อคินเลิกคิ้วสูงข้างหนึ่งด้วยความฉงน แต่แซนดี้กลับหัวเราะระรื่นก่อนจะเดินไปเรียกพนักงานที่รอรับคำสั่งอยู่ด้านนอก อคินยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มอีกอึก เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ในขณะที่แซนดี้เดินกลับมานวดไหล่ให้ชายหนุ่ม ปลายนิ้วเธอสัมผัสผ่านเสื้อเชิ้ตเนื้อนุ่มสร้างแรงกระตุ้นและผ่อนคลายให้ชายหนุ่ม
“เครียดหรือคะ งานผู้บริหารคงหนักน่าดู” แซนดี้กระซิบถามที่ริมหูแต่ดูท่าทางเขาไม่มีท่าทีโต้ตอบอะไรเลย
“ก็เป็นธรรมดาไม่ใช่เหรอ” เขาดื่มเหล้าอีกอึกแล้วส่งแก้วให้แซนดี้เหมือนกับจะบอกให้เธอปล่อยมือจากไหล่ของเขา
“ปัญหาของการแบกของด้วยบ่า ไม่ใช่อยู่ที่น้ำหนักแต่อยู่ที่ความสมดุลต่างหาก”
หญิงสาวหัวเราะคิกคัก “แหม! ฉันไม่คิดว่านี้จะเป็นหัวข้อสนทนาในคืนวันศุกร์หรอกนะคะ”
อคินทำท่าจะพูดอะไรต่อแต่ การเข้ามาใหม่ของใครคนหนึ่งทำให้เขาชะงักชายหนุ่มลุกขึ้นยืนมองผู้มาใหม่อย่างเต็มตา บนเวทีเมื่อครู่นั้น เขาคิดว่าเธอดูเย้ายวนมากด้วยรูปร่างบอบบาง แต่เมื่อได้อยู่ใกล้ขนาดได้กลิ่นหอมบางๆ จากหญิงสาวตรงหน้า เขาถึงได้เห็นโครงหน้าสวยได้รูป ดวงตากลมโตรับกับคิ้วเรียวและจมูกเชิดรั้นและริมฝีปากอิ่มที่เผยอขึ้นเล็กน้อย
“ดาหลานี่คุณอคิน นฤปนาถ”
“นฤปนาถ?” นักร้องสาวทวนคำที่ได้ยิน
“ใช่จ๊ะ...เจ้าของธนาคารนฤปนาถไงจ๊ะ”
หญิงสาวไม่มีแววตื่นเต้นตกใจหรือทำท่าจะวิ่งเข้าใส่ชายหนุ่มเธอยิ้มน้อยๆ แล้วยกมือไหว้อย่างมีมารยาท
“สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อดาหลาค่ะ”
อคินออกจะแปลกใจเล็กๆ แต่ก็รีบยกมือไหว้รับแล้วเผยมือเชิญให้หญิงสาวนั่ง ดาหลาหันไปมองทางแซนดี้นิดหนึ่ง เมื่อเห็นเจ้าของคลับไม่ว่าอะไร เธอก็นั่งลงใกล้ๆ ชายหนุ่มแต่รักษาระยะห่างอย่างพอดี
“ดื่มอะไรไหมครับ”
“ขอน้ำเปล่าได้ไหมคะ” ดาหลาเอ่ยอย่างเกรงใจ “แอลกอฮอร์ไม่ดีกับเสียงของฉันค่ะ”
“แต่คุณก็ทำงานในสถานที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอร์” อคินหัวเราะในลำคอ แต่ก็สั่งน้ำเปล่าสำหรับนักร้องสาว
“ก็ฉันขายเสียงนี่คะ ไม่ได้ขายอย่างอื่นแถมไปด้วย”
อคินเกือบสะสำลักเหล้าที่ยกขึ้นดื่ม เขาหันไปมองแซนดี้ที่ยักไหล่เหมือนจะบอกว่า ‘ฉันเตือนคุณแล้ว’
“เพิ่งมาทำงานที่นี่เหรอครับ”
“ทำงานได้สามอาทิตย์แล้วค่ะ” ดาหลาตอบแล้วรับแก้วน้ำไปดื่ม “ต้องขอบคุณคุณแซนดี้มีเมตตารับฉันเข้าทำงานค่ะ”
แซนดี้หัวเราะน้อยๆ แล้วโบกมือไปมา “ฉันกำลังอยู่ในแผนฟื้นฟูสภาพคล่องอยู่ก็ต้องพยายามทำร้านให้มันดีๆ หน่อย แล้วก็เจอคนเสียงดีมาสมัครเป็นนักร้องฉันก็ต้องรับไว้ซิ”
“คุณร้องเพลงได้ไพเราะมากครับ” อคินเอ่ยชมอย่างจริงใจ “เรียนร้องเพลงมาหรือเปล่า”
“ฉันฝึกด้วยตัวเองค่ะ” ดาหลายิ้มตอบด้วยท่าทีสบายๆ ไม่มีการเขินอายหรือประหม่าและไม่ได้มองชายหนุ่มด้วยแววตากระหายเงิน
