"แกว่านางแปลกปะ"
"แปลก"
"ฉันก็ว่าแปลก" ฉันได้ยินเสียงแตงกวาพูดขึ้นจึงเหลือบสายตามองไปที่เพื่อนสาวช่างนินทา
"แปลกตรงไหนยะ"
"แปลกสิ ก็แกมองลุงฉันไม่กะพริบตาเลย เหมือนจะกินลุงโคลด์ของฉันเลย" ฉันแสดงออกขนาดนั้นเลยเหรอ แล้วจะให้ทำไงได้ละก็ฉันแพ้คนหล่อนี่นา
"ผิดที่ลุงแกแหละ อยากหล่อทำไมล่ะ ว่าแต่ลุงโคลด์ของแกมีเมียรึยัง" ฉันถามเพราะอยากจะรู้จริง ๆ แต่มินนี่ไม่ยอมตอบ ในตอนแรกฉันก็เข้าใจไปว่ามินนี่จะหวงแต่ลุงโนอาห์เสียอีก
"แกหวงลุงเหรอ"
"หวงสิ แต่ห่วงแกมากกว่าถ้าแกจะเป็นเมียลุงฉัน แกต้องร้องไห้ทุกวันแน่"
"ทำไมล่ะ"
"ก็ลุงโคลด์น่ะดุอย่างกับหมา เอ๊ย อย่างกับเสือ ฉันเคยเห็นตอนเขาดุลูกน้องนะแบบแค่ปรายตาเท่านั้นเสียงที่เอะอะโวยวายอยู่ก็เงียบกริบเลยล่ะ" โห หล่อขนาดนั้นยังดุได้น่ากลัวขนาดนี้เลยเหรอ
"อย่าบอกนะว่าลุงโคลด์คนนี้ของแกก็เป็นมาเฟียน่ะ" มินนี่ยิ้มอย่างภาคภูมิใจแล้วพยักหน้าให้ฉันเป็นคำตอบ
เป็นมาเฟีย งั้นเหรอ
"แต่ถ้าแกจะมาเป็นป้าฉันแกต้องแข่งกับยัยกวาแล้วล่ะ"
"บรื้อ~ ไม่เอา ลุงแกหล่อนะแต่สเปคของฉันคือต้องเด็กกว่ายะ ฉันชอบเด็กไม่ชอบคนแก่ ถ้าสายลุงต้องไปทางยัยฟางเลย" แตงกวาพูดขึ้นมาทำให้ฉันโล่งใจขึ้นมากเลย เพราะถ้าจะให้ฉันพูดตรง ๆ ฉันรู้สึกว่าฉันพอใจลุงโคลด์ของมินนี่มาก
"มีคนสละสิทธิ์แล้ว แกว่าไง"
"ฉัน..." คงคว้าไว้ไม่ได้หรอก เพราะอีกไม่กี่วันฉันก็ต้องไปเป็นคนรับใช้แทนพี่สาวแล้ว
"ลุงแกดูหยิ่ง" ฉันพูดไปอย่างนั้นเอง
"งั้นก็ตามใจ เพราะที่แกพูดมามันก็จริง" เขาหยิ่งงั้นเหรอ แต่เมื่อกี้เขามองหน้าฉันจนตาไม่กะพริบเหมือนกันนะ ก็ต้องมองอยู่แล้วไหมล่ะเพราะลุงโคลด์เขาเห็นคนสวย ๆ อย่างฉันก็ต้องตะลึงเป็นธรรมดา
"หน้าตาแกออกมากเลยฟาง"
"อะไร"
"หน้าแต่แกเหมือนกำลังคิดว่า แกสวยอ่ะ"
"เอ้า ยัยกวา ก็ฉันสวยจริงนี่"
"ถ้าแกคิดแล้วสบายใจ ฉันยอมก็ได้"
"แกนี่!" ฉันหยิบหนังสือขึ้นมาทำท่าข่มขู่คล้ายจะปาหนังสือใส่แตงกวา เพื่อนของฉันก็ทำท่าหลบราวกับว่าจะถูกฉันปาจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่นางก็รู้อยู่แล้วว่าฉันไม่ปาของใส่เพื่อนหรอก
พวกเราตั้งหน้าตั้งตาเรียนกันตั้งแต่เช้าจนถึงเย็นพอถึงเวลาเลิกเรียนฉันกับเพื่อนอีกสองคนก็เดินลงมาข้างล่างพวกเราเดินกันไปคุยกันไปโดยไม่ทันได้สังเกตว่ามีใครบางคนมายืนอยู่ตรงหน้าฉัน
ปึก!
