“องครักษ์เกา ท่านช่วยออกไปก่อนได้หรือไม่” หญิงสาวหันไปบอกกับองครักษ์หนุ่ม
“แต่ว่า.. พระองค์..”
“พะย่ะค่ะ”เกาฉางเย่เอ่ยพร้อมหันไปมองที่เตียงก่อนจะประสานมือค้อมกายและก้าวจากไปเมื่อคนบนเตียงโบกมือเบาๆ
”เอ่อ..หม่อมฉันขอแตะพระวรกายฟังชีพจรได้หรือไม่เพคะ” นางเอ่ยปากก่อนจะขยับเข้าไปใกล้เมื่อเห็นสัญญาณเป็นเชิงอนุญาต
ยิ่งเข้าใกล้จมูกยิ่งรับกลิ่นฉุนมากขึ้นจนแทบจะไม่อาจทานทน หญิงสาวกัดฟันวางมืออย่างแผ่วเบาลงบนข้อมือแกร่งที่มีร่องรอยบาดแผลอันน่าสะพรึงพร้อมหลับตาลง
เพียงปลายนิ้วสัมผัส สมองพลันรับรู้ถึงสิ่งที่สร้างความทรมานแก่ชายหนุ่มสูงศักดิ์ผู้นี้ มิน่าเล่าเพราะมีส่วนผสมของเลือดอาถรรพ์นี่เองจึงทำให้พิษมีความรุนแรงเป็นเท่าทวี เมื่อรับรู้ถึงความร้ายกาจที่สร้างความทรมานดั่งตายทั้งเป็น ในอกเกิดอาการสั่นสะท้านขอบตาพลันร้อนผ่าวจนเกินต้านทาน น้ำใสๆไหลรินอาบแก้มงาม คนทำช่างเลือดเย็นเกินไปแล้ว ในโลกที่เธอจากมาถึงจะมีการทำร้ายฆ่าแกงกันอย่างไร แต่ก็ยังไม่โหดร้ายเท่ากับวิธีการของคนในยุคนี้
นั่งนิ่งกลั้นสะอื้นจนรับรู้ถึงมืออุ่นร้อนที่สั่นเบาๆแตะตรงแก้ม ทำให้สองตาลืมขึ้นสบเข้ากับสายตาคมที่เจือความอ่อนล้า ราวกับโลกจะหยุดหมุน ทุกช่วงลมหายใจเข้าออกหญิงสาวรู้แต่เพียงว่าไม่อาจละสายตาไปจากคนตรงหน้าได้ อ๋องหนุ่มเจ้าของดวงตาคมดำขลับที่เอื้อมมืออันสั่นเทามาซับน้ำตาบนแก้มนาง
"แม่นาง เจ้าอย่าร้องไห้เลย ข้ารู้ดีว่าอาการของข้านั้นหนักหนานัก ไม่แน่ว่าอาจเกินเยียวยาแล้วก็เป็นได้ เจ้าหาได้มีความผิดอันใดไม่"
เสียงอันอ่อนล้าเอ่ยขึ้นมาดึงสติความนึกคิดของหญิงสาวกลับคืน
"หามิได้เพคะ ขอพระองค์ทรงวางพระทัย หม่อมฉันมีทางรักษาเพคะ" นางกลั้นสะอื้นเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งยิ้มน้อยๆ
"จริงหรือ เจ้ารู้วิธีรักษาเราหรือ" สิ้นเสียงเอ่ยนางพลันรับรู้ถึงแรงบีบที่ข้อมืองาม
"เป็นความจริงเพคะ หม่อมฉันสามารถรักษาพระองค์ได้แน่นอน เพียงแต่อาจจะต้องใช้เวลา ขอพระองค์ทรงอดทนหน่อยนะเพคะ"
ดั่งเสียงสวรรค์ที่ตอบรับความหวังของเขาที่เฝ้าอ้อนวอนต่อฟ้าดินมาอย่างยาวนาน ชายหนุ่มเผยรอยยิ้มที่ห่างหายจากใบหน้าคมคายไปนานจนเขาแทบลืมเลือนมันไปแล้ว
"ได้ ข้ารอได้ ขอเพียงเจ้ารู้วิธี ให้ข้าทำสิ่งใดย่อมได้ทั้งนั้น เพียงแต่ใยเจ้าจึงร่ำไห้ออกมาเล่า ในเมื่อเจ้าบอกว่าสามารถรักษาข้าได้”
