“แม่รู้สึกว่าตัวเองแก่ลงมากแล้ว สุขภาพก็ไม่ดี บางทีก็ป่วยกระเสาะกระแสะ แม่หวังอยากอุ้มหลาน อยากให้ใหญ่มีครอบครัว แม่จะได้นอนตายตาหลับ” แม้จะถูกห้ามปรามจากลูกชาย แต่ท่านก็ยังเฝ้าวนเวียนพูดเรื่องความเป็นความตายอยู่แบบนั้น อาจเพราะท่านคิดว่าชีวิตคนเราไม่แน่นอน ดูอย่างสามีของท่านที่มาด่วนจากไปแบบกะทันหันโดยที่ท่านเองก็ไม่ทันได้ตั้งตัวนั่นปะไร
“โอเคครับคุณแม่ ผมจะไปเจอคู่หมั้นของผมก็ได้ แต่ถ้าเธอไม่โอเค ผมก็จะหาผู้หญิงคนอื่นมาแทน ถ้าคุณแม่อยากอุ้มหลาน”
“หามา...นี่ใหญ่ต้องรักด้วยนะ แม่เองก็ไม่อยากให้ใหญ่ต้องทนอยู่กับคนที่ไม่รัก” จรรยาเองก็ไม่อยากบังคับบุตรชายเหมือนกัน แต่นำทัพเอาแต่ทำงาน ถ้าได้ลองมองหาผู้หญิงดีๆ ลองคบกันก็อาจจะตกลงปลงใจแต่งงานไปนานแล้ว แต่นี่ไม่สนใจผู้หญิงที่จะเอามาเป็นภรรยานี่แหละ คือปัญหาใหญ่
“ถ้าคู่หมั้นของผมไม่ตกลง ผมก็จะลองจีบผู้หญิงคนอื่นมาเป็นเมียดูครับ” เขาพูดติดตลก แต่ในใจนั้นยังไม่อยากแต่งงานจริงๆ เขารักชีวิตโสด และชอบทำงานมากกว่าวุ่นวายกับชีวิตครอบครัว อาจเพราะยังไม่เจอคนที่ใช่ เห็นเพื่อนๆ แต่งงานก็เอาแต่บ่น ต้องรีบกลับบ้านบ้างล่ะ ต้องพาลูกเมียไปเที่ยวบ้างล่ะ ไม่งั้นงอน เขาก็เลยไม่อยากหาห่วงมาคล้องคอ เพราะยังไม่พร้อมที่จะดูแลหรือเอาใจใครขนาดนั้น
เคยคิดอยู่เหมือนกันว่า ถ้าเจอผู้หญิงที่รักหรือถูกใจ คงยอมทำเหมือนเพื่อนๆ ของเขา ที่ถึงจะบ่น แต่ก็ยอมทำตามที่เมียและลูกต้องการตลอด
เขามีผู้หญิงรอบกาย เรียกว่าไม่ขาด แต่ที่ไม่จริงจังเพราะยังไม่เห็นใครมีคุณสมบัติที่จะเป็นแม่ของลูกในอนาคต แต่รอบนี้มารดาขอร้องขนาดนี้ เขาก็คงต้องหันกลับมาเอาใจท่านบ้าง เพราะบางครั้งเขาก็เอาแต่ทำงาน ปล่อยปละละเลยความต้องการของท่านเรื่องนี้อยู่มาก
เขาให้มารดาได้ทุกอย่าง ใส่ใจดูแล แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวที่เขาไม่เคยยอมทำตามที่ท่านต้องการ...
“แค่ใหญ่รับปากว่าจะหาเมียมาให้แม่ชื่นใจ แม่ก็ดีใจแล้วล่ะ”
“ผมว่าคุณแม่ไปนอนพักได้แล้วครับ นี่ก็ดึกมากแล้ว” เขาตัดบทเสีย อยากให้ท่านสบายใจและพักผ่อนให้เต็มที่ เพราะคงนั่งรอเขาจนดึกดื่น
มารดามีคนคอยดูแล แต่ถ้าท่านต้องการอะไร ก็ไม่มีใครกล้าขัดใจ
“ก็ใหญ่กลับมาดึก ทำงานหามรุ่งหามค่ำ รักษาสุขภาพบ้างนะลูก”
“โธ่...คุณแม่ครับ ผมน่ะแข็งแรงไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอกครับ” นำทัพเข็นรถของมารดาเพื่อพาเข้าห้องนอน พยาบาลที่คอยดูแลมารดาเลี่ยงออกมาเมื่อเห็นว่าเจ้านายทั้งสองมีเรื่องพูดคุยกัน
นำทัพอุ้มมารดาขึ้นเตียงนอน ก่อนจะห่มผ้าให้ท่าน เวลาเขามีเวลาว่างก็มักจะมานั่งคุยกับท่าน หรืออ่านหนังสือให้ฟัง แต่ถ้างานยุ่งก็ยังเบาใจว่ามีพยาบาลคอยดูแล ชายหนุ่มทอดสายตามองบุพการีอย่างห่วงใย ปีนี้ท่านแก่ลงไปมาก ที่เขาไม่แต่งงานอาจเพราะสาเหตุเกี่ยวอาการเจ็บป่วยของท่านด้วย เขาคิดว่าใครก็ตามที่จะมาเป็นภรรยาของเขาก็ต้องรักมารดาของเขา และช่วยเขาดูแลท่าน แต่ถ้ามานั่งคอยชี้นิ้วสั่ง ไม่สนใจไยดี เขาคงต้องคิดหนักอีกเหมือนกัน จะหาผู้หญิงแบบนั้นยากยิ่งนักในสภาพปัจจุบันตอนนี้
เขาไม่ได้ต้องการผู้หญิงเก่ง แต่เขาต้องการผู้หญิงที่ดีพร้อมสำหรับการทำหน้าที่ภรรยา
“คนเราไม่แน่ไม่นอนนะใหญ่ ดูอย่างแม่สิ”
“ไม่เอาครับ ไม่พูดเรื่องนี้อีก คุณแม่พักผ่อนดีกว่า ผมสัญญาแล้วไงครับว่าจะหาเมียมาให้คุณแม่ให้ได้”
“ไม่ใช่หามาให้แม่ หาให้ตัวเองนั่นแหละ เค้าจะได้มาคอยดูแลปรนนิบัติใหญ่”
“คุณแม่พูดเหมือนผมเป็นท่านเจ้าคุณแน่ะครับ เดี๋ยวนี้ภรรยาเค้าก็เก่งทำงานนอกบ้านนะครับ เรื่องปรนนิบัติคงยากครับ” ปากพูดไปแบบนั้น แต่ใจนั้นอยากได้ผู้หญิงที่เป็นภรรยาจริงๆ ไม่ใช่ผู้หญิงที่ทำงานเก่งแต่ขาดคุณสมบัติภรรยา เขาอาจจะหัวโบราณไปนิด แต่ผู้หญิงทำงานเก่งมีเยอะมาก แต่ไม่เหมาะจะเป็นภรรยาใคร
“แต่แม่ก็ว่ายังมีนะใหญ่”
“ถ้าเป็นคุณแม่น่ะผมเชื่อครับ เพราะตั้งแต่จำความได้ คุณแม่ดูแลผมกับคุณพ่อดีเหลือเกิน”
“แม่น่ะไม่เคยสนใจเรื่องความร่ำรวยหรือลาภยศอะไร ถ้าใหญ่จะรักจะชอบใคร แม่ก็ไม่เคยห้ามไม่เคยค้าน ขอแค่เป็นคนดี แต่ใหญ่ก็บ่ายเบี่ยงอยู่เรื่อย” คุณจรรยาพูดอย่างอ่อนโยน ท่านไม่เคยดูคนแค่ฐานะหรือชาติตระกูล แต่ดูที่จิตใจและความดีงามมากกว่า
“ผมรู้ดีครับ แต่มันไม่มีนี่ครับ จะให้ทำยังไง”
“เอาเถอะจ้ะ เรื่องหนูจันทร์เจ้า แม่ถือว่าใหญ่รับปากแล้วนะ”
“ขอรับกระผม คุณแม่พักผ่อนเถอะครับ นี่ก็ดึกมากแล้ว ผมจะนั่งรอจนคุณแม่หลับแล้วกัน”
“ไม่เอาหรอก ใหญ่กลับมาเหนื่อยๆ ควรจะไปพักผ่อน ดูสิ แม่ก็มัวคิดแต่เรื่องหนูจันทร์เจ้า แล้วนี่ข้าวปลาทานมาหรือยังจ๊ะ”
