รถตู้คันหรูเคลื่อนไปอย่างช้า ๆ เพราะว่ารถติดฉันต้องคิดหาทางไปหาลุงโคลด์ขอให้เขาช่วยให้ได้ ในตอนนี้ที่จริงถ้าฉันเห็นใครที่ฉันรู้จักฉันก็จะวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากเขาทันทีเพราะว่าคนที่อยู่ข้างฉันก็มีปืนเหน็บไว้ที่เอวด้วย ส่วนสองคนที่อยู่ด้านหน้าก็กำลังคุยกันอย่างเพลิน ๆ ฉันมองซ้ายมองขวารอจังหวะ และมองไปที่กระจกมองหลังที่ทั้งสองคนนั้นสลับกันมองมาที่ฉันอย่างสังเกต
มือของฉันจากตอนแรกที่ถูกจับไพล่หลังไว้แล้วถูกมัดในตอนนี้คนที่อยู่ข้าง ๆ ของฉันก็เปลี่ยนเป็นให้ฉันถูกมัดอยู่ด้านหน้ามันเลยทำให้ฉันทำอะไรได้สะดวกขึ้นเพราะตอนแรกที่ขึ้นมาฉันไม่สามารถนั่งได้เพราะว่ามือไปอยู่ข้างหลัง
สายตาของฉันยังจ้องมองไปที่ลุงโคลด์ ที่กำลังเดินอย่างเชื่องช้าราวกับว่ากำลังเก็บค่าเช่าที่หรืออะไรอยู่สักอย่างฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันเพราะว่าด้านหลังของลุงโคลด์ก็มีบอดี้การ์ดยืนอยู่ไม่มากส่วนตัวเขาเองก็ยืนสูบบุหรี่อยู่นอกร้านแล้วมีลูกน้องอีกสองคนเดินเข้าไปในร้านถัดไปที่กำลังลนลานหาเงินมาให้ลูกน้องของลุงโคลด์อยู่ ฉันสังเกตจากอาการของพ่อค้าแม่ค้าที่เห็นลูกน้องของลุงโคลด์ที่เดินเข้าไปหาพวกเขา
ฉันขอภาวนาให้เขาเห็นใจฉันให้เขาคิดเสียว่าฉันก็เป็นลูกเป็นหลานคนหนึ่ง อีกอย่างถ้าฉันจะต้องเสียตัวให้กับใครคนหนึ่งฉันก็ขอเสียให้เขาไม่ดีกว่าเหรอ
อย่างน้อยฉันก็ชอบเขา อย่างน้อยฉันก็มีความรู้สึกให้กับเขามากกว่าผู้ชายที่นั่งข้างฉัน
ในจังหวะที่คนทั้งสามในรถหรูกำลังเผลอฉันตัดสินใจเปิดประตูรถตู้คันหรูที่นั่งอยู่แล้ววิ่งออกไปจนสุดกำลังฉันพยายามวิ่ง วิ่ง วิ่งฝ่ารถมากมายที่บีบแตรให้ฉัน ทั้งเสียงเบรก เสียงแตรที่ดังสนั่นทำให้ฉันตกใจไม่น้อยแต่เพื่อเอาตัวรอดอย่างไรเสียฉันก็ต้องวิ่งอยู่แล้ว ฉันพยายามเร่งไปให้ถึงเป้าหมายโดยที่เป้าหมายก็หันมาหาฉันพอดีอาจจะเป็นเพราะว่าเสียงแตร เสียงเบรกรถที่ดังสนั่นในตอนนี้ทำให้เป้าหมายของฉันหันหน้ากลับมามองฉันบ้าง
"ชะ ช่วยด้วย"
"ช่วยฉันด้วย"
ปากฉันร้องตะโกนออกไปอย่างนั้นในใจก็คิดว่าเขาจะจำฉันได้หรือเปล่าเขาจะช่วยฉันไหมนะ เขาจะยืนอยู่นิ่ง ๆ เฉย ๆ โดยไม่ทำอะไรเพราะคำพูดที่มินนี่เคยพูดกับฉันบอกว่าลุงโคลด์ค่อนข้างหยิ่ง และจากที่ฉันได้เห็นเขาเองมันก็ทำให้ฉันคิดว่าเขาจะยอมช่วยฉันบ้างหรือเปล่า
ฉันวิ่งไปหาเขาด้วยความกลัว และไม่มั่นใจ
"หยุดนะ! หยุดวิ่งเดี๋ยวนี้นะ" ใครหยุดก็บ้าแล้วฉันไม่หยุดให้บ้าหรอก
คนข้างหลังกำลังวิ่งตามฉันอย่างบ้าคลั่งในตอนนี้มีใครหลายคนที่มองมาตอนที่ฉันกำลังวิ่ง และมีคนไล่ตาม รวมทั้งเป้าหมายของฉันที่ฉันกำลังจะวิ่งเข้าไปหาเขาก็มองมาที่ฉันด้วยสายตาเรียบนิ่งเหมือนเดิม
"หยุดนะ!"
