ตอนที่ 5/1 'เผชิญหน้า'

2165 คำ
ระหว่างอาบน้ำนิมมานก็สำรวจร่างกายภายนอกของตัวเองไปด้วย เกือบแทบทุกจุดที่มีรอยดูดเป็นจ้ำแดง แล้วไหนจะรอยฟันกัดตามท้องแขนและท่อนขาด้านใน บางรอยก็เริ่มจาง แต่บางรอยก็เด่นชัดจนเขามั่นใจว่าเพิ่งถูกทำรอยไว้เมื่อคืน พอหันข้างมองกระจกก็เห็นรอยแผลที่หลังคอ จากนี้ไปมันจะติดตัวเขาไปตลอดชีวิต จะไปมีอะไรกับอัลฟ่าอื่นไม่ได้อีก เคยคิดว่าต่อให้เป็นโอเมก้าก็ยังสามารถแต่งงานใช้ชีวิตครอบครัวกับผู้หญิงที่เป็นเบต้าหรือโอเมก้าสักคนได้ ถึงขนาดวาดภาพไว้ในอนาคตว่าพวกเขาอาจจะมีลูกด้วยกัน แม้ความฝันนั้นจะเลือนรางจนแทบริบหรี่ แต่ก็ยังพอมีหวัง หรือไม่ก็อยู่ไปตัวคนเดียวจนแก่เฒ่าและตายไปอย่างเดียวดาย ใครจะคิดว่าทุกอย่างจะกลับตาลปัตรอย่างนี้ ถูกอัลฟ่าที่เป็นคู่แห่งโชคชะตากัดเข้าเพราะคุมสัญชาตญาณตัวเองไม่ได้ มีเซ็กซ์กันบนเตียงติดต่อกันถึงเจ็ดวันถึงค่อยรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป หน้าตาก็เพิ่งได้เห็นชัดเต็มสองตาวันนี้ จากคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักกลับใกล้ชิดแนบแน่นเหมือนคนคุ้นเคย แม้แต่หัวใจก็ซึมซาบความอบอุ่นและโหยหาอย่างไม่อาจควบคุมตัว ปล่อยไว้แบบนี้คงไม่ดีแน่ เขาไม่อยากอยู่ใกล้คนคนนี้เพราะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอันตราย กลิ่นคาวเลือดจาง ๆ ไม่ว่าจะยกมือถูยังไงก็ยังติดอยู่ที่ปลายจมูก บ่งบอกให้รู้ว่าผู้ชายคนนี้คงทำเรื่องเลวร้ายมามาก และการลากเขาไปข่มขืนก็อาจไม่ใช่ครั้งแรกด้วย ถ้าเกิดนี่เป็นครั้งที่สองที่สามขึ้นมาเขาจะทำยังไงดี จะถูกฆ่าปิดปากตอนหลังไหมนะ คนคนนี้ทำจริงแน่ถ้าต้องการ สัญชาตญาณของเขาร้องเตือนว่าอย่างนั้น เขาไม่ได้กลัวที่อีกฝ่ายเป็นอัลฟ่า แต่กลัวนิสัยป่าเถื่อนโหดร้ายที่แสดงออก กลัวใจของผู้ชายคนนี้จริง ๆ เพราะมันช่างคาดเดายากและไม่รู้ด้วยว่ากำลังคิดอะไรอยู่ จนถึงตอนนี้เขาก็ยังเจ็บกรามอยู่เลย นึกว่าจะถูกบีบจนแตกละเอียดไปแล้ว “อีกไม่กี่วันก็เปิดภาคเรียนแล้ว คงต้องหาทางทำอะไรสักอย่าง ไม่อย่างนั้นทุนที่สู้อุตส่าห์แย่งชิงมาจากคนอื่นแทบเป็นแทบตายต้องถูกเรียกคืนไปแน่” เขาจะยอมให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด เพราะนี่เป็นความหวังเดียวของเขา อนาคตที่หวังจะได้ลืมตาอ้าปากเหมือนกับคนอื่น ๆ จะจบลงตรงนี้ไม่ได้ อยากพิสูจน์ให้ใครต่อใครเห็นว่าถึงเขาจะเป็นโอเมก้าก็ยังมีงาน ดี ๆ ทำ มีเงินสร้างบ้านซื้อรถได้ ไม่ใช่ต้องไปทำงานในซ่องอ้าขาให้แขกเอาอย่างที่ได้ยินกรอกหูจากคนรอบข้างมาตั้งแต่เด็ก ตอนเด็กเขาถูกเพื่อนรุ่นเดียวกันล้อว่าพอโตขึ้นก็ต้องเป็นเหมือนญาติตัวเองที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากไปขายตัวให้มหาเศรษฐีรับเลี้ยงดู