“เรียบร้อยแล้วครับ อิ่มแปล้เลยครับ” เขาพูดยิ้มๆ แม้จะรู้ว่ามารดามองไม่เห็นก็ตามที
“ดีแล้ว อย่าทำงานหักโหมมากมายจนลืมดูแลสุขภาพนะลูก เงินทองน่ะเราหาเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้าเราขยันไม่ขี้เกียจ แต่ก็ให้พอประมาณ มีเงินมากมายแต่เจ็บป่วยไม่สบาย เป็นโรคร้าย หรือร่างกายอ่อนแอ แม่ก็คิดว่าจะมีไปทำไม มีเงินก็มีไปแต่ร่างกายและสุขภาพสำคัญที่สุด ไม่ใช่เอาแต่หาเงิน แต่ไม่มีโอกาสใช้”
“ผมจะจำไว้ครับคุณแม่ จะรักษาสุขภาพให้ดี” เขารับคำไม่อยากให้มารดาเป็นห่วงมากนัก
“ไปอาบน้ำอาบท่าเข้านอนเถอะจ้ะ แม่ไม่กวนใหญ่แล้ว ไปเรียกประไพมาก็พอ” ประไพคือพยาบาลพิเศษที่คอยดูแลท่านอยู่หลายปี
“ครับคุณแม่ ผมรักคุณแม่นะครับ” นำทัพหอมแก้มมารดา ก่อนจะไปเรียกประไพมาดูแลมารดา ประไพนั้นดูแลมารดาตลอดและพักอยู่ที่นี่ด้วย เพราะยังไม่มีครอบครัว จึงสะดวกในการหาที่อยู่อาศัยให้ อีกฝ่ายเป็นคนจิตใจดี ใจเย็นและขยัน นั่นทำให้ประไพเป็นที่รักและไว้ใจของคุณจรรยาเป็นอันมาก
“คุณท่านยังไม่ง่วงเหรอคะ” ประไพเอ่ยถาม แม้สายตาท่านจะมืดบอด แต่ปฏิกิริยาทางกายนั้นก็ทำให้รู้ว่าท่านยังไม่หลับ
“ยังเลยจ้ะไพ คิดเรื่องตาใหญ่อยู่น่ะ”
“เรื่องแต่งงานน่ะเหรอคะ” ประไพรู้เรื่องนี้ดี เพราะจรรยามักพูดเรื่องนี้ให้ฟังอยู่เสมอ
“ใช่จ้ะ ฉันล่ะอยากให้ตาใหญ่มีครอบครัวสักที อายุอานามก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้วนะ”
“เดี๋ยวคุณใหญ่ก็คงเจอเนื้อคู่ล่ะค่ะ บางคนอาจจะเจอช้าหน่อย แต่คนเราก็ต้องมีคู่นะคะ”
“ไม่เสมอไปหรอกจ้ะ”
“อันนี้ก็จริงนะคะ ดูอย่างไพสิคะ ยังไม่เจอเนื้อคู่เหมือนกัน”
“ฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกว่าทำไมถึงไม่อยากแต่งงานมีครอบครัวกัน” คุณจรรยาชอบคุยกับประไพ เพราะอีกฝ่ายคุยสนุกและชอบแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ไม่เคยเบื่อคนป่วยแถมพิการอย่างเธอเลยสักครั้งเดียว
“บางทีก็อยากแต่งหรอกนะคะ แต่ก็หาคนดีๆไม่ได้”
“ก็จริงนะ”
“คนดีๆ ที่เข้ากับเราได้ ไม่ต้องดีเลิศ แต่รับนิสัยเราได้ อาจจะไม่มีนะคะ”
“ก็จริงอีกนั่นแหละ ตอนฉันแต่งงานกับคุณรุต ฉันก็คิดหนักเหมือนกัน แต่พอแต่งกันแล้ว เขาดียิ่งกว่าเก่าเสียอีก”
“แบบนั้นเรียกว่าโชคดีค่ะ”
“คุณรุตขี้หึงมากนะ ผู้ชายคนไหนมองฉันไม่ได้เลย”
“แบบนี้คุณใหญ่ก็น่าจะขี้หึงนะคะ”
“ก็คงอย่างนั้นแหละ แต่ไม่เคยเห็นมีแฟนเป็นตัวเป็นตนสักครั้ง” คุณจรรยาถอนใจ
“ไม่แน่นะคะ คุณจันทร์เจ้าอาจจะเป็นเนื้อคู่ของคุณใหญ่ก็ได้ หมั้นหมายกันตั้งแต่เด็ก ที่คุณใหญ่ไม่ยอมมีใคร อาจเพราะรอคุณจันทร์เจ้านี่แหละค่ะ”