”หรือเจ้า..เพียงพูดปลอบใจเปิ่นหวางเท่านั้น” ท้ายเสียงเจือร่องรอยอ่อนล้า
"หามิได้คะ เหตุที่หม่อมฉันร่ำไห้เป็นเพราะเกิดความปลาบปลื้มที่หญิงต่ำต้อยอย่างหม่อมฉันมีวาสนาได้ใช้ความรู้ความสามารถอันน้อยนิดที่มีอยู่ถวายการรักษาแก่พระองค์เพคะ"
“อย่างนั้นเองหรอกหรือ เราเองต่างหากที่ยังมีวาสนา จึงได้พบกับเจ้า แล้วเจ้าจะเริ่มรักษาเราอย่างไร แล้วเราจะต้องทำอะไรบ้าง หรือเจ้าต้องการสมุนไพรชนิดใด ขอให้บอกมาเร็วเข้า“ น้ำเสียงร้อนรนเอ่ยถาม ราวกับเด็กน้อยที่พบเจอของถูกใจ ทำให้หญิงสาวอมยิ้มในหน้าก่อนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจังยิ่ง
”อย่างแรกที่สำคัญยิ่งเพคะ คือออ พระองค์จะต้องปล่อยมือหม่อมฉันเสียก่อนเพคะ”
“^…^
หลังจากชี้แจงรายละเอียดในการรักษาต่อแพทย์ประจำพระองค์ ที่เสนอตัวมาเป็นผู้ช่วยเพื่อเรียนรู้ขั้นตอนต่างๆและเก็บข้อมูลไว้วินิจฉัยต่อไป เพราะยาพิษชนิดนี้นานครั้งที่จะพบพาน เพราะตัวยาในการปรุงพิษหาได้ยากยิ่งแต่หากยาแก้กลับหายากยิ่งกว่า
เมื่อได้รับอนุญาตจากเจ้าของห้อง นางจึงขอแรงบ่าวไพร่ช่วยกันเก็บกวาดและเปลี่ยนผ้าม่านสีทึบออกแล้วเลือกผืนใหม่ที่มีสีอ่อนกว่า ที่มองแล้วให้ความรู้สึกผ่อนคลายมาแทนที่ พร้อมทั้งเปิดหน้าต่างที่ถูกปิดตายมานานหลายเดือนออกรับอากาศบริสุทธิ์ จากนั้นจึงให้ขอองครักษ์เกาไปพาหนี่เหยาเอ๋อร์ที่รออยู่ด้านนอกให้เข้ามาเป็นผู้ช่วยนางอีกแรง
จากนั้นจึงเริ่มขั้นตอนแรกที่สำคัญในการรักษา คือต้องล้างเอาคราบเลือดแห้งกรังที่ติดอยู่ตามร่องรอยบาดแผลออกให้หมดจดเสียก่อน มิฉะนั้นคราบสกปรกต่างๆอาจเป็นอุปสรรคต่อการซึมของยาที่จะเข้าไปรักษาถึงเนื้อเยื่อผิวชั้นในได้ เพราะถึงแม้จะไม่ใช่บาดแผลฉกรรจ์แต่ก็สร้างความรู้สึกปวดแสบปวดร้อนอยู่เกือบตลอดเวลา จึงจำเป็นที่จะต้องทำความสะอาดให้ถี่ถ้วนและเบามือ หญิงสาวจึงเป็นผู้ลงมือเอง
เมื่อเตรียมน้ำอาบผสมใบเปียหยูป่น(ใบโคคลาน)เรียบร้อยแล้วนางจึงให้ชายหนุ่มลงไปนั่งแช่ ขั้นตอนนี้ทั้งเขาและนางต้องใช้ความอดทนอย่างยิ่งยวด สำหรับชายหนุ่มนั้นยามก้าวลงในอ่างสมุนไพรให้ความรู้สึกราวกับว่ากำลังเหยียบย่างลงไปท่ามกลางใบมีดคมน้อยใหญ่นับร้อย ให้ความรู้สึกเจ็บปวดทั้งแสบร้อนไปทั่วสรรพางค์กาย เสียงขบกรามดังขึ้นอยู่เนืองๆ จนผู้ที่ต้องใช้ความนุ่มนวลและแผ่วเบาที่กำลังลูบไล้ทำความสะอาดบาดแผลอยู่นั้นต้องเบามือยิ่งขึ้น