ทั้งที่ตอนแรกก็ทำเป็นยึดติดกับศักดิ์ศรีพูดว่าไม่มีทางไม่ทำเด็ดขาด แต่สุดท้ายก็ยอมไปเป็นของเล่นให้อัลฟ่าแก่สนองตัณหาจนกระทั่งทนไม่ไหวฆ่าตัวตาย แทนที่จะได้รับความเห็นใจจากญาติพี่น้องก็ถูกสมเพชถูกก่นด่าสารพัด ถ้าแค่โดนเพื่อนดูถูกอย่างเดียวก็แล้วไป แต่พ่อแท้ ๆ ที่เป็นอัลฟ่าพอแม่คลอดเขาที่เป็นโอเมก้าก็หนีไปแต่งงานใหม่ ตอนนี้ถึงยังส่งเงินค่าเลี้ยงดูมาให้ทุกเดือนก็ไม่ทำให้เขารู้สึกดีขึ้น เพราะแม่ต้องโดนพวกพี่น้องคนอื่นต่อว่า หาว่าโง่งมงายในรัก สุดท้ายก็ถูกทิ้งไปอย่างไม่ไยดี แม่เขาเป็นโอเมก้าชาย ตอนเด็ก ๆ ท่านมักก็เล่าให้เขาฟังว่าพ่อรักท่านมากแค่ไหน เล่าไปก็ยิ้มไปอย่างมีความสุข แต่พอหันไปมองรอบกายกลับปราศจากเงาของคนที่ท่านรักนักหนา ตอนนั้นเขายังเด็กก็เลยไม่ค่อยเข้าใจอะไร ฟังเรื่องราวของพวกท่านอย่างสนุก ทว่า…ห้าปีให้หลังเขาก็เริ่มเข้าใจหลายสิ่งหลายอย่างมากขึ้น คนที่ท่านรักทิ้งท่านไปนานแล้ว มีครอบครัวใหม่กับโอเมก้าที่ให้กำเนิดอัลฟ่าได้ ซึ่งเด็กคนนั้นก็เป็นน้องชายของเขา ได้อยู่กันพร้อมหน้าพ่อแม่ลูก ในขณะที่เขามีเพียงแม่คนเดียว ครั้งแรกที่เขาได้เห็นหน้าพ่อก็คือเมื่อสามปีก่อนตอนขึ้นมัธยมปลาย เป็นครั้งเดียวและครั้งสุดท้าย เขาได้แต่สะกดกลั้นความเจ็บปวดและเสียใจไว้ หากเขาร้องไห้แม่จะยิ่งเป็นทุกข์ แค่พ่อทำให้แม่เสียใจคนเดียวก็พอแล้ว เขาจะไม่ยอมให้ท่านร้องไห้เพราะเรื่องของเขา เขาจะไม่ยอมเดินซ้ำรอยเดิม จะไม่หลงรักอัลฟ่าที่เห็นโอเมก้าอย่างพวกเขาเป็นแค่เครื่องมือผลิตทายาท พอให้กำเนิดทายาทที่เป็นอัลฟ่าไม่ได้ก็ถูกทอดทิ้งเหมือนของไร้ค่า เรื่องน่าเศร้าพรรค์นั้นใครจะยอมให้เกิดขึ้น เขายอมตายซะยังดีกว่าต้องกลายสภาพเป็นแบบนั้น นิมมานสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วผ่อนลมออกปากช้า ๆ น้ำตาที่ซึมอยู่ตรงหางตาก็เช็ดออก เหลือแค่ดวงตาแดงระเรื่อแวววาว เขาต้องเข้มแข็งให้มากกว่านี้ แล้วรีบหาทางหนีออกไปจากที่นี่ให้ได้ เด็กหนุ่มหน้าใสเดินออกมาจากห้องด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่เอี่ยมไม่เคยผ่านการใช้งาน เสื้อยืดแขนสั้นสีฟ้าพาสเทลกับกางเกงขาสั้นสีขาวทำให้นิมมานดูเหมือนเด็กอายุสิบห้าสิบหก เพราะขนาดตัวที่เล็กบางกะทัดรัดบวกกับผิวขาวจัดเหมือนโปะแป้งทับไว้ทั้งตัว ทำให้มิเชลที่เป็นบอดี้การ์ดของนายหญิงดาหลาถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะ มิเชลรีบปรับสีหน้านำคนหน้าเด็กซึ่งเป็นแขกของนายหญิงลงไปยังชั้นล่างโดยไม่ได้เริ่มบทสนทนา ในใจคิดว่านิมมานหน้าเด็กมากจนแทบไม่อยากเชื่อว่าอายุสิบเก้าปีแล้ว แต่ถึงจะดูเด็กอย่างไรก็ยังซ่อนกลิ่นเย้ายวนดึงดูดพวกอัลฟ่าไม่ได้อยู่ดี