นิมมานแหงนหน้ามองดวงอาทิตย์ของเวลาบ่ายสอง เขาเดินวนอยู่ในป่ามาได้พักใหญ่แล้วก็ยังไม่เจอทางออกจนเริ่มออกอาการเหนื่อยหอบ ดวงตาเรียวรีกวาดมองไปรอบด้านเห็นแต่ต้นไม้สูงใหญ่ พอก้มมองพื้นก็เห็นต้นหญ้าขึ้นรกชัฏชวนหวาดเสียวว่าจะเจองูซุ่มอยู่ มือเล็กยกขึ้นปาดเหงื่อที่ไหลย้อยจากขมับมายังปลายคาง อากาศที่ร้อนอบอ้าวทำให้เด็กหนุ่มยิ่งร้อนใจ
เพราะอะไรเดินมาตั้งนานแล้วยังไม่เจอทางออกอีก?
เด็กหนุ่มร่างบางเดินไปนั่งพิงต้นไม้ใหญ่ด้วยความเหนื่อยล้า สองขาเริ่มก้าวต่อไปไม่ไหวแล้ว ก่อนจะแหงนหน้ามองฟ้าสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดลึก ๆ พยายามควบคุมสติไม่ให้คิดฟุ้งซ่าน ถอดใจยอมแพ้แล้วเดินย้อนกลับไปทางเดิม เพราะความขลาดกลัวที่กำลังคืบคลานรุมเร้าหัวใจ
เขามั่นใจว่าหลังบานประตูนี้ไปตรงมีทางออกแน่ ๆ ไม่อย่างนั้นพวกบอดี้การ์ดคงไม่ใช้เส้นทางนี้ออกจากบ้านแทนที่จะเป็นประตูใหญ่ทางด้านหน้าหรอก แต่ต้องเดินอีกไกลแค่ไหนถึงจะโผล่ทะลุไปเจอถนนสักที
นี่มันตั้งนานแล้วนะ!
นิมมานหน้าเครียดกัดริมฝีปากล่างอย่างเป็นกังวล พยายามปลุกปลอบใจตัวเองและสั่งให้เข้มแข็งไว้ เขาจะมาหยุดยอมแพ้อยู่ตรงนี้ไม่ได้ ขืนกลับไปมีหวังถูกเชือดแน่ แล้วไหนจะอิสรภาพที่ต้องถูกแย่งชิงเอาไปอีก
คนคนนั้นไม่คิดจะปล่อยเขาไปตั้งแต่แรก คิดจะให้เขาเป็นเครื่องมือบำบัดความใคร่
พวกอัลฟ่าก็เห็นโอเมก้าเป็นแค่ของเล่นกับมีไว้ผลิตทายาทเท่านั้น
ผลการสำรวจพบว่าอัลฟ่าชอบมีเซ็กซ์กับโอเมก้า โดยเฉพาะตอนโอเมก้าฮีท ปฏิกิริยาร่างกายของพวกเขาจะตอบสนองได้ดีเยี่ยม เพราะ
ฮีทของโอเมก้าจะกระตุ้นให้อัลฟ่าเกิดการรัท หลงใหลในกลิ่นหอมเย้ายวนกระตุ้นกำหนัด
เขาก็ไม่แน่ใจว่ามันเป็นกลิ่นแบบไหน แต่ครูโรงเรียนมัธยมบอกว่ากลิ่นของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน และยั่วยวนเชิญชวนให้พวกอัลฟ่าอยากผสมพันธุ์ด้วย หรือก็คืออาการติดสัดที่ต่างฝ่ายต่างควบคุมร่างกายและสติสัมปชัญญะไม่ได้ พุ่งกระโจนเข้าขย้ำกันอย่างหลงลืมตัว
ครั้งนี้เขาพลาดเอง ไม่รู้ว่าเกิดเหตุอาเพศอะไรถึงกลายเป็นแบบนี้ ทั้งที่รับปากแม่ไว้แล้วแท้ ๆ ว่าจะดูแลตัวเองให้ดี ตั้งใจเรียนหนังสือให้จบ ไม่อยากทำให้แม่ผิดหวัง แต่ไม่ทันไรก็ถูกอัลฟ่ากัดคอ ถูกพาตัวมาทิ้งไว้ในคฤหาสน์หลังใหญ่ แล้วสุดท้ายก็ต้องมาหนีหัวซุกหัวซุนอย่างกับผู้ร้ายทำความผิด
เขาอยากถามจริง ๆ ว่าไปทำอะไรให้ ถึงต้องมาทำกับแบบนี้ แต่ถามไปก็ไม่ได้อะไรดีขึ้นมาหรอก ในเมื่ออีกฝ่ายไม่คิดจะรับฟัง
ใบหน้าเรียวเล็กบูดบึ้งบู้บี้ เมื่อคิดถึงอัลฟ่าเถื่อนหน้าโหดที่ชอบออกคำสั่งทำตัวไร้เหตุผล แถมยังไม่ยอมฟังใครชอบทำตัวเป็นใหญ่ข่มขู่คนอื่น ให้เขากลับไปเจอสภาพแบบนั้นอีกไม่ไหวหรอก ใครทนได้ก็ทน เพราะเขาจะไม่ทน!