ผ่านไปราวเสี้ยวชั่วยาม(30นาที)ความเจ็บแสบค่อยๆเบาบางลงบ้างแล้ว หากแต่ก็ยังคงเหลืออีกประปราย ยามใดที่มือบางแตะล้างบาดแผลเหล่านั้นเขาก็ยังคงสะดุ้งอยู่เป็นระยะๆ จนถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนน้ำใหม่อีกครั้ง นางจึงค่อยๆพยุงเขาลุกขึ้น และรับผ้ามาจากเด็กสาวที่ยื่นให้ผ่านม่านกั้น หากแต่ชายหนุ่มคงจะนั่งเกร็งเกินไป เมื่อถึงเวลาที่ต้องลุกแขนขาจึงอ่อนแรงดังเด็กพึ่งหัดเดิน ทำให้เขาต้องทิ้งน้ำหนักตัวลงบนหญิงสาวอย่างไม่ตั้งใจ ตาคมจ้องอยู่ตรงไรผมคนตัวบาง เอ่ยปากเสียงเบา
”รบกวนเจ้าแล้ว แม่นางหม่า”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบสายตาคู่นั้น ราวกับถูกแรงดึงดูดที่มองไม่เห็นให้รู้สึกหน้าร้อนผ่าวใจเต้นราวกับจะหลุดออกมาให้ขายหน้าเจ้าของ จนกระทั่งยินเสียงบ่าวรายงานอยู่หน้าบานประตู
“สมุนไพรได้แล้วเจ้าค่ะ”
“เข้ามา” เสียงองครักษ์เกาที่ยังคงทำหน้าที่เฝ้าระวังอยู่หลังฉากกั้นเอ่ยอนุญาตแทนผู้เป็นนาย การอาบน้ำสมุนไพรรอบที่สองจึงเริ่มขึ้นอีกครั้ง เมื่อเติมน้ำรอบใหม่เสร็จ หญิงสาวจึงรับสมุนไพรที่หนี่เหยาเอ๋อร์ไปช่วยกันกับบ่าวป่นเป็นเศษเล็กเศษน้อย มือกำเตรียมโรยลงในอ่าง
รายละเอียดของตัวยาในมือแวบผ่านสู่สมอง นางชะงักทั้งหันไปมองหน้าบ่าวที่เอาสมุนไพรมายื่นให้ หญิงสาววางถาดสมุนไพรลง พร้อมทั้งเดินไปประคองชายหนุ่มที่นั่งรออยู่ตรงแท่นข้างอ่างอาบน้ำ
"พระองค์ไปนั่งพักก่อนเถิดเพคะ ให้หม่อมฉันตรวจดูแผลก่อนที่จะลงน้ำดีกว่านะเพคะไม่แน่ว่าอาจจะไม่ต้องแช่น้ำแล้วก็ได้"
เขายื่นมือที่สั่นน้อยๆมาหา นางจึงรับและเข้าไปประคองส่งเขานั่งถึงเตียงโดยมีเกาฉางเย่คอยช่วย
"ขอประทานราชานุญาตนะเพคะ"
"จากนี้ เจ้าพูดธรรมดากับเราเถิดแม่นาง ไม่ต้องใช้คำราชาศัพท์ให้ยุ่งยากอีก"
"ขอบพระทัยเพคะ เอ่อ เจ้าค่ะ"หญิงสาวรีบเปลี่ยนคำพูดเมื่อรับรู้ถึงสายตาดุๆที่ส่งมา
‘!นี่หรือคนอ่อนเพลีย ขนาดนี้ตายังดุเลย ถ้าหายดีจะดุขนาดไหนเนี่ย!’คิดพลางเดินไปค้นยาในย่ามของตัวเองออกมา
"องครักษ์เกา ข้ารบกวนท่านหน่อยจะได้หรือไม่ วานท่านนำทางเหยาเอ๋อร์ไปต้มยาในห่อนี้ให้ข้าทีเถิด”
"ให้คนของข้านำทางนางไปก็ได้ จะได้ไม่ต้องลำบากท่านองครักษ์เกา” เสียงหวานเอ่ยบอก ทำให้นางต้องผินหน้าไปมอง
"ถวายพระพรเพคะ พระองค์ทรงเป็นเช่นใดบ้าง หม่อมฉันดีใจนักที่รู้ข่าวว่าทรงพบหมอที่รู้วิธีรักษาพระองค์แล้ว"