คริสเตียนเดินลงจากรถ มองไปที่คาร่าด้วยสายตาเฉียบขาด เธอจึงกลัวในสิ่งที่เขาต้องการจากเธอ เธอเริ่มมั่นใจแล้วว่าเขาจะไม่ฆ่าหรือทำร้ายเธอในตอนนี้ หากพวกเขาตั้งใจจะทำอย่างนั้น พวกเขาคงทำไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ตั้งแต่ตอนที่พวกเขาลักพาตัวเธอไป แต่เธอยังสับสนอยู่ว่า ทำไมชายหนุ่มที่ดูอันตรายมากคนนี้ ถึงได้พาตัวเธอมา
“เธอตั้งใจจะนอนในรถงั้นเหรอ” คริสเตียนถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เพราะเขากำลังใกล้จะหมดความอดทนกับคาร่าเต็มที
คาร่าที่ได้ยินจึงรีบขยับตัวออกจากรถด้วยความตกใจ
เสียงของเขาไม่ร้อนหรือเย็น เป็นกลางและไม่มีอารมณ์ เขาเกิดขึ้นมาบนโลกที่โหดร้ายใบนี้ และโลกที่เขาถูกเลี้ยงดูมาโดยความโหดร้ายที่สุด เขาไม่เคยได้รับอนุญาตให้มีความรู้สึก ไม่ว่าจะกับคนหรือสิ่งของ หรือแม้แต่อะไรก็ตาม
นั่นคือสิ่งแรกที่แด๊ดของเขา สอนเขาให้เติบโตขึ้นมา เป็นคนในแบบที่เขาเป็นในปัจจุบัน
เขาจึงไม่เคยแสดงอารมณ์ใดๆ ต่อหน้าใคร แม้แต่ต่อหน้าคนที่เขาไว้วางใจหรือชอบ เขาไม่เคยรักใครเลย ทั้งแด๊ดของเขา และมัมที่ตายไปแล้ว
เขาเชื่อใจแดน แต่เขาไม่เคยแสดงอารมณ์ใดๆ ต่อหน้าแดนเช่นกัน ไม่แสดงความรู้สึกแม้ว่าแดนจะเสียชีวิตในอ้อมแขนของเขาก็ตาม ทั้งที่เขารู้สึกเสียใจและรู้สึกสูญเสีย แต่ต้องเก็บซ่อนทุกอย่างเอาไว้อยู่ภายใน และการดูแลคาร่าหรือปกป้องเธอ คือความรับผิดชอบของเขา ที่เขาตั้งใจจะทำมันเพื่อแดน
คาร่าเดินตามคริสเตียนไปที่ประตูไม้แกะสลักบานใหญ่สองบาน หลังจากนั้นเป็นห้องโถงที่นำไปสู่บันไดด้านขวา และพื้นที่นั่งเล่นด้านซ้าย อีกด้านของบันไดเป็นห้องครัวขนาดใหญ่กับพื้นที่รับประทานอาหาร ด้านที่ไกลสุดคือประตูกระจกบานเลื่อน ที่จะนำไปสู่สวนหลังบ้าน ที่ไม่มีอะไรนอกจากต้นหญ้า และต้นไม้ประดับสวยงามน้อยใหญ่ รวมถึงยังมีบ้านอีกหลายหลังที่เป็นบ้านพักสำหรับคนงาน
คริสเตียนพาเธอเดินขึ้นมายังชั้นบน ก่อนจะหยุดที่สุดโถงทางเดิน ซึ่งเธอนับได้ 8 ประตู และประตูทุกบานก็ยังถูกปิดสนิท เขาเปิดประตูห้องสุดท้ายนี้ ก่อนจะมองหน้าคาร่า แล้วให้เธอเดินเข้าไปข้างใน
ซึ่งคาร่ายังตกใจ จึงก้มหน้าก้มตาลง ซ่อนความหวั่นไหวในดวงตากลม ‘เขาจะขังฉันไว้ในห้องนี้เหมือนนักโทษใช่ไหม?’ เธอคิดในแง่ร้าย และคริสเตียนก็สามารถอ่านความรู้สึกทั้งหมด บนใบหน้าของเธอได้ เหมือนกับหนังสือที่เปิดอยู่ เขาจึงเอ่ยขึ้นมา
“ฉันจะไม่ขังเธอไว้ในห้องนี้เหมือนนักโทษหรอก ฉันไม่ได้มีเรื่องอะไรให้ต้องคุมขังเธอเอาไว้” เขาพูดอย่างใจเย็น
คาร่าจึงก้าวเข้าไปด้านใน และหยุดยืนอยู่กลางห้อง มองดูเตียงสี่เสาขนาดใหญ่ ที่มีผ้าลูกไม้สวยงามประดับอยู่ คล้ายเตียงนอนเจ้าหญิง
‘เขาจะบังคับฉันไหม’ เธอคิดไปต่างๆ นานา
“ไม่!”
