ซ่า...
น้ำจากถังใหญ่ ๆ ถูกสาดเข้าไปเต็มใบหน้าของหญิงสาวที่นอนนิ่งอยู่กับพื้น มือและเท้าทั้งสองข้างถูกพันธนาการด้วยเชือกสีขาวรัดแน่นจนเป็นรอย
“อือ...”
เสียงที่ครางออกมาจากริมฝีปากน้อย ๆ พร้อมกับความพยายามในการกะพริบตาและอ้าปากพูด แต่สิ่งที่เธอทำได้มันช่างยากไปเสียทุกอย่าง เพราะว่ามีผ้าที่ฟั่นเป็นเส้นเล็ก ๆ รัดเอาไว้ไม่ให้ปากของเธอขยับอ้าได้ ร่างบางพยายามยันกายของตัวเองลุกขึ้นนั่ง แต่ก็ยังคงนอนนิ่งอยู่กับพื้น ยิ่งดิ้น เธอก็ยิ่งเจ็บตัว
แสงไฟจากโคมเล็ก ๆ ถูกส่องไปยังใบหน้าของเธอ ตาที่กำลังหรี่เปิดก็ต้องหลับตาลงไปในทันที ในมโนสำนึกภาพสุดท้ายที่เธอรับรู้ คือมีมือหนาใหญ่พร้อมกับผ้าถูกโปะลงมาปิดทั้งปากและจมูกทำให้สติของเธอดับวูบลง
เมื่อนึกได้เช่นนี้ ด้วยสัญชาตญาณ เธอก็รู้สึกหวาดกลัว หญิงสาวลืมตาขึ้นโพลงพยายามดิ้นหนีตะเกียกตะกาย แต่ร่างของเธอก็ไม่ได้ขยับไปไหนไกลจากตรงนั้นเลย ตอนนี้เธอรู้ชะตากรรมของตัวเองแล้ว เธอกำลังตกอยู่ในอันตราย ดวงตาคู่น้อย ๆ พยายามเพ่งมองฝ่าแสงจ้าเพื่อหาเจ้าของมือใหญ่ที่จับโคมไฟอยู่นั้นว่าเป็นใคร แต่ก็ไม่เป็นผล
“ฉันอดทนรอให้ถึงวันพรุ่งนี้ไม่ได้หรอก อยากจะคุยกับเธอใจจะขาด” เสียงของผู้ชายทุ้ม ๆ เอ่ยขึ้น เค้นคำออกมาจากลำคอพูดเหมือนจงเกลียดจงชังนักหนา
ชายหนุ่มยิ้มอย่างสะใจที่ได้เห็นแววตาของหญิงสาวที่จ้องมองกลับเต็มไปด้วยความขลาดและหวาดหวั่น
กุหลาบแก้วกลัวเข้าไปจับขั้วหัวใจ ใบหน้าของหญิงสาวซีดเผือด สีสันที่แต่งแต้มลงไปบนใบหน้าถูกชะล้างไปกับน้ำหลายถังใหญ่ ๆ เมื่อกี้จนจืดจาง
“คุณเป็นใคร ต้องการอะไรจากฉันกันแน่ ทำไมทำแบบนี้” เสียงที่พยายามจะเปล่งออกมา มันฟังไม่เป็นคำเอาเสียเลย
“รู้ไหม ใครทำให้ฉันเจ็บ และคนที่ฉันรักเจ็บ มันต้องรับรู้ความเจ็บปวดแบบนี้หลายร้อยหลายพันเท่า”
คู่สนทนาหัวเราะเหมือนสะอกสะใจออกมาทันที ฝ่ามือหนาจับกระชากจุกผมของหญิงสาวจนใบหน้าสวย ๆ ของเธอแหงนไปข้างหลัง ใบหน้างาม ๆ ตอนนี้เหยเก แววตาสั่นระริก ๆ ขยับได้แค่เปลือกตา พร้อมกับน้ำตาเริ่มเอ่อคลอเต็มหน่วย
แรงกระตุกของมือนั้น ทำให้หญิงสาวเจ็บร้าวไปทั้งหัว เขาสะบัดปล่อยมือออกไป เธอแทบหงายหลัง หัวใจของกุหลาบแก้วเต้นรัวเร็วดังลั่นอยู่ในทรวงอก นี่เธอกำลังเผชิญกับซาตานตนไหนอยู่กันแน่
“ฉันจะปล่อยให้พวกเธอปกติสุขอยู่บนความทุกข์ของครอบครัวของฉันได้ยังไง ในเมื่อไม่มีใครทำอะไรพวกเธอได้ ฉันนี่แหละจะเป็นคนพิพากษาบทลงโทษใหม่ ๆ ให้เธอเอง อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าพ่อเธอรู้ว่าเธอหายไปแบบนี้มันจะเป็นยังไงบ้าง มันจะต้องเจ็บปวดเหมือนตัวฉันที่โดนควักหัวใจออกมาทั้งเป็นแน่ ๆ” เขาเปรียบเปรย