นิมมานดันตัวเองให้ลุกขึ้นยืน สองมือปัดเศษดินที่ติดก้นตอนนั่งลงกับพื้นออก จากนั้นก็ก้าวเดินต่ออย่างไม่รั้งรอให้เสียเวลาอีก แสงแดดร้อนจัดส่องลอดผ่านช่องว่างของใบไม้ที่กำลังส่ายไหวเพราะถูกลมพัดมายังด้านล่าง เสียงต้นหญ้าเสียดสีกันดังแซก ๆ ให้บรรยากาศน่าหวาดเสียวชวนขนลุกอย่างบอกไม่ถูก เสียงแมลงตัวเล็ก ๆ หวีดแหลมพากันส่งเสียงร้องแข่งกันยิ่งกระตุ้นสัญชาตญาณความกลัวของมนุษย์ ใบหน้าเรียวเล็กซีดเผือดฉายแววตื่นตระหนกรีบเร่งฝีเท้าวิ่งหนีไปจากตรงนี้สุดกำลัง
เนิ่นนานจนดวงตะวันคล้อยต่ำ แสงอาทิตย์หมดไปในที่สุด รอบด้านก็มืดมิดไร้แสงสว่างจากดวงจันทร์เพราะถูกเงาจากต้นไม้บดบังทำให้มองไม่เห็นทางเดิน อากาศที่หนาวเย็นลงทำให้เด็กหนุ่มต้องกอดกระชับเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ ยังดีที่บนตัวเขามีเสื้อหนา ๆ อยู่หลายชั้นจึงไม่หนาวมาก แต่ถ้าถามว่ามันช่วยทำให้เขารู้สึกดีขึ้นไหมในเวลาแบบนี้
ไม่เลยสักนิด เขารู้ว่าตัวเองกำลังหลงป่าหาทางออกไม่เจอ
สุดท้ายความกลัวไปต่าง ๆ นานาก็ทำให้นิมมานร้องไห้โฮ ก่อนจะสะดุ้งตกใจเมื่อได้ยินเสียงสวบสาบของพุ่มหญ้าที่อยู่ข้าง ๆ โดยไม่ต้องหันกลับไปมอง ร่างบางก็ออกวิ่งสุดชีวิต หลับหูหลับตาพุ่งตรงไปข้างหน้าจนกระทั่งขาไปเกี่ยวหนามเข้าเป็นทางยาวจนเลือดไหลซิบ
ดวงตาเรียวสวยถึงกับน้ำตาคลอเบ้า ใบหน้าเหยเกด้วยความเจ็บ กำลังคิดจะหยุดเท้าลงเพื่อก้มมองก็ดันซวยซ้ำซวยซ้อนที่บริเวณนั้นดันมีหลุม ทำเอาเขาร่วงตกลงไปม้วนกลิ้งหลายตลบแล้วแผ่นหลังก็ไปกระแทกเข้ากับต้นไม้อย่างจัง ทั้งเจ็บทั้งจุกจนหลุดเสียงร้องไม่ออก
นิมมานร้องไห้ออกมาอีกครั้งอย่างกลั้นไม่อยู่ กวาดสายตามองไปรอบ ๆ ก็เห็นแต่ต้นไม้เต็มไปหมด ส่วนหลุมที่เขาพลัดตกลงมาแม้ไม่ลึกก็ปีนกลับขึ้นไปยาก เพราะเขาดันเดี้ยงไปแล้วจากการกลิ้งลงมาเมื่อกี้นี้ ไหนจะหลังที่กระแทกกับต้นไม้อีก มันไม่ถึงกับหักแต่ก็ทำให้เขาขยับตัวไม่ได้
สุดท้ายแล้วเขาต้องมาตายอยู่ที่นี่งั้นเหรอ น่าสมเพชที่สุดเลย
แล้วใจเขาก็ประหวัดไปถึงคนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด ถ้าไม่ต้องเจอคนคนนี้ชีวิตเขาก็คงไม่ต้องมาเผชิญกับสถานการณ์เลวร้ายแบบนี้หรอก แต่ไม่รู้ทำไมพอคิดถึงสายตาดุดันคู่นั้นที่สะกดให้เขานิ่งงัน หัวใจก็พลันอบอุ่นขึ้นมาดื้อ ๆ
อยากเจออีกสักครั้ง...อยากเห็นคนคนนั้นมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้เลย
