“ฝากหมอกด้วยนะ ลูกสาวคนนี้เป็นดวงใจของลิตาเลย” แม้จะเป็นกังวลใจอยู่ไม่น้อยกับการที่ลูกต้องห่างจากอกแต่เธอก็อยากให้ลูกได้เผชิญโลกกว้างและมีสังคมเป็นของตัวเองมากกว่า
“ได้เลยไม่ต้องเป็นห่วง ลิตาคงจะยังไม่รู้ว่าหมอกนอกจากจะเป็นครูสอนว่ายน้ำหมอกยังเป็นเจ้าของโรงเรียนนี้ด้วยนะ รับรองว่าหมอกดูแลเด็กๆดีทุกคนไม่เฉพาะน้องลินีหรอกนะ” ชายหนุ่มเข้ามารับช่วงต่อจากคนเป็นพ่อในการบริหารโรงเรียนเอกชนแห่งนี้ตั้งแต่เรียนจบ
“หู้ยย จริงหรอ หล่อรวยสุดๆค่า อย่างนี้ลิตาค่อยสบายใจ” เธอถามออกไปน้ำเสียงตื่นเต้น เพื่อนของเธอปัจจุบันเป็นถึงผู้บริหารโรงเรียน
“จริงสิไม่ต้องห่วงนะลูกลิตาก็เหมือนลูกหมอกนั่นแหละ หมอกจะดูแลอย่างดีเลย” เดี๋ยวนะ คีรีภัทรได้แต่แย้งในใจ ทั้งๆที่เขาผู้เป็นพ่อยืนอยู่ตรงนี้แต่หมอกยังกล้าจะบอกว่าลูกของเขาก็เหมือนลูกตัวเองหน้าตาเฉย
“ไม่ได้หรอกครับ ลูกของผมกับลิตาจะเป็นลูกของคุณหมอกได้ยังไงตลกนะครับ” คีรีภัทรบอกออกไปขำๆแต่คนฟังเข้าใจได้ทันทีว่าชายหนุ่มไม่ต้องการให้คนอื่นเข้ามาก้าวก่ายความเป็นพ่อของลูกสาว แน่ล่ะสิก็เพราะหนูน้อยน่ารักขนาดนี้ใครเป็นพ่อก็ต้องหวงเป็นธรรมดา
“ครับๆ เป็นหลานก็ได้ครับ” หมอกยอมถอยมาหนึ่งก้าวเพราะไม่อยากมีเรื่องทะเลาะกับผู้ปกครอง
“แล้วน้องลินีจะเข้าเรียนได้วันไหนหรอหมอก นี่เอกสารสำคัญที่ลิตาคิดว่าต้องใช้” หญิงสาวยื่นแฟ้มเอกสารให้ชายหนุ่ม เธอคิดว่าน่าจะมีเอกสารครบถ้วนหมดแล้ว
“วันจันทร์หน้าก็มาเรียนได้เลยส่วนเอกสารเดี๋ยวหมอกจัดการให้นะ ขอเบอร์ติดต่อบ้างสิเผื่อต้องการอะไรเพิ่มเติม”
“ได้เลยๆ” ผลิตาเตรียมจะคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาแลกช่องทางการติดต่อ
“เอาเบอร์ผมไปดีกว่านะครับ ติดต่อกับผมโดยตรงจะดีกว่า” คีรีภัทรรีบแย่งโทรศัพท์มือถือของชายหนุ่มมากดบันทึกเบอร์ของตนเองและส่งคืนอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
“ขอบคุณครับ” หมอกทำได้แค่ไหวไหล่เบาๆอย่างยอมแพ้
“ขอบคุณมากๆเลยนะ วันจันทร์เจอกันนะ”
“โอเค แล้วเจอกันนะครับสาวน้อย” หมอกยื่นมือไปลูบผมของสาวน้อยเบาๆด้วยความเอ็นดู น้องลินีถอดแบบดวงตาหวานปนเศร้าของคนเป็นแม่มาอย่างกับแกะ เขาชอบดวงตาของหญิงสาวตั้งแต่แรกเห็นจึงไม่แปลกที่จะตกหลุมรักสาวน้อยคนนี้อีกคน
“ค่ะ สวัสดีค่ะ” สาวน้อยยกมือไหว้คุณครูหมอกด้วยความนอบน้อม