“แบบนี้น่าจะเรียกว่าพรสวรรค์” อคินก้มศีรษะให้นิดหนึ่ง “แต่ผมก็ยังแปลกใจอยู่ดีที่คุณมาเป็นนักร้องในคลับแบบนี้”
“อ้าว! พูดแบบนี้แสดงว่าคลับของแซนดี้ไม่ดีพองั้นหรือคะ”
แซนดี้ทำเสียงสูงแต่หัวเราะร่วน
“ผมไม่ได้หมายถึงแบบนั้น” แอลกอฮอร์ทำให้เขาอารมณ์ดีและหัวเราะง่ายขึ้น “ก็แค่...ไม่น่าจะเป็นที่แบบนี้”
“ทางเลือกของคนเรามีไม่เหมือนกันนี่” ดาหลายิ้มบางๆ แต่หรี่ตามองชายหนุ่ม “แต่ฉันก็มั่นใจในทางที่เลือกเดิน”
ชั่ววินาทีหนึ่ง อคินรู้สึกว่าสายตาของเธอเต็มไปด้วยอารมณ์อันหลากหลาย แต่ไม่ใช่ความหมายที่ดีนัก ทั้งโกรธแค้นและชิงชังแต่เรียวปากอิ่มยังคลี่ยิ้มแย้มอย่างเย้ายวน อคินยิ้มแล้วชะโงกหน้าข้ามโต๊ะเตี้ยๆ มาใกล้ๆ ดาหลา
“คุณอยากให้ผมไปส่งบ้านไหม”
“ขอบคุณค่ะ แต่ดิฉันมีคนมารับอยู่แล้ว” ดาหลายิ้มหวาน “ถ้าไม่มีอะไรฉันขอตัวนะคะ”
อคินอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าจะถูกปฏิเสธอย่างง่ายดายแบบนี้
“บอกแล้วไงคะว่าคนนี้ไม่เหมือนใคร” แซนดี้หัวเราะคิกคัก
อคินพยักหน้ารับแล้ว ดื่มเหล้าไปอีกอึกใหญ่ก่อนแล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ตามเดิม เขาหลับตาอย่างเหนื่อยอ่อน แต่กระนั้นกล่องความทรงจำกลับเปิดออกอีกครั้ง
‘ห้ามพวกเขาซิ! อย่าให้พวกมันทำอะไรเรา’
เด็กหญิงตัวน้อยถลาเข้าไปเขย่าแขนเขา เขาก้มมองใบหน้าของเด็กหญิงอายุราวๆ 11-12 ขวบที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา
‘ฉันมีเงินนะ! ฉันจ้างนายให้หยุดพวกมัน!’
“อคินคะ”
แซนดี้กระซิบเรียกที่ริมหูของชายหนุ่ม
อคินสะดุ้งลืมตาหญิงสาวที่อยู่ข้างๆ แล้วเหลือบมองรอบกายซึ่งไม่ใช่ ‘บ้านหลังนั้น’ ‘บ้านหลังนั้น’การทำงาน ‘ทวงหนี้’ ครั้งแรกของเขา
ขณะนั้น ‘อาคม’พ่อของเขาปล่อยเงินกู้นอกระบบ และฝึกให้เขาเป็นเหมือนพ่อ พ่อให้เขาไปทวงหนี้กับพวกลูกน้องนักเลงที่พ่อเลี้ยงไว้ครั้งนั้นเขาเพิ่งอายุเพียง 24 ปีเท่านั้น แต่การทำงานครั้งแรกทำให้เขารู้สึกโกรธเกลียดสิ่งที่พ่อทำอยู่เป็นอย่างมาก ความเกลียดเป็นสิ่งที่ผลักดันให้เขาทำธุรกิจปล่อยเงินกู้อย่างถูกกฏหมาย จนกลายมาเป็นสถาบันการเงินนฤปนาถในทุกวันนี้ เขาพยายามสืบเสาะค้นหาผู้ที่เคยอาศัยใน‘บ้านหลังนั้น’ แต่ข่าวที่เขารับรู้มาก็คือความเศร้าตอกย้ำความผิดบาปในใจเขาจนกลายเป็นฝันร้าย
“คืนนี้คุณอยากพักผ่อนที่นี่ไหม” แซนดี้เอ่ยถามเบาๆ
“ผมกลับไปนอนที่บ้านดีกว่า” ชายหนุ่มถอนหายใจเบื่อๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน “ขอบคุณสำหรับคืนนี้”
แซนดี้เม้มริมฝีปากเน้นจนเป็นเส้นตรง เธอรู้ตัวดีว่าไม่มีสิทธิ์หึงหวงชายหนุ่มตรงหน้า แต่อารมณ์ที่เกิดขึ้นมันห้ามใจไม่อยู่แต่เธอก็ฝืนยิ้มออกมา อคินเดินออกมาแล้วหันไปส่งยิ้มให้นักร้องสาวบนเวทีอีกครั้งแล้วเดินจากไปเงียบๆ
ดาหลายิ้มตอบอย่างเป็นมิตรแต่เมื่อเห็นแผ่นหลังของเขาลับตาไปแล้ว รอยยิ้มของเธอก็ก็เปลี่ยนไปทันที
‘เวลาแห่งการแก้แค้นมาถึงเสียที’