กุหลาบแก้วพยายามดิ้นรนส่ายหนียกใหญ่ มือหนา ๆ จับเนื้อแขนลูบไล้อย่างไม่เกรงใจแล้วบีบเข้าไปเต็มแรง
“ฉันอยากให้เธอรับรู้ว่าการทรมานเหมือนคนตายทั้งเป็นว่ามันเป็นยังไง ทนายกุหลาบแก้ว จักราวุธ เชิญเป็นคนเก่งให้ได้ตลอดไปนะ” น้ำเสียงหยัน ๆ เขาสะบัดมือออกจากแขนของเธอเหมือนรังเกียจนักหนา แรงน้ำหนักที่ลงมานั้นผลักร่างเล็ก ๆ ให้ล้มกระแทกลงไปกับพื้นไม้แข็ง ๆ จนเจ็บตัว
ใบหน้าของหญิงสาวเต็มไปด้วยน้ำตา มันนองเต็มใบหน้า
เธอทำท่าอึกอัก ๆ เหมือนอยากจะเปล่งวาจามาคุยกับเขา แต่ร่างหนาใหญ่ในความมืดกลับเดินไปพร้อมกับโคมไฟ แล้วปิดประตูไม้เสียงดังปัง
ทิ้งร่างที่ถูกจับเอามือไพล่หลัง และพันธนาการไปทั้งตัวไว้แบบนั้น เนื้อตัวและเสื้อผ้าอาภรณ์ของเธอเปียกโชก ลมพัดกระโชกแรงผ่านกิ่งไม้ด้านนอกจนได้ยิน สายลมลอดผ่านช่องเล็ก ๆ ตามฝาไม้ไผ่ที่สานกั้นเป็นฝาบ้านเข้ามากระทบผิวจนขนลุกเกรียวไปทั้งตัว
เสียงจักจั่นเรไรด้านนอกก็ร้องร่ำประสานกันดังอื้ออึ้ง เธอไม่รู้เลยว่าตัวเองอยู่ที่ไหนตอนนี้ แต่มันไม่ใช่ที่คุ้นเคยแน่ ๆ เสียงสิงสาราสัตว์แปลก ๆ ดังขึ้นตามมาอีก ทั้งเสียงนกแสก และตุ๊กแก นี่มันกลางป่าชัด ๆ
นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น แล้วไอ้ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร มันจับตัวฉันมาทำอะไรที่นี่ แล้วฉันไปทำอะไรให้ ทำไมเขาทำกับฉันอย่างนี้
คำถามร้อยแปดพันประการดังขึ้นมาผุดพราย เธอพร่ำแต่ถามตัวเอง และหวาดกลัวที่สุดในชีวิต ยิ่งดึกก็ยิ่งหนาว แล้วตัวที่เปียกนี่อีก ทำให้หนาวเป็นทวีคูณ แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้ สิ่งที่หญิงสาวทำได้ตอนนี้คือ นอนขดตัวนิ่ง ๆ รอพรุ่งนี้เท่านั้น
คฤหาสน์จักราวุธ
“ยายนิ้งคงไปเริงร่าอยู่ที่บนเครื่องแล้วนะป้านอม” เสี่ยอิทธิพลถามคุณแม่บ้านของเขา
“ค่ะ ป้าเห็นจัดกระเป๋าใส่รถเอาไว้แล้วตั้งหลายวัน คงจะตื่นเต้นเหมือนเคยนะคะ ทำงานมาเหนื่อย ๆ คงได้พักสมใจ แล้วก็ไม่ยอมเอารถกลับมาจอดไว้ที่บ้านนะคะ”
“อ๋อ... ยายนิ้งเพื่อนเขาเยอะ มาบอกลาฉันแล้วตั้งแต่เมื่อคืน”
“คุณนิ้งไปกี่เดือนนะคะท่าน”
“สามเดือนแน่ะ ป้าจะลางานไปทำบุญที่ไหนก็ไปได้ตามสบายเลยนะ”
“จริง ๆ นะคะ งั้นป้าลาสามเดือนเหมือนคุณหนูละกัน”
“โอ๊ะ ๆ ป้า ไม่ได้ ๆ ผมให้ป้าลาได้แค่อาทิตย์เดียว”
“ทำไมล่ะคะ”