"อ่ะ"
"ฟาง! แกเป็นอะไรหรือเปล่า"
ฉันส่ายหน้าบอกเพื่อนว่าฉันไม่ได้เป็นอะไรก่อนจะพาตัวออกมาจากผู้ชายร่างใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าฉัน ฉันค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองดูว่าเขาเป็นใครฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใครเขามีรูปร่างสูงโปร่งผิวขาวราวกับน้ำนมวัวใบหน้าหล่อเหลาเกลี้ยงเก่าจมูกโด่งแถมยังเจาะจมูกด้วยฉันไม่ค่อยชอบผู้ชายเจาะจมูกเท่าไหร่แต่ฉันชอบผู้ชายเจาะหูเหมือนลุงคนเมื่อเช้า
"ขอโทษค่ะ"
"หึ" เขาไม่ตอบฉันแล้วเขาก็เดินออกไปฉันได้ยินเสียงเขาหัวเราะในลำคอแผ่วเบาแต่ฉันก็ไม่ได้คิดมากอะไรแต่จะว่าไปแล้วเขาเป็นใครก็ไม่ทราบไม่น่าจะใช่นักศึกษามหาวิทยาลัยเราเพราะว่าเขาใส่ชุดสูทสีน้ำตาลทั้งชุดหรือว่าจะเป็นอาจารย์ที่มาสอนพิเศษแต่คิดไปคิดมาก็ไม่น่าใช่เพราะทางโรงเรียนไม่ได้มีประกาศอะไรเกี่ยวกับอาจารย์ใหม่แต่ก็ชั่งเถอะเรื่องพรรค์นี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันเลย
"ประสาทหรือเปล่าอ่ะยืนให้เขาชนแล้วก็มาหัวเราะใส่เขา"
มินนี่พูดขึ้นพร้อมกันกับแตงกวาที่พูดขึ้นมาเหมือนกัน จากนั้นเพื่อนของฉันทั้งสองคนก็ประคองฉันให้เดินไปที่หน้ามหาวิทยาลัยแน่นอนว่าที่ตรงนั้นมีรถโรลส์รอยซ์คันหรูจอดอยู่สองคันมินนี่ฉีกยิ้มกว้างปล่อยแขนของฉันแล้วก็หันมาโบกมือก่อนจะวิ่งไปที่รถ ที่จอดรอคอยเธออยู่ฉันยอมรับว่าฉันแอบชะเง้อมองดูว่าคันข้างหลังเป็นรถของใครแต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อไม่มีใครลงมาจากรถเลยมีแต่คนที่ลงมาจากรถคันข้างหน้าซึ่งคนที่ลงมาก็เป็นลุงโนอาห์คนที่มินนี่ตั้งใจจะจับเขาทำสามี
"ฉันไปก่อนนะพวกแกแล้วเจอกัน"
"โอเคแล้วเจอกัน" ฉันตอบมินนี่กลับไป
"แล้วแกล่ะ" ฉันถามแตงกวาออกไปเพราะปกติแล้วแตงกวาจะขับรถส่วนตัวมาแต่พักหลังมานี้เธอนั่งรถเมย์ฉันก็ไม่ถามหรอกนะว่ารถของเธอไปไหนเพราะเธอเคยบอกฉันไว้ว่ารถของเธอเสียเอาไปซ่อมอยู่ที่อู่
"เดี๋ยวฉันกลับรถเมล์" ฉันพยักหน้าตอบรับเพราะรถเมล์สายที่ฉันกับแตงกวาจะไปนั้นเป็นคนละสายกัน
"กวารถสายของแกมาแล้ว"
"วันนี้ฉันจะไปทำธุระน่ะฉันนั่งรถสายเดียวกับแกนะ" หืม? แปลก ๆ นะเนี่ย
ทันทีที่รถเมล์สายของฉันมาถึงเราสองคนก็ลุกขึ้นยืนแล้วโบกรถพร้อม ๆ กัน และเมื่อรถเมล์คันใหญ่ได้จอดแล้วฉันกับแตงกวาก็พากันขึ้นไปบนรถ วันนี้คนค่อนข้างเยอะด้วยความที่ฉันกับแตงกวาเพิ่งขึ้นมาก็ต้องพยายามเบียดเข้าไปที่ยืนอยู่ด้านหลังขณะที่ยืนอยู่ฉันก็เห็นเด็กหนุ่มคนที่ฉันเจอเมื่อเช้ากำลังนั่งอยู่แต่ฉันก็ไม่ได้อะไรเพราะยังไงเราก็แค่นั่งรถคันเดียวกันเท่านั้นเมื่อเด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาสายตาของเขาสลับจ้องมองฉันกับเพื่อนฉันก่อนจะหยัดกายลุกขึ้น
"ลุกดิพวกมึงจะนั่งทำไมสุภาพบุรุษเปล่าวะ" เด็กหนุ่มคนใช้ฉันเจอเมื่อเช้าเป็นคนพูดขึ้นพร้อมกับใช้ขาของเขาเตะไปที่ขาของเพื่อนเบา ๆ
"นั่งเลยครับพี่สาว" ฉันเกรงใจจริง ๆ นะที่อยู่ ๆ คนที่เด็กกว่าต้องมาลุกให้ฉันกับเพื่อนนั่ง
"ขอบใจนะ"
"ไม่เป็นไรครับ" ฉันเข้าไปนั่งด้านในส่วนแตงกวานั่งอยู่ด้านนอกโดยมีเด็กหนุ่มคนนั้นยืนอยู่ข้าง ๆ เธอเด็กหนุ่มคนนั้นส่งกระเป๋าจาคอบให้แตงกวาถือเพื่อนของฉันก็รับมันมาถือแต่ว่าวันนี้เพื่อนของฉันแปลกไปไม่ชวนฉันคุยแต่กลับนิ่งเฉยราวกับว่าไม่มีจุดหมายปลายทาง
"แกเป็นอะไรหรือเปล่าทำไมไม่พูดไม่คุยเลย"
"ฉันมีเรื่องเครียดนิดหน่อยน่ะ" ตอนนี้แตงกวาเพื่อนของฉันมีคนรักอยู่แล้ว และแน่นอนว่าคนรักของเพื่อนฉันอายุเด็กกว่าเพื่อนฉันเพียงแค่สองปีซึ่งก็น่าจะอยู่ประมาณ ม. 5 แต่เหมือนกับว่าพักนี้ทั้งสองคนน่าจะกำลังมีปัญหากันนะแต่ฉันก็ไม่ได้ถามอะไรเพราะรอให้เพื่อนพร้อมก่อนแล้วค่อยถามดีกว่า
"แกอยากไปเดินเล่นกับฉันไหม"
แตงกวามองหน้าฉันอย่างซึ้งใจสายตาของเธอเริ่มฉ่ำวาวคล้าย ๆ กับว่ากำลังจะร้องไห้ฉันเอื้อมมือไปจับมือของเพื่อนรักเป็นการให้กำลังใจเพราะทุกครั้งที่ฉันมีเรื่องเครียดเพื่อนของฉันก็จะทำแบบนี้กับฉันเหมือนกันพวกเรานั่งรถเมย์ไปด้วยกันเรื่อย ๆ แตงกวาก็เริ่มสะอึกสะอื้นเพียงเล็กน้อยขึ้นมาเธอเอียงศีรษะพิงมาที่ไหล่ฉัน และพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
"ฉันว่าจะเลิกกับแฟนน่ะ"
เป็นคำที่เหลือเชื่อสำหรับฉันมาก ๆ เพราะฉันไม่คาดคิดว่าแตงกวาจะพูดคำนี้แฟนคนนี้ดูเหมือนว่าเธอจะลงใจให้เขามากอยู่แต่เป็นเพราะว่าเขาอาจจะยังเด็กกว่า หรือว่าไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตไม่ตรงกันเลยทำให้แตงกวาคิดแบบนี้ฉันลูบใบหน้าของเพื่อนรักแผ่วเบาก่อนจะเงยหน้าขึ้นเพราะรู้สึกราวกับว่ามีสายตาของใครบางคนที่กำลังก้มลงมองทางนี้อยู่
เป็นอย่างที่ฉันคาดคิดคนที่ก้มหน้าลงมามองทางนี้ก็คือเด็กหนุ่มคนนั้น เขามองแตงกวาด้วยสายตาเรียบนิ่งขณะเดียวกันฉันก็ไม่ได้คิดอะไรยังลูบใบหน้าของเพื่อนรัก และรับรู้ได้ถึงว่าเสื้อของฉันค่อย ๆ เปียกน้ำตาของเพื่อน
"ฉันก็อยากจะถามนะว่ามีปัญหาอะไรกันแต่ว่าแกคงยังไม่พร้อมบอกใช่ไหม"
"เดี๋ยวฉันพร้อมแล้วฉันจะบอกนะ" เรานั่งรถกันมาเรื่อย ๆ ทำให้ฉันได้รู้ว่าแท้จริงแล้วแตงกวาไม่ได้มีธุระทางเดียวกับฉันหรอกเธอแค่ต้องการนั่งรถไปที่ไหนสักแห่งนั่งไปไกล ๆ นั่งไปเรื่อย ๆ ก็เท่านั้นฉันจึงตัดสินใจนั่งรถเล่นเป็นเพื่อนเพื่อนจนกระทั่งนั่งรถจากสายนั้นต่อสายนี้แล้วมาจบอยู่ที่ ท้องสนามหลวง
"ที่สนามหลวงนี่กลางคืนสวยมากเลยเนอะแถมลมยังเย็นอีกด้วย"
มือของเราสองคนจับประสานกันไว้แน่นแกว่งไกวไปมาเดิน พูดคุยกันไปดูเหมือนว่าเพื่อนสาวของฉันจะสบายใจขึ้นแล้วแต่ว่ามีสิ่งหนึ่งที่ฉันสงสัยว่าเด็กหนุ่มที่เราเจอกันบนรถเมล์เขาก็มาเดินเล่นที่สนามหลวงด้วยอย่างนั้นเหรอ
"อยากกลับบ้านหรือยัง"
"อือ" แตงกวาตอบฉันแต่แทนที่เราสองคนจะโบกรถเมย์ขึ้นกลับกลายเป็นว่าอยู่ ๆ ก็มีรถมอเตอร์ไซต์คันหนึ่งขับเข้ามาจอดเทียบถ้าฉันเห็นแล้วว่าคนที่มาจอดคนคนนี้น่าจะเป็นแฟนของแตงกวา
"มาทำอะไรที่นี่!"
"เคน!" เป็นเพื่อนกันมาตั้งนานฉันเพิ่งจะรู้ว่าแฟนของเพื่อนชื่อเคน
"อ๋อ ที่แท้เธอเป็นชู้กับไอ้ปั้นใช่ไหม" ปั้นไหนกัน?
ฉันดูท่าแล้วแตงกวาก็น่าจะไม่รู้ว่าปั้นเป็นใครแต่เธอไม่ได้พูดอะไรเธอจับมือของฉันเอาไว้แน่นแล้วพาฉันเดินไปด้วยคงเพราะไม่อยากอยู่ตรงนี้
"แตงกวากลับมานี่นะ" เป็นรุ่นน้องแต่เรียกแฟนรุ่นพี่เรียกด้วยชื่อเฉย ๆ หรือว่าเป็นสรรพนามปกติที่คนเป็นแฟนกันเขาใช้กันนะอันนี้ฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน
"จะทิ้งเคนเหรอกวาจะทิ้งเคนใช่ไหม"
"เคน! เคนคิดดูดี ๆ นะว่าใครทิ้งใครก่อน กวาหรือว่าเคน"
ฉันเห็นท่าทีอารมณ์เสียของเคนก็รู้สึกว่าเพื่อนของฉันน่าจะไม่ปลอดภัยเพราะอยู่ดี ๆ เคนก็ปรี่เข้ามาแล้วจับข้อมือของเพื่อนฉันกระชากเข้าหาตัวพลางลากไปด้วย
เด็กหนุ่มที่อยู่ด้านหลังยืนดูนิ่ง ไม่ได้ขยับตัวทำอะไรเลยแม้แต่น้อยแต่ถ้าว่าสายตาของแฟนหนุ่มของเพื่อนฉันกลับจ้องมองไปที่เด็กหนุ่มคนนั้นราวกับว่าทั้งสองคนรู้จักกันมาก่อน
"มานี่ไปกับเคน"
"ปล่อยกวานะเคน"
ฉันค่อนข้างเบลอกับความชุลมุนตรงหน้าแต่ว่าเหตุการณ์ตรงหน้าก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อแตงกวาสะบัดมือแล้วทำท่าจะวิ่งกลับมาหาฉันแฟนหนุ่มของแตงกวาก็วิ่งเข้ามาจะคว้าแขนของเพื่อนฉันแต่เด็กหนุ่มที่มาข้างหลังกับวิ่งมาจับแขนของแฟนแตงกวาไว้
"ไม่ใช่เรื่องของมึงอย่าแส่"
ฉันต้องทำอะไรหรือเปล่าไม่รู้แต่ที่รู้ ๆ ตอนนี้เด็กหนุ่มทั้งสองคนกำลังจ้องหน้ากันอย่างเอาเรื่องฉันเห็นจังหวะนี้รีบวิ่งไปคว้าแขนเพื่อนของฉัน และพากันวิ่งไปจนสุดทาง