“อ่า! ทำไมเป็นโจรที่ตัวหอมแบบนี้” จมูกโด่งยื่นไปชิดแก้มนวลหอมแก้มนวลแผ่วเบา ยิ่งเจ้าหล่อนนิ่ง ตัวสั่น เขาก็ยิ่งได้ใจ
“กล้วย? เหมือนเคยได้ยิน” พึมพำชื่อสาวเจ้า เหมือนเคยได้ยินมาจากที่ไหน มือใหญ่เชยคางมนของคนตัวสั่นแหงนเงยขึ้นมาสบตาตน
“กะ...กล้วยขอตัวกลับได้ไหมคะ” เธอถามเสียงสั่นยกมือลูบแก้มของตัวเองไปมาด้วยความระคายผิว เมื่อถูกเคราสากของเขาถูไถ
“กลับไปไหนล่ะ ถ้าจะกลับก็กลับกับพี่ดีกว่าคนสวย” แม้จะอยู่ในความมืด แต่เขาก็มองออกว่าคนตรงหน้านี้สวย แถมกลิ่นตัวก็หอมเหลือคณา
"กล้วยจะกลับห้องตัวเองค่ะ" ตอบเสียงสั่น
“กลับห้อง? โง่เหรอคนสวย เวลาแบบนี้กลับไปทำไมห้องตัวเอง กลับห้องพี่ดีกว่า”
"ว้าย!"
หล่อนตวัดมือกอดคอหนาด้วยความกลัวตกเมื่อถูกช้อนอุ้มอย่างถือวิสาสะ
“ตัวเบาแบบนี้กินข้าวบ้างรึเปล่าแม่โจรน้อย”
เพ้อภพแทบจะสร่างเมา เมื่อได้กลิ่นกายคนในอ้อมอก เท้าใหญ่ก้าวยาว ๆ ออกจากห้องครัวเพื่อไปยังชั้นสองที่เป็นห้องของตน ไม่สนใจว่าเจ้าหล่อนจะดิ้นรนขัดขืนหรือพร้อมใจไปกับตน เวลานี้เขาต้องการปลดปล่อยความปวดหนึบกลางร่างมากกว่า
“ปล่อยกล้วยนะคะพ่อเลี้ยง”
หล่อนดิ้นและทุบตีอกเขา แต่เขาก็ยังนิ่งแล้วก้าวยาว ๆ ไปยังชั้นสองของบ้าน ความมืดของยามราตรีไม่เป็นอุปสรรคสำหรับเขาเลย น้ำตาสาวไหลอาบแก้มนวล เมื่อเขามาหยุดยืนอยู่หน้าห้องนอนของเขาที่หล่อนเดินผ่านเป็นประจำเวลาขึ้นมาหาดาหวัน
"ฮือ ๆ ๆ"
“เป็นโจรประสาอะไร คิดจะมาปล้นก็ต้องใจถึงหน่อยสิคนสวย”
ไม่ได้สนใจเสียงสะอื้นไห้ที่ดังเล็ดลอดออกมา เขาใช้มืออีกข้างผละจากโอบอุ้มเธอไปบิดเปิดลุกบิดแล้วเปิดผลักเข้าไปในห้องนอน แล้วปิดเข้าตามเดิมพร้อมล็อกประตู และโยกตัวโน้มลงเอาไหลไปกดเปิดสวิตช์ไฟข้างประตู
“ฮึก! ฮือ!" หล่อนสะอื้นไห้ตัวเกร็ง เมื่อคนตัวโตพาเดินไปยังเตียงติดริมหน้าต่าง
เพ้อภพเพิ่งได้เห็นหน้าของคนในอ้อมกอดชัด ๆ ก็ตอนนี้ คิ้วเข้มขมวดมุ่นชนกัน คลับคล้ายคลับคลาเหมือนเคยเห็นที่ไหน สะบัดหัวแรง ๆ เพื่อให้ตัวเองสร่างเมา แม้จะสร่างมาแล้วแต่ก็ยังไม่สร่างพอจะจำอะไรได้
“คุ้น! ทำไมฉันคุ้นหน้าเธอ เสียงอีกโจรน้อย กล้วย? กล้วยไหนวะ”
วางร่างเล็กที่อุ้มมาไปกับเตียง และหล่อนก็ขยับตัวเร็วเหลือเกิน ถอยหลังไปชิดกับหน้าต่างของเขา นั่งชันเข่าขึ้นก้มหน้ากับเข่ากอดเข่าตัวเองแน่น
“ฮือ ๆ ปล่อยกล้วยไปเถอะนะคะพ่อเลี้ยง กล้วยไม่ใช่ขโมย ฮึก!" พูดปนสะอื้นโดยไม่เงยหน้าขึ้น
“ชูว์! ใครจะทำอะไรเธอคนสวย มีแต่จะให้ความสุขสิไม่ว่า ไหน เงยหน้ามาให้ดูชัด ๆ หน่อยสิ”
ขยับขึ้นไปบนเตียง เคลื่อนไปหาคนนั่งตัวสั่นชิดหน้าต่างช้า ๆ เมื่อประชิดตัวเจ้าหล่อนมือใหญ่ก็ยื่นไปบังคับหน้าสวยที่ก้มกับเข่าให้แหงนเงยขึ้นมาสบตากับตน ดวงตาคู่คมของเพ้อภพมองค้างจดจ้องกับดวงหน้างามเปื้อนน้ำตาที่แหงนเงยขึ้นตามแรงบังคับของมือตน
“สวย...ทำไมเธอสวยแบบนี้...” พึมพำราวคนละเมอ มือใหญ่เช็ดคราบน้ำตาเปื้อนสองแก้มออกให้อย่างนุ่มนวล
"ฮึก!"
หล่อนสะอื้นจ้องมองหน้าของพ่อเลี้ยงหนุ่มเช่นกัน แต่แตกต่างความรู้สึก หล่อนจ้องมองด้วยความหวาดกลัว กลัวสายตาคมดุจพญาเหยี่ยวที่กำลังจ้องมองมา มองราวกับว่าเธอเป็นเหยื่อก็มิปาน
“ไหนพูดมาสิ ทำไมเธอเข้ามาในบ้านของฉันได้” ถามพลางเลื่อนสายตาต่ำมายังลำคอระหง และเพิ่งสังเกตเห็นว่าหล่อนใส่เสื้อคอกระเช้ากับผ้าถุง
“พ่อเลี้ยงให้พี่อามู่ไปรับกล้วยมาจากโรงพยาบาล มาทำงานเป็นคนใช้นะ...ในบ้านค่ะ” หล่อนกลืนความกลัวบอกออกไป
“อืม! เหรอ? ฉันลืมไปได้ยังว่าฉันเก็บของเล่นมาจากถนน” น้ำคำน่ารังเกียจเปล่งออกมาจากปากของพ่อเลี้ยงหนุ่ม
“หะ...ให้กล้วยกลับห้องเถอะนะคะ ดึกมากแล้ว” เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มเริ่มจำได้แล้ว หล่อนจึงจะขอตัวกลับห้องนอนของตัวเอง
“หึ! ไม่คิดจะตอบแทนกันหน่อยเหรอสาวน้อย ค่าข้าวแดงแกงร้อนและที่ซุกหัวนอน”
“อะ! โอ๊ย!"
สิ้นเสียงเข้มมือใหญ่ก็กอบกุมเต้างามพร้อมบีบขยำสุดแรง