คริสเตียนพูดขึ้นมา เป็นการเซอร์ไพรส์เธออีกครั้ง ทำให้เธอคิดว่าเขาน่าจะอ่านใจเธอออก ใบหน้าของคาร่าจึงเต็มไปด้วยความเขินอาย
“ที่นี่จะเป็นบ้านหลังใหม่ของเธอ และห้องนี้คือห้องนอนของเธอนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป... แล้วก็... ฉันลงทะเบียนเรียนไว้ให้เธอเรียบร้อยแล้วที่ประเทศไทย เราจะเดินทางหลังจากวันนี้อีกสิบวัน เตรียมตัวให้พร้อมล่ะ”
“...”
“เสื้อผ้าใหม่ของเธอ ถูกจัดเรียงไว้ในตู้แล้วเรียบร้อย... ทั้งหมดนั่นเป็นของเธอ รวมทั้งกระเป๋า รองเท้า และเครื่องประดับ” เขาเว้นช่วงพร้อมกับมองใบหน้าน้อยๆ ที่กำลังยิ้มรับพลางฟังเขาอยู่
‘กระต่ายน้อยสีขาวขนปุย’ เห็นหน้าเธอแล้วเขานึกถึงกระต่ายสีขาวตัวเล็กๆ น่ารักและขนนุ่มนิ่มขึ้นมาเลย
“อีกเดือนกว่ามหาวิทยาลัยของเธอจะเปิดเทอม ฉันจะเดินทางไปส่งเธอถึงประเทศไทยด้วยตัวเอง ที่นั่นเธอจะได้พักในบ้านของเรา และมีแม่บ้านกับบอดี้การ์ดคอยตามดูแลเธอด้วย... อีกอย่าง เธอจะมีเพื่อนใหม่ที่ต้องเดินทางไปเรียนเป็นเพื่อนเธอด้วย”
“ทำไมถึงต้องให้ฉันไปเรียนที่เมืองไทยด้วยคะ ทำไมถึงไม่เรียนที่นี่” คาร่าถามขึ้นมาด้วยความข้องใจ เพราะจะให้เธอไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นแบบไหนคนเดียว แถมเธอยังไม่เคยเดินทางออกนอกประเทศมาก่อน
“แดนพี่ชายของเธอเคยขอร้องฉันไว้ เขาอยากให้เธอได้ไปอยู่ในที่ปลอดภัย และที่นั่นก็เป็นบ้านเกิดของมัมเธอ”
“คุณจะไปเยี่ยมฉันที่นั่นหรือเปล่าคะ” คาร่าถามออกไปด้วยน้ำเสียงเบาหวิว
“ถ้าฉันว่างฉันจะไป... มีซองเอกสารอยู่บนโต๊ะข้างเตียงนอน แล้วเธอจะได้พบกับสิ่งใหม่ๆ ได้เรียนรู้ในสิ่งที่เธอไม่เคยได้เรียนมาก่อน”
“...”
“และนี่คือโทรศัพท์ใหม่ของเธอ... บัตรเอทีเอ็มพร้อมกับรหัส แล้วก็บัตรเครดิต ส่วนรายละเอียดมหาวิทยาลัยของเธออยู่ในนั้น”
คาร่าต้องการคำตอบว่าทำไมเขาจึงพรากเธอมาจากแด๊ด แล้วเขาจะเก็บเธอไว้ทำไม ทำไมเขาถึงปล่อยให้เธอไปเรียนที่มหาวิทยาลัยไกลถึงเมืองไทย ประเทศที่เธอไม่เคยไปมาก่อน
“เดี๋ยวค่ะ” เธอเรียกเขาเบา ๆ
คริสเตียนรู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะเมื่อได้ยินเสียงหวานใสเอ่ยเรียกให้เขาหยุด มันฟังสบายหู จนคิ้วของเขาขมวดเป็นปมด้วยความสับสน แต่เขาก็รีบกำจัดมันได้ทันที
‘มีบางอย่างผิดปกติ’ เขาคิดก่อนจะทำหน้านิ่ง สวมหน้ากากที่เย็นชาใส่เธอตามเดิม
“’มีอะไร?” เขาถามเธออย่างใจเย็น
คาร่ารวบรวมความกล้าก่อนจะถามขึ้นมาเบา ๆ
“คุณพาฉันมาที่นี่ทำไมคะ หรือจะใช้ฉันเพื่อต่อรองแด๊ดของฉัน? ถ้าใช่ คุณคิดผิดแล้ว เพราะเขาไม่เคยสนใจฉันเลย” เธอพูดออกมาอย่างไร้เดียงสา
และทันทีที่เธอเริ่มพูด คริสเตียนก็รู้สึกแปลกๆ ในใจ ด้วยอ่อนไหวไปกับคำพูดเธอ
แต่เขาก็ต้องรีบสลัดความคิดนี้ออกจากศีรษะทันที
‘เธอทำอะไรกับฉันกันนะกระต่ายน้อย’ เขาคิดด้วยความสงสัย
แต่เขาก็ไม่ได้แสดงอะไรออกมาบนใบหน้าของเขา
เขาเข้าใจในสิ่งที่เธอต้องการรู้ คงจะดีถ้าเธอรู้ว่าเธอเป็นอะไร และเธอมีสิทธิ์ที่จะได้รับรู้มัน
