตาของเธอก็แดงก่ำ และมีน้ำตาเอ่อล้นออกมา เธอดื่มน้ำตามลงไป ทั้งที่เพิ่งจะทานอาหารได้เพียงคำเดียว แต่ความเผ็ดกลับทำให้เธอต้องเบิกตากว้าง ทว่าเธอก็ไม่กล้าจะทักท้วงอะไร