เด็กหนุ่มคนนี้มีเสน่ห์บางอย่างที่เชื้อเชิญให้คนที่เดินผ่านไปมาต้องมองเหลียวหลัง หรือเพราะเพิ่งผ่านคืนที่ร่วมอภิรมย์กับคุณไตรมาถึงได้ส่งกลิ่นหอมหวานอย่างนี้ ถึงจะมีกลิ่นอัลฟ่าคอยกดข่มไม่ให้เข้าใกล้คนของตนอยู่เถอะ ขนาดเธอไม่ได้เข้าใกล้มากก็ยังได้กลิ่นน่าเกรงขามแสดงความเป็นเจ้าของชัดเจน อัลฟ่าเป็นพวกหวงของ เธอเองก็เป็นอัลฟ่าย่อมรู้ความหมายของการจงใจปล่อยกลิ่นให้ติดตัวโอเมก้า มันคือการประกาศให้อัลฟ่าอื่นรู้ว่านี่คือสมบัติของตน และยิ่งเป็นกลิ่นของคุณไตรที่มีความเข้มข้นรุนแรงด้วยแล้ว ต่อให้จะไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้ก็ยังถูกกดดันด้วยพลังอำนาจบางอย่างที่มองไม่เห็นทว่าสัมผัสได้ ราวกับถูกดวงตาสีเลือดจับจ้องด้วยความดุร้ายแข็งกร้าวจนรู้สึกยำเกรงไม่กล้าเข้าใกล้ บางทีเด็กคนนี้อาจยังไม่รู้ตัวว่าได้รับการปกป้องคุ้มครองจาก คู่แห่งโชคชะตา นิมมานไม่ได้ล่วงรู้ถึงความคิดของคนที่เดินนำหน้าอยู่ ใจเขามัวแต่คิดถึงแผนการหลบหนีออกไปจากที่นี่เพียงอย่างเดียว ไอ้เรื่องที่คนพวกนั้นจะใจดีพาเขากลับไปส่งบ้านให้คงเป็นไปไม่ได้ แล้วยิ่งหวังพึ่งพาคนที่ฉุดลากตัวเองมาให้ยอมปล่อยตัวไปง่าย ๆ ยิ่งไม่มีหวัง พอลงมาถึงบันไดขั้นสุดท้ายเด็กหนุ่มก็ได้สติกลับมาเพราะถูกกลิ่นอัลฟ่าหลายคนปะทะเข้าหน้าจนเผลอผงะถอยหลังไปก้าวใหญ่ ที่ว่าพ่อแม่อยากพบเขาและอาจมีพี่น้องของตัวเองร่วมด้วย เห็นทีคงไม่ใช่ นี่มันมายกฝูงเลยต่างหาก แค่ยืนอยู่ตรงนี้ก็แทบล้มทั้งยืนแล้ว มีอัลฟ่ามากกว่าห้าคนรวมอยู่ในห้องโถงใหญ่ แต่กลิ่นของคนคนนั้นกลับไม่มีรวมอยู่ด้วย เป็นคนลากตัวเขามาแท้ ๆ แต่กลับทิ้งเขาไว้ให้อยู่กับคนอื่น เด็กหนุ่มกัดปากแน่นหน้าซีดไม่ยอมก้าวเดินต่อ ทำเอามิเชลที่ไม่รับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของคนข้างหลังหันกลับไปมองด้วยความประหลาดใจ แล้วก็ได้รับคำตอบในทันทีเมื่อเห็นท่าทางของโอเมก้าน้อย อีกฝ่ายตัวสั่นแทบโผเกาะราวบันไดไว้ แต่ก็ยังฝืนอดทนต่อความกลัวตามสัญชาตญาณของโอเมก้า เมื่อต้องมาอยู่ในฝูงอัลฟ่าจำนวนมากเพียงลำพัง “ไหวไหมคะ” “ผมไม่เป็นไรครับ” นิมมานตอบพร้อมทำใจแข็งกัดฟันข่มกลั้นความกลัวไว้แล้วก้าวเดินต่อ ยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งตัวสั่น ฝ่ามือเปียกชื้นเพราะเหงื่อไหลไม่หยุด ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมทุกคนถึงได้เกลียดโอเมก้า ก็เพราะทั้งอ่อนแอและไร้กำลัง จะไปต่อสู้ต่อกรกับใครก็ไม่ได้อย่างนี้ไงถึงได้น่ารังเกียจ ไตรวิชญ์ที่เพิ่งแวะไปดูโรงฝึกซ้อมของพวกบอดี้การ์ดเดินกลับเข้ามา ยังไม่ทันได้เห็นตัวก็ได้กลิ่นหอมเย็นชื่นใจลอยโชยมาผสมผสานกับความกลัวเกรงระคนหวั่นใจ คิ้วพาดเฉียงมุ่นเข้าหากันเพียงเล็กน้อยก็คลายออก