ฉันวิ่งฝ่าฝูงชนเข้าไปแต่ยังไม่ทันได้ถึงตัวลุงโคลด์ก็ถูกบอดี้การ์ดของลุงโคลด์ล็อกตัวเอาไว้ก่อนแล้ว
"อะไรกันครับ"
"ชะ ช่วยด้วย"
"ช่วยฉันด้วยค่ะ"
ใจฉันสั่นเหลือเกินเพราะสายตาที่เขามองฉันราวกับว่าเขาไม่จำเป็นจะต้องช่วยฉัน ฉันจ้องมองเขาด้วยสายตาที่อ้อนวอนแต่ลุงโคลด์กับไม่ไหวติงเลยแม้แต่น้อย กระทั่งเสียงวิ่งใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ฉันเริ่มสั่นกลัว และคิดแล้วว่าเขาคงไม่ช่วยฉันแน่
"นายครับ" ฉันไม่รู้ว่าลุงโคลด์ตอบอะไรกลับไปหรือเปล่าเพราะว่าในตอนนี้ฉันแค่กำลังยืนอย่างเหนื่อยล้าฉันทรุดตัวลงคุกเข่าอย่างหมดแรงขณะที่เสียงวิ่งหยุดอยู่ตรงด้านหลังฉัน ฉันกอดตัวเองแน่น และหลับตาปี๋
"เด็กคนนี้ของผม" คนที่วิ่งตามฉันมาพูดออกมาด้วยอาการเหนื่อยหอบ
"ปล่อยเด็กคืนมาด้วยครับคุณคาเรน"
"ระดับคุณหวังว่าคงไม่แย่งเด็กกับผมหรอกใช่ไหมครับ"
บรูคพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันราวกับว่าถ้าลุงโคลด์ช่วยฉัน นั่นหมายความว่าลุงโคลด์กำลังลดตัวลงมาแย่งตัวฉันที่ไร้คุณค่าไปจากเขา และอาจจะมีปัญหาตามมาทีหลังได้
"ก็ไม่ได้อยากยุ่ง" น้ำเสียงนิ่งเรียบของลุงโคลด์ทำให้หัวใจของฉันสั่นไหวฉันว่าฉันจบแล้วล่ะ
เขาไม่ช่วยฉันแน่
"แต่เด็กคนนี้เป็นเพื่อนของหลานสาว"
"หมายความว่ายังไงครับ"
"หมายความตามที่พูด"
"คุณจะเข้ามายุ่งเรื่องไก่กานี่จริง ๆ เหรอครับ"
ฉันไม่ได้ยินเสียงตอบกลับของลุงโคลด์แต่ฉันกลับถูกใครบางคนประคองให้ลุกขึ้นยืนแล้วพาฉันเดินเข้าไปยืนข้างหลังลุงโคลด์สายตาของบรูคที่จ้องมองมาที่ฉันด้วยความเคียดแค้นฉันรู้ได้ทันทีว่าเขากำลังไม่พอใจ
"ต่อให้เป็นคุณก็ตาม แต่ถ้าคิดจะแย่งเด็กของผมไปผมขอบอกไว้เลยครับว่าเตรียมรอได้เลย"
"แล้วฉันจะรอ"
ลุงโคลด์ไม่ได้พูดอะไรนอกเหนือจากนี้เขาเดินออกไปเลยส่วนฉันก็ถูกลูกน้องของลุงโคลด์พามาด้วยซึ่งฉันไม่รู้ว่าการที่ลุงโคลด์พาฉันมาด้วยครั้งนี้ฉันจะต้องตอบแทนเขาด้วยอะไรแต่ถามว่าฉันกลัวหรือเปล่าถ้าฉันจะต้องตอบแทนลุงโคลด์ด้วยสิ่งนั้นฉันขอบอกตรงนี้เลยว่าฉันไม่กลัว
ในความคิดของฉันตอนนี้ฉันรู้สึกว่ามันก็ยังดีกว่าคนที่ฉันไม่ได้อยากจะให้
ปึ้ง!