วันนี้ทั้งวันไตรวิชญ์มีปัญหาที่ต้องไปจัดการด้วยตัวเอง โดยพกคนไปมากกว่าปกติ เพราะมีพวกเขตเหนือคิดจะทำตัวกร่างรุกล้ำเข้ามาในเขตของพวกเขา กว่าจะเคลียร์ปัญหาได้ก็กินเวลาไปหลายชั่วโมง แน่นอนว่าย่อมมีการต่อสู้ลงไม้ลงมือกัน เขาจะไม่ยอมให้ใครก็ตามเข้ามาแหย็มทำตัวอวดดีในถิ่นของเขา
เมื่อรถคันหรูจอดลงร่างสูงใหญ่กำยำในชุดเสื้อยืดสีดำกางเกงดำขายาวก็ก้าวลงมา แต่สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือความผิดปกติรอบบริเวณบ้าน พวกบอดี้การ์ดที่คอยคุ้มกันและเฝ้าระวังกลับหายตัวไปหมด ดวงตาสีน้ำตาลแดงหรี่ลงประเมินสถานการณ์อย่างรวดเร็ว ไม่มีร่องรอยการต่อสู้เกิดขึ้นก็แปลว่าคนของเขาล่าถอยไปเอง แล้วมันเรื่องอะไรวะที่ปล่อยให้การคุ้มกันหละหลวมถึงขนาดนี้
ลักษณ์กับนาราได้รับสายของนายหญิงแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะอย่างนั้นถึงไม่ตกใจเหมือนกับที่คุณชายรองกำลังเป็น แต่จะเรียกว่าตกใจคงไม่ถูก บอกว่ากำลังเดือดจัดจนอยากจะจับตัวใครสักคนมาหักกระดูกยังจะน่าเชื่อซะกว่า พวกเขาสองคนแอบหวั่นใจทว่ายังคงรักษาสีหน้าได้เป็นปกติ แต่เพราะไม่ทุกข์ไม่ร้อนมากเกินไป เจ้านายหนุ่มถึงผิดสังเกตพุ่งเป้ามายังพวกเขาแทน
“พวกนายรู้ใช่ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น” ดวงตาคมกริบดุจเหยี่ยวตวัดมอง ทำเอาคนถูกจ้องพากันสะดุ้งตกใจออกอาการชัดเจน
ทั้งลักษณ์ทั้งนาราพากันเหงื่อตกรีบก้มหน้าหลบตาหนีสายตาดุดันแข็งกร้าวซึ่งวาวโรจน์ราวกับเปลวไฟ ยังไม่ทันได้ตอบอะไร เงาดำทะมึนของเจ้านายก็ผละถอยไปพร้อมกับกลิ่นอายคุกคามที่มีแต่จะเพิ่มขึ้น แม้ว่าตัวจะเดินห่างออกไปไกลแล้วก็ตาม
ไตรวิชญ์รู้สึกสังหรณ์ใจจึงรีบพุ่งขึ้นไปยังชั้นสาม ตรงดิ่งไปยังห้องของตัวเอง และเมื่อผลักประตูเปิดเข้าไปกลับจมูกก็ได้กลิ่นหอมเย็นของมะลิลอยน้ำที่ช่วยให้ใจชุ่มฉ่ำคลายความเหนื่อยล้า ทว่าทันทีที่สองเท้ามาหยุดอยู่ข้างเตียงแล้วไม่เห็นเงาร่างที่โหยหา ใบหน้าหล่อเหลาดิบเถื่อนก็ดำมืดเหมือนราหูอมจันทร์ ดวงตาอำมหิตเยียบเย็นกวาดมองหาเป้าหมายแต่กลับไร้เงา ทิ้งเพียงกลิ่นให้ติดอยู่บนเตียงหอมหวานยั่วยวนให้อยากสูดดม
ชายหนุ่มกำหมัดแน่นทั้งร่างสั่นเทาด้วยความโกรธเกรี้ยว ดวงตาแดงก่ำราวกับอาบด้วยเลือด หุนหันก้าวออกจากห้องตรงไปยังห้องบิดามารดารวดเร็วไม่ต่างจากลมพายุ พอมาถึงก็ข่มกลั้นอารมณ์เดือดพล่านไว้ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ กำลังจะยกมือขึ้นเคาะประตูก็ดันเปิดออกซะก่อน แล้วร่างสูงเพรียวเหมือนนางแบบของแม่บังเกิดเกล้าก็เดินเข้ามาหยุดลงตรงหน้าเขา
