รถโรลส์รอยซ์หรูขับผ่านป้ายรถเมย์แถวหน้ามหาวิทยาลัยที่หลานสาวของเขาเรียนอยู่ สายตาคมมองผ่านกระจกรถในตอนที่ฝนกำลังตกอย่างหนักหน่วง และมันก็หนักขึ้นเรื่อย ๆ เจได ขับรถให้กับนายของตนนั่งอยู่เป็นประจำ เขาค่อย ๆ เหยียบเบรกให้รถหรูจอดอย่างนุ่มนวลที่สุดในยามที่ต้องติดไฟแดง
"วันนี้ฝนตกหนักเลยนะครับนาย"
เขารู้อยู่แล้วว่านายของเขาไม่ตอบแน่ ๆ แต่เป็นเพราะว่าเขาชินไปแล้วกับการกระทำของคนเป็นนายที่วัน ๆ เอาแต่เงียบ และทำงาน ความสุขของนายคงมีแค่เพียงเพื่อน ๆ เท่านั้น ไอ้เขาก็เป็นห่วง อายุของนายเรียกได้ว่าเป็นหนุ่มใหญ่ได้แล้ว แต่ก็ไม่มีท่าทีที่จะมีนายหญิงมาให้พวกเขาได้ชื่นใจเลย เพื่อนของนายก็มีลูกมีเมียกันแล้ว เหลือเพียงแค่นายของเขากับคุณโนอาห์เพื่อนของนายที่ยังไม่มีเมีย ทั้งสองท่านก็ยังเป็นคนที่อยู่ในวัยหนุ่มใหญ่เหมือนกันไม่รู้จะครองตัวเป็นโสดกันไปทำไม สมบัติก็มีมากมายหากเป็นอะไรไปขึ้นมาใครจะดูแลต่อ
"นั่นลูกน้องแก๊งไซโนฟอร์นี่ครับนาย" ไซโนฟอร์เป็นแมงกะพรุนที่มีพิษร้ายแรงมาก หากถูก หรือสัมผัสแล้วบริเวณร่างกายจะเกิดรอยแดงไหม้ ไข้ขึ้น ช็อก และตายทันที หึ เข้าใจตั้งชื่อแก๊งดีนี่ โคลด์กดยิ้มมุมปากแล้วค่อย ๆ กดกระจกรถหรูลง
"จะสูบบุหรี่เหรอครับนาย" ดันเต้เป็นอีกหนึ่งในลูกน้องที่มาเฟียหนุ่มไว้ใจ เขาหยิบเอาซองบุหรี่มวนเล็กเคาะลงไปที่หลังนิ้วแล้วดึงออกมาหนึ่งมวน ก่อนจะยื่นให้นายของตนแล้วจุดไฟให้ทันทีที่บุหรี่ถึงปากของนาย
"แก๊งนี้เหมือนเพิ่งก่อตั้งครับนาย ตั้งตัวเป็นมาเฟียเองด้วยการมีพ่อเป็นแบล็กกราวนด์อยู่เบื้องหลัง พ่อของหัวหน้าแก๊งเป็น สส. ที่รับตำแหน่งมา 8 ปีครับ" เจไดพูดต่อ ขณะที่ลูกน้องคนสนิทกำลังพูดดวงตาคมก็จ้องมองไปที่ภาพตรงหน้า ไอ้สองคนนั้นกำลังทำทีฉุดกระชากร่างเล็กของหญิงสาว เสียงที่มันถามหญิงสาวดังแว่วเข้ามาได้ยินไม่ชัดเท่าไหร่แต่จับใจความได้ว่า
'คุณชื่อฟางข้าวรึเปล่า'
"ให้ช่วยไหมครับนาย" ดันเต้ถามขึ้นเพราะยังเห็นผ่านกระจกมองหลังว่าสายตาของนายยังจดจ้องไปที่หญิงสาวอย่างเรียบนิ่ง
"ไม่ใช่เรื่องของเรา" เขาไม่ชอบเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือพัวพันกับคนอื่นมากนัก ไม่ใช่ว่าสู้ไม่ได้แต่เพราะเขารู้สึกว่ามันเสียเวลา อย่ามาถามหาความเป็นมนุษย์กับมาเฟียเลย พวกเขาฆ่าคนยิ่งกว่าผักปลา พวกเขาทำร้ายใครก็ได้ไม่ว่าจะบริสุทธิ์ หรือแสนเลวเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง และพวกเขาไม่จำเป็นต้องเป็นคนดียื่นมือไปช่วยใครทั้งนั้น
"ครับนาย" ดันเต้ชินแล้วกับแบบนั้น นายของเขาเป็นคนที่อารมณ์แปรปรวนอยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะกับเรื่องงาน หรือเรื่องส่วนตัวก็ตามหรือที่ถูกต้องอาจจะต้องเรียกว่า เอาแต่ใจมากกว่า เพราะมันคืออำนาจของคนมีเงิน
ขับเข้ามาจอดที่เพนท์เฮ้าส์หรูของโคลด์พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ด้วยการซื้อเพนท์เฮ้าส์ขนาดห้าห้องนอนเอาไว้ถึงสองห้อง ห้องบนสุดมันเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว ห้องถัดลงมามีสี่ห้องนอนซึ่งเป็นของเจได กับดันเต้ที่โคลด์ซื้อเอาไว้ให้ แล้วลงไปอีกยี่สิบชั้นเป็นห้องของลูกน้องของเขาทั้งหมดที่อยู่ในประเทศนี้ และเมืองนี้ ด้วยความที่ซื้อเอาไว้มากมายขนาดนี้ ส่งผลให้เจ้าของคอนโดถึงกับต้องยอมขายคอนโดนี้ให้กับเขาไปโดยปริยายเหตุเพราะหวาดกลัวเมื่อเวลาที่คนของเขาอยู่กันจนครบ
โคลด์รับซื้อต่อมา และทำธุรกิจคอนโดให้เช่าในชั้นที่เหลือ แถมในคอนโดยังประกอบไปด้วย กาสิโนที่ชั้น A65 กับ A63 บาร์ลับอยู่ที่ชั้น A64 สตูดิโอสำหรับถ่ายทำหนังผู้ใหญ่อยู่ที่ชั้น A62 และชั้น A61 จะเป็นชั้นสำหรับการประมูลของผิดกฎหมายอย่างลับๆ ชั้นถัดลงมาเป็นชั้นออฟฟิศธุรกิจคอนโด และลงมาอีกชั้นเป็นศูนย์รวมสิ่งอำนวยความสะดวกประกอบไปด้วยร้านอาหารหรู ซูเปอร์มาร์เก็ต ฟิตเนส สระว่ายน้ำ และตั้งแต่ชั้น 58 ลงมาจนถึงชั้น 2 เป็นชั้นห้องพักของลูกบ้าน ในหนึ่งชั้นมีทั้งหมดสี่ห้อง ส่วนชั้นหนึ่งเป็นล็อบบี้ และชั้นใต้ดินเป็นลานจอดรถ
แน่นอนว่าหากจะขึ้นไปชั้นลับต่างๆ จะต้องใช้ลิฟต์อีกตัวเสมอซึ่งจะมีคนเฝ้าอยู่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง
"ถึงแล้วครับนาย" ดันเต้แจ้งแก่ผู้เป็นนาย เขาวอร์บอกคนดูแลให้รู้ถึงการกลับมาของคนเป็นนาย
"เตรียมการอารักขา"
"ทีมอารักขาพร้อม" ดันเต้ลงจากโรลส์รอยซ์คันหรูกวาดสายตาไปทั่วบริเวณก่อนจะเปิดประตูให้กับนายของตนลงมาจากรถ
"A64" โคลด์บอกสถานที่ ที่ตัวเองต้องการไปดันเต้รับทราบแล้วเดินตามหลังคนเป็นนาย โคลด์เดินเข้าไปไม่ถึงสี่ก้าวทีมอารักขาก็แบ่งการดูแลเป็นสี่ทิศ และมักจะเป็นอย่างนี้เสมอ เว้นเพียงแค่เวลาออกข้างนอกทีมอารักขาจะใช้วิธีแฝงไปกับมวลชน หรือหลบมุม ตามดูจากที่ไกลๆ
ติ๊ง~
'A64' เสียงอัตโนมัติดังขึ้นในลิฟต์ขายบอกเวลา เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกจะเจอกับผู้เฝ้าประตูสี่คน เมื่อเห็นว่าเป็นใครกันที่มา ทุกคนก็โค้งตัวทักทายพร้อมเปิดประตูออก
ราวกับอยู่กันคนละโลกเมื่อประตูปิดลงจะเจอกับประตูอีกชั้นและทันทีที่ประตูชั้นด้านในเปิดออกเสียงเพลงก็ดังกระหึ่ม หากต้องการสถานที่นั่งชิลให้เลี้ยวไปทางซ้าย หากต้องการโยกย้ายให้อยู่ที่เดิม แน่นอนว่านายของพวกเขามักจะเลี้ยวไปทางซ้ายเสียงเพลงที่เคยดังกระหึ่มปลุกใจใครหลายคนก็ค่อยๆ เบาลงแล้วกลายเป็นเสียงเพลงคลอให้อย่างเพลิดเพลิน
โคลด์นั่งลงที่โซนด้านนอกเป็นที่ที่ลมพัดเย็นที่สุดแล้วเพราะอยู่ในตึกสูงลมจนพัดเย็นกว่าที่อื่น มาเฟียหนุ่มนั่งไขว่ห้าง เครื่องดื่มทั้งของกินเล่นทยอยมาเสิร์ฟโดยไม่ต้องสั่ง และมักจะเป็นอย่างนี้อยู่เสมอ
"กูรู้สึกว่านายกำลังโหยหาอะไรบางอย่างว่ะ"
"ไอ้เต้ มึงคิดเหมือนกูเลย"
"แล้วมึงว่านายโหยหาอะไรวะ" ดันเต้ทำท่าคิดแต่ก็ส่ายศีรษะไปมาอย่างไม่รู้ว่านายโหยหาอะไร ถึงแม้ว่าจะทำงานร่วมกันมานานแต่ว่านายของพวกเขาก็เป็นผู้ที่มีทุกอย่างครบหมดแล้ว
ธุรกิจสีเทาของนายทั้งใน และนอกประเทศก็มีไปทั่วแถมธุรกิจที่ทำร่วมกับเพื่อนเช่นค้าอาวุธ ยาเสพติด และการฟอกเงินก็กระจายไปทั่วพวกเขาจึงคิดว่านายไม่น่าจะโหยหาอะไรอีกแล้ว
"หรือนายอยากมีเมียวะ"
"เออ ความคิดมึงใช้ได้นี่หว่าไอ้เจได สองสิ่งที่นายยังไม่มีในตอนนี้ คือเมียกับลูก" สองลูกน้องหนุ่มสุมหัวคุยกันอยู่ด้านหลัง ใช่ว่าเจ้านายของตนจะไม่ได้ยิน แน่นอนว่าโคลด์ได้ยินมันทุกถ้อยคำ เขากดยิ้มมุมปากอย่างขบขันกับลูกน้อง
เมียงั้นเหรอ เขายังไม่รู้เลยว่าเขากำลังโหยหาอะไร พวกมันไม่ใช่ตัวเขาเสียด้วยซ้ำจะมารู้ดีกว่าเจ้าของตัวอย่างเขาได้ยังไงแต่ที่แน่ ๆ เมีย ไม่ใช่คำตอบ
"หรือว่า นายต้องการขยายอำนาจ"
"ไอ้เจได อำนาจที่นายมีตอนนี้ก็ควบคุมรองนายกเวรนั่นได้แล้วนะ มึงยังจะให้นายกระหายอำนาจจากที่ไหนอีก" ที่ดันเต้พูดมามันก็มีเหตุผลแล้วที่นายของเขานั่งซิมเป็นหมา เอ๊ย นั่งซึมเป็นเสือหงอยอยู่แบบนี้มันเป็นเพราะอะไร
"กูว่านายต้องหาเมียจริงๆ แล้วนะ"
"กูก็ว่างั้น ช่วยกันหาเมียให้นายดีไหมวะ"
"ดีดิ ถ้ายังเป็นอย่างนี้ พวกเรามีหวังช้ำแน่ ๆ " สองลูกน้องหนุ่มพูดไปลากร่างของนายไปด้วย แน่นอนว่าโคลด์ดื่มจนเมาหลังคาโต๊ะไปอีกแล้ว แถมตอนนี้มือทั้งสองข้างยังบีบไปที่ 'นม' ของพวกเขาทั้งสองคนในตอนที่กำลังหิ้วปีกนายเข้าไปในลิฟต์แน่นอนว่าไม่มีใครได้เห็นสภาพแบบนี้ของนายนอกจากเขาทั้งสองคนกับทีมอารักขานายเท่านั้น พวกเขาพานายไปที่ลิฟต์อีกตัวที่สร้างขึ้นมาใหม่โดยเฉพาะ สายตาของทีมอารักขาต่างก็มองมาที่มือของนายที่ยังคงกำบีบ 'นม' ของคนสนิทด้วยสายตาที่ล้อเลียนแบบนี้
"ขำไรพวกมึง"
"เปล่าครับคุณดันเต้"
"กูรู้นะ พวกมึงคิดอะไร"
"ไม่ได้คิดครับคุณเจได" พวกมันคิดแน่นอน เพราะไม่ใช่แค่พวกมันตัวเขาเองก็คิด
ตุบ
ร่างสูงใหญ่ถูกทิ้งลงบนที่นอนหลังใหญ่ สองลูกน้องหนุ่มยืนมองนายของตนที่หลับอย่างสบายพลางหมั่นไส้คนเป็นนายอยู่ไม่น้อย แต่ก็รู้สึกดีที่อย่างน้อย ๆ นายของเขาก็ปลอดภัย และอยู่ในสายตาของพวกเขา ทั้งสองคนจัดการเรียกบัตเลอร์ประจำเพนท์เฮ้าส์ให้มาจัดแจงกับนายของตนให้เรียบร้อย
"ฝากด้วยนะครับคุณชาคริต"
"ไม่ต้องห่วงครับ"