“ยิ้มใหญ่เลยมีอะไรดีๆหรือเปล่าคะ”
“คุณลุงหมอกหล่อม๊ากมาก คิกๆ” สาวน้อยหัวเราะคิกคักชอบใจ
“ฮ่าๆคิดเหมือนแม่เลยค่ะ” สองแม่ลูกพูดคุยกันกระหนุงกระหนิงจนเหมือนว่าตอนนี้เขากลายเป็นส่วนเกินไปแล้ว เขาเลยต้องเอาไอศกรีมมาหลอกล่อให้ลูกสาวกลับมาสนใจ
“มีใครอยากทานไอศกรีมหรือเปล่านะ”
“หนูค่ะ คุณพ่อจะพาไปหรอคะ” สาวน้อยถามออกไปอย่างมีความหวัง
“ใช่แล้วครับ”
“ไม่ได้นะคะ” ผลิตารีบเอ่ยห้ามทันที ชายหนุ่มได้แต่สงสัยว่าทำไมต้องห้าม
“ทำไมล่ะ”
“วันนี้วันอะไรคะ” เธอไม่ตอบคำถามเขาแต่ก้มไปถามสาวน้อยแทน
“วันนี้วันเสาร์ค่ะ ทานได้วันอาทิตย์” สาวน้อยตอบกลับเสียงเศร้า อยากทานไอศกรีมแต่ก็ไม่กล้าขัดคนเป็นแม่
“ทำไมถึงทานได้แค่วันอาทิตย์ล่ะ” เขาถามออกไปด้วยความไม่เข้าใจ จะทานไอศกรีมทำไมต้องเลือกวันเขาไม่เข้าใจ
“เพราะลิตาไม่อยากให้ลูกติดของหวานมากเกินไปไงคะ อีกอย่างปกติวันอาทิตย์คือวันที่ลิตาว่างจากการทำงาน ลิตาพาลูกไปไหนต่อไหนได้”
“คุณแม่งานยุ่งค่ะ”
“ทำงานอะไร” เขาถามออกไปเสียงเบา ตอนที่แต่งงานกันหญิงสาวไม่เคยได้ทำงาน พอเลิกกันเธอก็คงต้องดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดแถมยังต้องหาเลี้ยงลูกสาวของเขาด้วย
“งานออกแบบน่ะค่ะ”
“แล้วตอนนี้ยังทำอยู่หรือเปล่า”
“ทำสิคะไม่งั้นจะเอาเงินที่ไหนเลี้ยงลูก”
“ไม่ต้องทำแล้ว” เขาอยากให้เธอเอาเวลาทั้งหมดมาทุ่มเทดูแลลูกสาวจะดีกว่า เรื่องหาเงินมันเป็นหน้าที่ของเขาเอง
“ไม่ทำไม่ได้หรอกค่ะผู้หญิงทุกคนมีคุณค่าในตัวเอง”
“ผมจ้างเลี้ยงลูกก็ได้ถ้าเสียดายเงินเดือน” เขาบอกออกไปน้ำเสียงราบเรียบ ในใจคิดว่าเธอคงจะเสียดายเงินที่ได้จากการทำงานเพราะฉะนั้นเขายินดีที่จะให้เงินจำนวนนั้นกับเธอแทนงานเก่า
“ลิตาเป็นแม่ไม่ใช่พี่เลี้ยงเด็กนะคะ ทำไมต้องได้เงินจากการเลี้ยงลูกด้วย” เธอตอบกลับเสียงดังด้วยความไม่พอใจ เขาคงมองว่าเธอไม่เหมาะจะเป็นแม่ของใครแน่ๆคิดแล้วก็น้อยใจ น้องลินีมีท่าทางตื่นๆไม่เคยเห็นคุณแม่เสียงดังอย่างนี้มาก่อนเลย
“แม่ว่าเรากลับกันดีกว่านะคะแม่ยังมีงานต้องทำ” เธอรู้สึกว่าไม่อยากจะมองหน้าเขาแล้ว เธออยากกลับไปหาอะไรทำให้ความคิดไม่ฟุ้งซ่าน
“ค่ะ” สองสาวเดินจูงมือกันขึ้นไปนั่งรอชายหนุ่มบนรถ ชายหนุ่มได้แต่ยืนงงว่าเขาทำอะไรผิดไปงั้นหรือ เมื่อกลับมาถึงบ้านชายหนุ่มก็ชวนสาวน้อยไปเล่นในห้องนอนของตนส่วนคนเป็นแม่ก็แยกไปทำงานอย่างที่เธอบอกก่อนหน้านี้