“ทำไมต้องปล่อยกลิ่นฉุนจมูกแบบนี้ใส่คนอื่นด้วย คิดบ้างไหมว่าแม่จะเวียนหัว”
“แม่เอาตัวมันไปซ่อนไว้ที่ไหน” ไตรวิชญ์ไม่มีอารมณ์จะมาพูดจาล้อเล่นกับมารดา
ใบหน้ากับแววตาที่จริงจังมากทำให้ดาหลานึกไปถึงการตอนที่อีกฝ่ายเป็นเด็ก คงไม่มีเด็กคนไหนมีแววตาแข็งกร้าวทรงอำนาจได้เท่ากับไตรวิชญ์อีกแล้ว สายเลือดอัลฟ่าที่เข้มข้นหล่อหลอมให้ลูกชายเธอแข็งแกร่งทรงพลัง กลิ่นอายของผู้นำแผ่ล้นไหลเวียนอยู่ในตัวเด็กคนนี้ แม้แต่เธอที่เป็นแม่ก็ยังสู้ไม่ไหว หากลูกชายจะลงไม้ลงมือคิดทำร้ายเธอเพราะความโกรธ
“จะทำร้ายแม่เหรอ นั่นสินะ เดี๋ยวนี้ลูกเก่ง พละกำลังก็มาก ใคร ๆ ต่างก็หวาดกลัวลูกกันทั้งนั้น แม้แต่กับคนในบ้านก็กลัวลูกจนหัวหด ตอนนี้ลูกก็พยายามจะทำให้แม่กลัวลูกด้วยอีกคนใช่ไหม”
ไตรวิชญ์เหมือนจะได้สติกลับมาเพราะคำพูดตัดพ้อของมารดา บนโลกนี้เขาจะร้ายกับใครก็ได้ แต่คนคนนั้นต้องไม่ใช่แม่ผู้ให้กำเนิดเขา ใบหน้าคมดุเริ่มกลับมาเรียบนิ่งติดเย็นชา แต่กระนั้นก็ยังดีกว่าบรรยายเหี้ยมเกรียมดุดันที่แผ่ออกมาเมื่อกี้ก็แล้วกัน แบบนี้ค่อยหายใจหายคอได้สะดวกหน่อย
“แม่เอามัน…”
“เรียกน้องว่ามันได้ไง เดี๋ยวแม่จะตีให้ แล้วทำไมลูกถึงคิดว่าแม่ต้องพาน้องไปซ่อนด้วย แม่ไม่ได้เป็นคนพาไป แต่น้องหนีไปเอง”
ดาหลาลอยหน้าลอยตาตอบเหมือนตัวเองไม่ได้มีความผิดอะไร แต่การที่อีกฝ่ายหนีออกไปได้ก็เป็นเพราะเธอลงมือจัดแจงจัดการเองทุกอย่าง ทั้งไล่บอดี้การ์ดให้ไปหลบมุมอยู่ด้านหลัง ทั้งเรียกคนสวนให้ไปเฝ้าประตูข้างแทน ส่วนในบ้านก็ไล่พวกแม่บ้านคนครัวให้กลับไปพักผ่อนจนบ้านทั้งหลังเหลือเพียงเธอกับสามี
ถ้าไม่ใช่เพราะเธอช่วยเปิดทางให้มีหรือนิมมานจะหนีออกไปได้ง่าย ๆ อย่างนี้ และเพราะไตรวิชญ์คาดเดาแผนการนั้นได้จึงโกรธที่มารดาหาเรื่องชวนปวดหัวมาให้เขา แล้วคิดว่าเขาจะต้องเต้นไปตามแผนการของแม่น่ะเหรอ
อยากหนีไปก็เชิญ อยากจะไปตายอยู่ที่ไหนก็ช่าง คิดว่าคนอย่างเขาจะต้องไปตามง้อมันรึไง!
ไตรวิชญ์ไม่พูดอะไรอีกก็หมุนตัวเดินกลับขึ้นห้อง ท่ามกลางความตกใจปนอึ้งทึ่งของดาหลาที่มองตามแผ่นหลังของลูกชายไปจนลับสายตา เธอทั้งโกรธทั้งขัดใจที่ไตรวิชญ์หัวดื้อไม่ยอมรับความรู้สึกตัวเอง
แค่หนูนิมหายตัวไปก็แทบคลุ้มคลั่งแล้วไม่ใช่เหรอ!
ภายใต้ใบหน้าเงียบขรึมกลับมีคลื่นอารมณ์ปั่นป่วนอยู่ภายใน เหมือนกองไฟที่ค่อย ๆ โหมกระพือ ยิ่งมาถูกราดรดด้วยน้ำมันก็ยิ่งลุกโชนรุนแรง ดาหลาแสยะยิ้มร้ายกาจเลิกโกรธแล้วเปลี่ยนมาสะใจแทน สมน้ำหน้าลูกชายดื้อด้านที่คิดจะเจริญรอยตามพ่อของเขาไป
ถ้าตาไตรไม่ยอมไปตามหาหนูนิม ชาตินี้ทั้งชาติก็อย่าหวังว่าได้เจอหน้าอีกเลย!
หลังจากกลับมาถึงห้องเจ้าของร่างสูงกำยำก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากยืนมองเตียงนอนที่ว่างเปล่า ตลอดเจ็ดแปดวันที่ผ่านมาบนนี้เคยมีร่างบอบบางของคนคนหนึ่งอยู่ และเพราะอีกฝ่ายไม่ได้สติถึงยั่วยวนเขาอย่างน่ารัก ออดอ้อนเว้าวอนด้วยเสียงหวาน ๆ ดวงตาฉ่ำเยิ้มเป็นประกายอย่างน่าปรารถนา กลิ่นหอมเย็นสดชื่นตลบอบอวลภายในห้อง ยามกอดเกี่ยวแนบชิดกันก็เผลอสูดดมเข้าไปหลายต่อหลายครั้ง
กลิ่นของเด็กนั่นทำให้ร่างกายเขาร้อนรุ่มปั่นป่วน เลือดในกายฉีดพล่านกระตุ้นกำหนัดราคะให้อยากเสพสมกับร่างบอบบางเย้ายวนตรงหน้า ไม่สนว่าอีกฝ่ายจะเป็นเพศเดียวกัน ขอแค่มีรูให้เสียบก็พอ
เขาคิดว่ามันก็แค่ความต้องการทางร่างกาย ถ้าได้อยู่กับนิมมานไปสักสัปดาห์ก็น่าจะหาย แต่อาการติดสัดของเขามันไม่เคยเบาลง อยู่ใกล้ก็อยากตามติดพัวพัน ไกลห่างก็กระวนกระวายใจอยากเจอ รู้สึกถวิลหาอยากเห็นหน้า อยากใกล้ชิดแนบเนื้อกับอีกคนจนน่ารำคาญ จะสลัดความคิดนี้ไปก็ดันทำไม่ได้อีก
เปลือกตาหนาปิดลงเห็นเพียงความมืดมิดดำสนิท แต่ประสาทสัมผัสกลับยิ่งเฉียบคมได้กลิ่นอายหอมหวานโชยมาเตะปลายจมูก
ชายหนุ่มสูดดมกลิ่นนั้นที่เจออยู่ในอากาศ ร่างกายพลันสั่นสะท้านโหยหาอย่างไม่อาจควบคุม เมื่อลืมตาขึ้นก็พบว่าดวงตาคมกริบแดงก่ำเต็มไปด้วยความปรารถนาร้อนแรงที่อยากจะเชยชมสัมผัสความหวานล้ำยั่วยวนใจนั้นอีก อยากกระหายจนแทบคลั่ง
“บัดซบ” เสียงคำรามดังก้องเหมือนเสียงกู่ร้องของสัตว์ป่าคลั่ง เพียงชั่วพริบตาเดียวร่างสูงใหญ่ก็ถลันออกจากห้องลงไปยังชั้นล่าง
ดวงตาคู่คมหรี่มองคาดโทษลูกน้องคนสนิทสองคนที่ปิดปากเงียบไม่ยอมบอกว่าเกิดเรื่องขึ้นที่นี่ ก่อนจะออกคำสั่งเสียงเฉียบขาดน่าเกรงขามให้เรียกตัวบอดี้การ์ดที่คุ้มกันบ้านหลังนี้ทั้งหมดมารวมตัวกันที่ลานหน้าบ้านเพื่อรอการลงโทษ ถ้าเขากลับมาแล้วเห็นว่าหายหัวไปแม้แต่คนเดียว โทษจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าและจะไม่มีการปรานีใด ๆ ทั้งสิ้น