เสียงปิดประตูรถหรูดังขึ้นฉันได้เข้ามานั่งกับลุงโคลด์ในรถของเขาเป็นครั้งแรก ภายในรถเงียบกริบไม่มีแม้แต่เสียงเพลงที่ดังเล็ดลอดออกมาเครื่องเสียงจากนั้นก็มีผู้ชายสองคนเดินเข้าไปนั่งในตำแหน่งคนขับ และตำแหน่งข้างคนขับ ส่วนฉันนั่งอยู่ด้านหลังกับลุงโคลด์ฉันนั่งตัวลีบติดกับประตูรถลุงโคลด์ไม่แม้แต่จะปรายตามองฉันหรือเอ่ยปากไถ่ถามฉันเลยแม้แต่น้อย
"ไปโดนอะไรมาเหรอครับ"
คนที่นั่งข้าง ๆ คนขับถือวิสาสะหันมาถามฉันที่ตอนนี้ยอมรับว่าร่างกายสะบักสะบอม และมอมแมม แต่ฉันก็ไม่สามารถกลับไปที่บ้านได้เพราะถ้ากลับไปบ้านแม่กับพี่สาวฉันก็คงตบตีฉัน และส่งฉันไปให้คนที่ชื่อบรูคอะไรนั่นอีกแน่
"พี่สาวฉันไปสร้างหนี้เอาไว้ค่ะแต่ว่าพี่สาวฉันให้ฉันไปไถ่หนี้แทนค่ะ"
"มาครับผมแก้มัดให้"
ฉันเหลือบสายตามองคนที่นั่งอยู่ข้างกายเขายังคงทำเหมือนเดิมส่วนคนที่บอกจะแก้มัดให้ฉันก็ยื่นมือเข้ามา เขาแก้มัดให้ฉันด้วยความรวดเร็วแล้วมองดูรอยแดงที่ข้อมือของฉันจากนั้นก็มองไปที่เจ้านายของตนเอง
"ข้อมือแดงมากเลยครับ"
"ขะ เขาต่อยน้องชายฉันด้วยค่ะ" ฉันรู้สึกโล่งใจที่ถูกช่วยเหลือแต่ก็ยังหนักใจอยู่เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าครั้งนี้ฉันต้องแลกกับอะไรจากที่ฟังคำบอกเล่าของมินนี่มาลุงโคลด์ของเธอไม่ใช่คนใจกว้างแถมยังเป็นคนใจร้ายด้วยฉันพยายามพูดให้เขาเกิดความเห็นใจแต่ว่าฉันก็ไม่ได้รับอะไรตอบกลับมาแม้แต่อย่างเดียว
"แล้วนี่พวกคุณจะพาฉันไปไหนคะ"
"พวกเรากำลังจะกลับเพนท์เฮ้าส์ครับ" พะ เพนท์เฮ้าส์เหรอแล้วมันอยู่ที่ไหนไกลจากที่นี่หรือเปล่านะ
"แล้วมันอยู่ที่ไหนเหรอคะ ไกลจากที่นี่ไหม"
"ก็ไกลอยู่ครับ ไม่เป็นไรครับคุณนั่งได้สบายเลยไม่ต้องเกร็งนายนะครับนายผมท่านเป็นอย่างนี้แหละ"
ฉันก็ยังเหลือบสายตามองลุงโคลด์อย่างกดดันเพราะความเงียบของเขานี่แหละทำให้ฉันรู้สึกกดดันฉันไม่รู้ว่าฉันจะต้องทำอย่างไรทำกับสถานการณ์ตรงนี้ฉันจึงตัดสินใจหันไปแล้วยกสองมือขึ้นไหว้เพื่อขอบคุณเขา
"ขอบคุณลุงโคลด์นะคะที่ช่วยฟาง"
"ฉันไม่มีหลานชื่อฟาง" หยะ หยาบคาย!