“เธอมีพี่ชายชื่อแดน เขาแก่กว่าเธอ 7 ปี มัมของพวกเธอเสียชีวิตไปเมื่อสองสามปีก่อน เช่นเดียวกับพี่ชายของเธอ... แดน... เขาได้บอกให้ฉันปกป้องเธอให้ห่างจากแด๊ดของเธอ รวมถึงภัยคุกคามต่อชีวิตเธอทุกอย่าง นั่นคือคำขอสุดท้ายจากเขา... ฉันเลยต้องทำในสิ่งที่เขาขอให้ฉันทำก็เท่านั้น เป็นเหตุผลที่เธอต้องมาอยู่ที่นี่”
เขาอธิบายให้เธอฟังอย่างใจเย็น หลังจากนั้นคริสเตียนก็หมุนตัวเดินออกจากห้องนอนของคาร่าไปทันที ทิ้งให้คาร่ายืนอยู่กลางห้องด้วยความงุนงง
หลังจากที่คริสเตียนทิ้งเธอไว้ตามลำพังในบ้านใหม่หลังนี้ เธอก็กำลังเรียบเรียงสิ่งที่ได้ยินมาจากเขา ซึ่งสิ่งที่เขาอธิบายให้เธอฟัง คือเขาพาเธอมาที่นี่เพื่อปกป้องเธอจากแด๊ดของเธอ แถมเขายังพูดถึงมัมและพี่ชายของเธอด้วย ซึ่งดูเหมือนว่าทั้งคู่จะตายไปแล้ว
หนำซ้ำเขายังลงทะเบียนให้เธอได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัย ซึ่งเธอจะสามารถเริ่มเรียน และไล่ตามความฝันให้เป็นจริงได้
เธอเห็นซองเอกสารสีน้ำตาลที่เขาพูดถึง และพยายามเอามันมาถือไว้ในมืออย่างระมัดระวัง เธอพึ่งสังเกตเห็นมือที่เปื้อนโคลนของเธอ ตอนนี้โคลนมันแห้งไปหมดแล้ว และเสื้อผ้าของเธอก็มอมแมมไปหมด
เธอย่นจมูกก่อนตัดสินใจจะไปล้างไม้ล้างมือ เธอมองไปรอบๆ และพบประตูที่ปิดอยู่สองบาน เธอจึงเดินเข้าไปใกล้ๆ และตัดสินใจเปิดออกดู ก่อนที่คาร่าจะต้องอ้าปากค้าง เมื่อเห็นตู้เสื้อผ้าแบบวอล์กอินเต็มไปด้วยเสื้อผ้าผู้หญิง รองเท้า รองเท้าแตะ กระเป๋า เครื่องสำอาง และแม้กระทั่งชุดชั้นในก็ถูกวางซ้อนกันอย่างเป็นระเบียบบนชั้นสวยงาม
“โอ้มายก๊อด!” เธออุทานด้วยความตกใจจนเสียงดัง พร้อมส่งเสียงหัวเราะออกมา
คาร่าไม่เคยเห็นเสื้อผ้าที่สวยงามเช่นนี้มาก่อน เธอมักสวมชุดอำพรางตัวที่ได้รับต่อจากพี่สาว หรือใครก็ตามที่ยินดีจะมอบเสื้อผ้าให้เธอในตระกูลแอนเดอร์สัน แต่หญิงสาวไม่เคยได้สวมใส่เสื้อผ้าสวย ๆแบบนี้เลยสักครั้ง
เมื่อคาร่าจมอยู่กับความคิดของเธอ หญิงสาววัยเดียวกับเธอก็เดินเข้ามาหา เพราะประตูยังถูกเปิดอยู่
โมนิก้าเป็นลูกสาวของพ่อบ้านในคฤหาสน์หลังนี้ ซึ่งทำงานภายใต้เจ้านายของพวกเขา โมนิก้าได้รับมอบหมายให้พาหญิงสาวที่ชื่อคาร่า ไปเดินชมรอบๆ คฤหาสน์ฮิลล์
ทีแรกเธอคิดว่าเธอต้องทนกับผู้หญิงที่เอาแต่ใจ ขี้เหวี่ยง และสวมใส่ชุดเซ็กซี่ ถ้าเป็นแบบนั้นเธอไม่อยากจะเกี่ยวข้องด้วย เพราะโมนิก้าไม่ชอบผู้หญิงประเภทนั้น
แต่เมื่อโมนิก้าเข้าไปในห้องของหญิงสาวคนดังกล่าว เธอก็พบว่าผู้หญิงคนนั้นยืนหันหลังให้เธอ และเหม่อมองเข้าไปในตู้เสื้อผ้าแบบวอล์กอินอยู่
เสื้อผ้าที่เธอสวมใส่ดูซีดจาง แถมยังมีคราบโคลนเล็กน้อย ที่เปรอะเปื้อนตามมือของเธอ มันแห้งกรังจนถึงข้อศอก ทำให้โมนิก้าต้องตกตะลึงและสับสน ว่าทำไมถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไปได้ เธอจึงส่งเสียงร้องทักออกไป เพื่อให้หญิงสาวได้รับรู้การมาของเธอ