ใบหน้าดิบเถื่อนเร้าใจมีแววร้ายกาจวูบหนึ่ง ก่อนตีสีหน้าเรียบเฉยเดินตรงเข้าไปหาเจ้าของกลิ่นยั่วยวน มิเชลที่เห็นคุณชายรองเดินมาก็ถอยหลบไปยืนอยู่ด้านข้าง ปล่อยให้ทั้งสองคนเผชิญหน้ากันโดยไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่ง แต่ก็ไม่ได้จากไปไหนไกลเพราะคำสั่งของนายหญิงบอกให้พาตัวเด็กคนนี้ไปพบ “มัวยืนทำอะไรอยู่ตรงนี้ ทำไมยังไม่รีบเข้าไป” นิมมานมองหน้าคนพูดด้วยสายตาโกรธกรุ่น ไม่พอใจที่อีกฝ่ายแกล้งทำเป็นไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาถึงหยุดยืนอยู่ตรงนี้ แต่พอไตรวิชญ์เดินเข้ามาใกล้ กลิ่นฉุนกึกของอัลฟ่าพวกนั้นก็ถูกกลบทับจนมิด นำพาความโล่งใจมาให้เขาอีกครั้ง ก่อนหน้านี้ก็เช่นกัน แค่มองเห็นคนคนนี้อยู่ในสายตาก็รู้สึกอุ่นใจและหวาดกลัวไปในเวลาเดียวกัน “หลังจากไปพบพ่อแม่ฉันแล้วค่อยไปกินข้าว” พอมีคนนอกอยู่ด้วยไตรวิชญ์ก็เปลี่ยนสรรพนามให้สุภาพขึ้น จนคนฟังอย่างนิมมานทำหน้าไม่อยากเชื่อสายตาและสองหูตัวเอง ไม่คิดว่าคนป่าเถื่อนโหดร้ายอย่างไตรวิชญ์จะรู้จักคำว่าสุภาพเหมือนกับคนอื่นด้วย ครั้งแรกที่เจอกันก็ขึ้นกูมึงกับเขา ยัดเยียดสถานะให้แบบไม่เต็มใจ แสดงว่าผู้หญิงคนนี้คงมีความสำคัญในบ้านหลังนี้ไม่น้อยเลยสินะ แต่คงไม่ใช่แฟนหรอก เพราะจากปฏิกิริยาเมื่อครู่นี้ดูอีกฝ่ายจะเคารพคนคนนี้มากเกินไป น่าจะเป็นลูกน้องของพ่อแม่ไตรวิชญ์มากกว่า ไตรวิชญ์ทำเมินสายตาที่จ้องเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อมองเลยไปยังเลขาสาวสวยของมารดา อีกฝ่ายรู้จักหน้าที่ของตัวเองดีจึงยังปักหลักอยู่ตรงนี้ จนกว่าจะพาตัวนิมมานไปพบแม่เขาได้ เธอถึงจะยอมจากไป “เดี๋ยวเข้าไปพร้อมกับฉันเลย” ร่างสูงใหญ่หมุนตัวเดินนำออกไปก่อนทันทีโดยไม่รอให้คนด้านหลังได้เตรียมใจรับมือกับสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น นิมมานพ่นลมหายใจแรงด้วยสีหน้าหงุดหงิดรำคาญใจ อยากตะโกนด่าทอคนใจดำที่ไม่เคยถาม ไม่เคยสนใจจะรับผิดชอบความรู้สึกของคนที่ถูกทำร้ายเลย ความโกรธ ความน้อยใจที่อัดอั้นอยู่ในอกทำให้ดวงตาเรียวสวยฉ่ำวาว หยาดน้ำตาใส่ปริ่มล้นจวนเจียนจะไหล แต่เพราะใครอีกคนสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่แผ่ออกมาจากคนตัวเล็กด้านหลังถึงยอมหยุดเดิน นิมมานเบะปากเดินไปหยุดอยู่ข้างหลังคนร่างยักษ์พลางแหงนหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายที่หยุดเดินกะทันหัน แผ่นหลังของคนคนนี้กว้างมาก ไหล่บ่าก็ตั้งตรงน่าเอนซบ แต่กลับปล่อยกลิ่นอันตรายผลักดันทุกคนไม่ให้เข้าใกล้ ยกเว้นเขาคนหนึ่งที่เดินเข้าไปหาและแอบจับชายเสื้ออัลฟ่าเถื่อนไว้ ถ้าถูกสะบัดหรือปัดมือออกตอนนั้นเขาค่อยถอยห่างออกมา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม